บทที่ 105 หนุ่มสาวกำลังตากผ้านวม
เป็นเรื่องธรรมดาที่ก่อนวันตรุษสองสามวันมักไม่มีการกินอาหารเป็นเรื่องเป็นราว
ด้วยเพราะต้องเตรียมอาหารตลอดสามวันที่ผ่านมา เพียงแค่กินจากของที่เตรียมอยู่ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากที่กินเต้าหู้ไปแล้ว ทั้งสามก็ไม่รู้สึกหิวอีกต่อไป เมื่อเต้าหู้พร้อม นางหวังก็ตั้งกระทะน้ำมันขนาดใหญ่เพื่อเตรียมทอดเต้าหู้ ปีนี้ครอบครัวหลิวมีเงินจับจ่ายมากกว่าปีที่แล้ว จึงเตรียมอาหารได้หลากหลาย
แต่การทอดในกระทะขนาดใหญ่อาจทำให้ถูกลวกได้หากไม่ระวัง นางหวังจึงโพกผ้าที่ศีรษะ เอาตะเกียบไม้ไผ่แบบยาวเกือบหนึ่งฉื่อและกระชอนออกมา และไม่ยอมให้เหยียนซีเป็นคนทำ
ในหมู่บ้านหยางซาน ครอบครัวที่ฐานะดีหน่อยก็จะกินเต้าหู้ทอด เสี่ยงหลิงและลูกชิ้นเนื้อในช่วงปีใหม่
ซึ่งเต้าหู้ทอดคือการเอาเต้าหู้แข็งมาหั่นเป็นชิ้นเล็กแล้วทอดในน้ำมัน
ส่วนเสี่ยงหลิง ถ้าจะให้มีรสชาติก็ต้องเติมไส้ลงไป เหยียนซีจึงเอากะหล่ำปลี เนื้อหมู เห็ดหูหนูดำ และถั่วงอกมาปรุงรส ห่อด้วยฟองเต้าหู้ รีดเป็นเส้นยาว ๆ หันเป็นชิ้น ๆ เอาไปทอดในน้ำมันจนเหลืองกรอบ ไม่รู้ว่าชื่อเสี่ยงหลิงที่แปลว่าสั่นกระดิ่งของมันมีที่มาอย่างไร แต่อาจจะมาจากเสียงกรุบกรอบยามเคี้ยวก็เป็นได้
และลูกชิ้นเนื้อ แม้ว่าจะเรียกว่าลูกชิ้นเนื้อ แต่การใส่เนื้ออย่างเดียวจะไม่อร่อยเท่าไรนัก นางหวังจึงสับหมูสามชั้นและขิงผสมกัน ใส่เต้าหู้แข็งและแป้งอีกหนึ่งช้อน ผสมให้เขากัน บีบเป็นลูกกลม ๆ ออกมาจากช่องระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง อีกมือก็ใช้ช้อนตัดลูกชิ้นลงไปในกระทะจนเกิดเสียงซู่ ๆ และรอให้ลูกชิ้นทอดลอยขึ้นมาก็แสดงว่าสุกได้ที่
นอกจากลูกชิ้นจะผสมเต้าหู้แล้ว นางหวังยังใช้กากเต้าหู้ผสมลงไปด้วย
“ลูกชิ้นเนื้อทอดที่มีกากเต้าหู้นุ่มลิ้น อร่อยมากนัก” หลิวเหิงพูดกับเหยียนซี
เหยียนซีเองก็ได้ชิมด้วย ลูกชิ้นที่ใส่เต้าหู้จะแข็งกว่าลูกชิ้นที่ใส่กากเต้าหู้ และเต้าหู้แข็งมีราคาแพงกว่ากากเต้าหู้ นี่คงเป็นเพราะนางหวังน่าจะเคยชินกับการทำแบบนี้เพื่อประหยัดเงิน
นางหวังยุ่งอยู่กับการทอดลูกชิ้น ส่วนหลิวเหิงประจำอยู่ที่เตาช่วยคุมไฟ
เหยียนซีที่เห็นว่ายังพอมีข้าวเหลืออยู่บ้างจึงสับต้นหอม โรยงาและเกลือใส่ในข้าวที่เหลือ นำไปใส่ไว้ในกล่องสี่เหลี่ยมจากนั้นนำไปวางข้างนอก
ทันทีที่เดินออกมาจากครัว ลมเย็นก็พัดมาปะทะใบหน้า ชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ก่อตัวขึ้นตรงบริเวณลานซักล้างด้านนอก
“ซีเอ๋อร์ ข้างนอกมันหนาว เจ้าออกไปทำอะไรตรงนั้น”
“ท่านป้าเจ้าคะ ข้าจะออกมาเพื่อเอาของมาแช่แข็ง แล้วจะเอามาทำเป็นมื้อเย็นทีหลังเจ้าค่ะ” เหยียนซียังไม่เคยได้กินจือฟ่านเกาที่นี่ จึงลองชิมดู
เมื่อนางหวังทอดอาหารที่เตรียมไว้สำหรับวันตรุษเกือบจะเสร็จแล้ว เหยียนซีก็เอาข้าวที่เหลือกลับเข้ามา ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว เด็กน้อยตัดมันเป็นชิ้น ๆ และขอให้นางหวังทอดมันให้
“ข้าไม่เคยกินข้าวทอดมาก่อนเลย” นางหวังพูดพลางมองเหยียนซีอย่างกระตือรือร้น ขอให้หลิวเหิงเอาฟืนออกจากเตา ลดไฟลงแล้วเริ่มทอด
ไม่นานนักจือฟ่านเกาก็ถูกทอดจนเหลือง
นางหวังคีบมันใส่กระชอนเพื่อสะเด็ดน้ำมัน เหยียนซีเอามือไปหยิบมาหนึ่งชิ้นอย่างไม่สนความร้อน ทันทีที่ข้าวทอดเข้าไปในปาก นางก็อุทานขึ้นมา “อร่อยมากเจ้าค่ะ” นางหวังที่มือไม่ว่าง และมือของหลิวเหิงก็ไม่สะอาดจากการจับฟืน เหยียนซีจึงเอาตะเกียบมาคีบให้พวกเขาชิม
นางกัดไปหนึ่งคำ “อืม พอเอามาทอดแล้วก็หอมอร่อยแบบนี้นี่เอง”
หลิวเหิงมองอาหารที่เหยียนซีเอามาป้อนครู่หนึ่งแล้วอ้าปากกินมันเข้าไป “อร่อยจริง ๆ ด้วย”
ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่อาหารที่เธอแนะนำได้รับคำชื่นชม เหยียนซีกินจือฟ่านเกาอีกชิ้น และรู้สึกว่ากลิ่นหอมของมันยังติดอยู่ในปาก
ในคืนวันที่ยี่สิบเจ็ด ปกติแล้วทุกบ้านจะตั้งกระทะน้ำมันสำหรับทำอาหาร และอาหารสำหรับวันตรุษมักจะทอดกันในคืนนี้
เหยียนซีเอาเนื้อมาแล่บางชุบด้วยแป้งแล้วทอด
ส่วนนางหวังเองก็เอาปลาตัวเล็ก ๆ ยาวประมาณหนึ่งนิ้วที่เหยียนซีซื้อมาชุบแป้งทอดด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเริ่มหาว นางจึงหยุดมือ
“ปีนี้เรามีของทอดมากพอแล้ว เจ้าสองคนเข้าไปนอนเถิด พรุ่งนี้มีอะไรที่ต้องทำอีกมาก”
หลังจากที่เหยียนซีกินอาหารจนอิ่มหนำ เธอก็รู้สึกว่าเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง ไม่รู้มาก่อนว่าช่วงปีใหม่มีอะไรจะต้องทำมากมายขนาดนี้ ความตั้งใจที่จะนอนดึกนั้นมีมากพอ แต่ร่างกายนี้มีอายุเพียงเก้าขวบ ไม่สามารถทำตามความตั้งใจได้
หลิวเหิงยังไม่งัวเงียขนาดนั้น เขามองหัวกลม ๆ ของเด็กหญิงที่ค่อย ๆ ก้มต่ำเหมือนไก่จิกข้าว ระหว่างที่เดินออกจากห้องครัวจึงยื่นมือไปช่วยประคองหัวนางขึ้น “เจ้าดูทางด้วยสิ เดินอีกนิดเดียวก็ไปถึงที่นอนแล้ว”
เหยียนซีล้างตัวเพียงครู่หนึ่ง โบกมือให้ทุกคนแล้วเอ่ยปาก “ข้าขอไปนอนก่อนนะเจ้าคะ” เมื่อเข้าไปในห้องนอนก็ล้มตัวลงบนเตียงทันที
ถ้านางหวังไม่ได้เอาอ่างถ่านเข้ามาวางให้อบอุ่น มีหวังเด็กน้อยคงต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความหนาวเป็นแน่
รุ่งเช้าวันที่ยี่สิบแปดของเดือนสิบสองกลิ่นอายของปีใหม่ยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก ตอนนี้ทุกครอบครัวกำลังเตรียมทำขนมแป้งนึ่ง
ขนมที่กินกันในช่วงปีใหม่จะเป็นขนมที่ผสมขึ้นจากแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว งา และเนื้อสัตว์
การเติมเนื้อสัตว์ทำให้แป้งนึ่งช่วยทำให้มันพิเศษมากขึ้น เพราะคนในหมู่บ้านจะกินเนื้อกันเพียงปีละสองสามครั้ง ทุกคนต่างก็มองว่าขนมที่ใส่เนื้อจะมีรสชาติอร่อย
ปีก่อน ๆ นางหวังใช้ขนมฟูที่เป็นขนมนึ่งจากแป้ง แต่ปีนี้หลิวเหิงได้เป็นซิ่วไฉ และครอบครัวก็มีเนื้อสัตว์เพียงพอ จึงทำขนมแป้งนึ่งใส่เนื้อขึ้นมา เนื่องจากการทำขนมชนิดนี้ต้องใช้แป้งจำนวนมาก นางจึงชวนแม่จิ้นเป่าไปช่วยโม่แป้งด้วยกัน ปล่อยเหยียนซีกับหลิวเหิงทำความสะอาดบ้าน
การปัดกวาดในช่วงปีใหม่ตามความเชื่อคือการทำความสะอาดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ซึ่งปกติจะทำกันในวันที่ยี่สิบสาม แต่เพราะช่วงนั้นเหยียนซีวุ่นวายอยู่กับการเอาชุนเหลียนไปขาย หลิวเหิงเองก็ไปกับเธอด้วย ส่วนนางหวังก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมเสื้อผ้าปีใหม่ จึงไม่ได้มีการทำความสะอาดบ้านอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และเปลี่ยนมาทำกันวันที่ยี่สิบแปดแทน
ด้วยเพราะนางหวังเป็นคนสะอาด ทำให้ไม่ได้มีฝุ่นจับหรือหยากไย่อยู่ในบ้านมากนัก ทั้งสองจึงช่วยกันจัดข้าวของใหม่แทน
หลังจากจัดบ้านเรียบร้อยแล้ว เหยียนซีก็เห็นว่าวันนี้มีแดดจัดและลมไม่ค่อยแรง เธอจึงตั้งราวตากผ้าที่หน้าบ้าน และช่วยกันกับหลิวเหิง เอาผ้านวมสองสามผืนในบ้านออกมาตาก
ต่อให้ห่มผ้านวมแต่นาน ๆ ไปก็ยังรู้สึกหนาวหากไม่มีอ่างถ่านช่วยให้อุ่น ตอนนอนจะรู้สึกทรมานไม่น้อย แต่หากผ้านวมได้ตากแดดจะให้ความรู้สึกต่างออกไปในฤดูหนาว ราวกับแสงแดดได้ช่วยให้ผ้านวมเหล่านี้ได้ฟื้นคืนชีวิต เส้นใยจะฟูเป็นพิเศษและให้ความอุ่นเมื่อได้สัมผัส ทำให้ค่ำคืนไม่หนาวเหน็บเกินไปยามซุกตัวนอน
ผ้านวมสำหรับหน้าหนาวมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หลิวเหิงยกมันไปตากที่ราวตากผ้า เหยียนซีเอาไม้หวายตีเพื่อตบฝุ่นออกไปจากผ้านวมอย่างแรงจากนั้นก็จัดให้เข้าที่
อาสะใภ้สามและนางจ้าวมาส่งอาหารให้บ้านตระกูลหลิว
นี่เป็นหนึ่งในธรรมเนียมปีใหม่ของหมู่บ้านด้วย คนที่เป็นมิตรต่อกันจะเอาของทอดที่บ้านตัวเองมามอบให้และแลกเปลี่ยนกัน หมายถึงการแลกเปลี่ยนมิตรไมตรี ปีก่อน อาสามให้แม่จิ้นเป่าและหลิวจิ้นเป่ามาสองหน อาสะใภ้สามไม่อยากมา เพราะนางไม่อยากแบ่งอาหารดี ๆ ให้บ้านอื่น นางจ้าวไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ครอบครัวผู้นำตระกูลหลิวมักจะแบ่งอาหารกันไปมาเพียงไม่กี่บ้านซึ่งเป็นพี่น้องของเขา
ตอนนี้นางจ้าวถือชามเสี่ยงหลิงและอาสะใภ้สามก็เอาลูกชิ้นมาให้ ทันทีที่พวกนางเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นว่าเหยียนซีและหลิวเหิงกำลังตากผ้านวมกันอยู่
อาสะใภ้สามพูดขึ้น “นี่คู่หนุ่มสาวกำลังตากผ้านวมอยู่อย่างนั้นหรือ”
MANGA DISCUSSION