บทที่ 99 เปิดหูเปิดตา
เมื่อเหยียนซีถามข่าวเกี่ยวกับจวนอ๋อง หลิวเหิงก็เริ่มเล่า
ก่อนหน้านี้ เหยียนซียังไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้มากนัก นอกจากเรื่องทั่ว ๆ ไปภายในละแวกบ้าน ซึ่งก็เป็นเพราะผู้คนรอบตัวที่นางมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ล้วนจะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัว หรือเรื่องการทำมาหากิน มีชาวบ้านอยู่ส่วนน้อยนักที่จะสนใจเกี่ยวกับการบ้านการเมือง
อีกทั้งนางยังไม่กล้าเอ่ยปากถามใครสุ่มสี่สุ่มห้าเพราะกลัวว่าคำถามบางอย่างอาจทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยในตัวนางได้
หลังจากฟังสิ่งที่หลิวเหิงเล่าแล้ว เหยียนซีก็เริ่มเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองตอนนี้มากขึ้น และในที่สุดก็เริ่มได้เปิดหูเปิดตาขึ้นมาบ้าง ตอนนี้นางอยู่ในอาณาจักรเว่ยที่มีอาณาเขตกว้างขวาง คล้ายกับประเทศจีนในชาติที่แล้ว มีคนอาศัยอยู่ทางเหนือ
ตอนนี้เป็นปีที่แปดของแผ่นดินเทียนฉี่ ณ อาณาจักรเว่ย
องค์จักรพรรดิของอาณาจักรเว่ยคือจักรพรรดิเทียนฉี่ ขึ้นครองราชย์มาตั้งแต่วัยหนุ่ม และครองราชย์ยาวนานมากว่าสิบปี แต่ทว่าโชคไม่ดีที่พระราชโอรสหลายพระองค์ต่างสิ้นพระชนม์ด้วยอาการประชวรตั้งแต่เพิ่งเริ่มต้นแผ่นดิน จนตอนนี้องค์จักรพรรดิชันษาห้าสิบกว่าแล้ว แต่ก็ไร้ซึ่งโอรสมาสืบบัลลังก์
ดังนั้นแม้ว่าราชสำนักในตอนนี้จะมั่นคงในเรื่องการปกครอง แต่สถานการณ์ภายในถือว่ายังไม่สงบนิ่ง ด้วยความที่ไร้ซึ่งเด็กเกิดใหม่ เหล่าขุนนางทั้งหลายจึงได้กราบทูลให้องค์จักรพรรดิเทียนฉี่คัดเลือกบรรดาราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติเพียงพอขึ้นเป็นองค์รัชทายาท
เรื่องความพยายามแต่งตั้งองค์รัชทายาทนี้ มีทั้งผู้ที่สนับสนุนให้เลือกองค์รัชทายาทที่เจริญชันษาและมีความสามารถมาครองตำแหน่งเพื่อจะได้ง่ายต่อการสร้างความมั่นคงให้แก่ราชบัลลังก์ แต่ก็ยังมีขุนนางที่สนับสนุนให้แต่งตั้งองค์รัชทายาทที่ยังทรงพระเยาว์ด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าจะเป็นการง่ายสำหรับจักรพรรดิเทียนฉี่ที่จะทรงสั่งสอนองค์รัชทายาทให้มีความรู้ความสามารถและเจริญวัยขึ้นตามที่พระองค์ต้องการ
ผิงอ๋องแห่งหย่งโจวเป็นพระอนุชาขององค์จักรพรรดิเทียนฉี่ หลังจากที่องค์จักรพรรดิขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ทรงพระราชทานหย่งโจวให้เป็นศักดินาของผิงอ๋อง ซึ่งเป็นดินแดนทางใต้ของแม่น้ำหมิงที่มีความอุดมสมบูรณ์ การที่องค์จักรพรรดิพระราชทานพื้นที่แห่งนี้แก่ผิงอ๋อง นั่นหมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับพระอนุชาแน่นแฟ้นไม่เลว
“ข้าได้ยินจากพี่เฉินว่าพระชายาผิงอ๋องเป็นคนตระกูลอันจากเจี้ยนเฉิง พระนางเป็นคนตระกูลเดียวกับพระสนมขององค์จักรพรรดิ เกี่ยวพันกันเป็นญาติฝั่งปู่ และพระสนมพระองค์นี้ยังเป็นป้าของพระชายาผิงอ๋องอีกด้วย น่าเสียดายที่พระชายาสิ้นพระชนม์ไปเพราะอาการประชวรในปีนี้เอง” หลิวเหิงกระซิบกระซาบ “ภายในจวนอ๋องเล่าลือกันว่าผิงอ๋องไม่โปรดโอรสคนแรกเท่ากับโอรสคนรองที่เกิดจากอนุเสียด้วย”
“เขาเพิ่งจะเสียแม่ไปทั้งยังถูกพ่อทอดทิ้งอีก ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารยิ่งนัก” เมื่อได้ยินข่าวลือนั้น นางหวังก็อดแสดงความคิดเห็นไม่ได้
เหยียนซีคิดว่าเด็กหนุ่มที่หนีมานั้นน่าจะเป็นโอรสของผิงอ๋อง และการที่เข้าถูกตามล่าก็น่าจะเป็นฝีมือของอนุท่านอ๋องเช่นกัน
“บ้านที่มีกองเงินกองทองอย่างนั้นก็คงไม่พ้นที่จะเต็มไปด้วยข่าวลือมากมาย”
“หา? กองเงินกองทอง?” หลิวเหิงไม่เข้าใจสิ่งที่เหยียนซีหมายถึง
หญิงสาวแลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วอธิบายต่อ “ข้าหมายถึงคนรวยและมีอำนาจมาก ๆ มักจะเกิดเรื่องมากมายในครอบครัวเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปหรอก” นางหวังแย้ง “ดูในหมู่บ้านเราสิ ไม่แปลกเลยที่ลูกชายสองสามคนจะตีกันจนตายเพื่อแย่งสมบัติของครอบครัว ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย ตราบใดที่ลูกหลานไม่รักใคร่คอยแต่จะแข่งขันกันเอง เรื่องวุ่นวายฉาวโฉ่ล้วนเกิดขึ้นได้”
นั่นก็จริงเช่นกัน ว่ากันตามตรงแล้ว ไม่ว่าจะเงินมากเงินน้อย ตราบใดที่มีความโลภ ก็ยังไม่พ้นจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงมา
เหยียนซีไม่แน่ใจว่านางหวังตั้งข้อสันนิษฐานถึงตัวตนของเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างที่นางคิดไว้หรือไม่ แต่เพื่อไม่ให้หลิวเหิงต้องเป็นห่วง ทั้งสองจึงไม่ได้เอ่ยเรื่องชายสองคนที่เข้ามาซ่อนตัวที่บ้านในสภาพบาดเจ็บนั้นออกมา
ทั้งสามไม่ได้มีเรื่องข่าวลือซุบซิบมาพูดคุยมากมายนัก ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ในวันไหว้บัวลอย ท้องฟ้ามีเมฆมากอึมครึม และฝนยังตกลงมาเล็กน้อยไม่ได้หนักมากนัก แต่ความหนาวเย็นก็ยังคงกัดกินไม่น้อยลงเลย
อย่างไรเสียนี่ก็ยังคงเป็นฤดูหนาวที่แสนโหดร้าย เมื่อลมหนาวพัดผ่านเสื้อผ้า มันก็ตรงเข้าไปบาดลึกถึงกระดูกของผู้คน
เมื่อเห็นว่าฝนโปรยปรายลงมานางหวังจึงเอ่ยขึ้น “ต้นหนาวเปรอะเปื้อนจึงจะมีปีที่ใสสะอาด” จากนั้นก็ง่วนอยู่กับการเตรียมเงินกระดาษและข้าวของอื่น ๆ
ต้นหนาวเปรอะเปื้อนจึงจะมีปีที่ใสสะอาด ถือเป็นสิ่งที่ผู้คนเฝ้าสังเกตและสรุปออกมา หมายความว่าหากมีฝนตกในช่วงวันไหว้บัวลอย ในช่วงวันตรุษจะมีแดดจัดอย่างแน่นอน ตรงกันข้าม หากมีอากาศแจ่มใสในช่วงนี้ เมื่อถึงวันตรุษก็มีแนวโน้มที่จะมีหิมะและฝนตก
เหยียนซีเคยได้ยินคำพูดคล้ายกันนี้ในชนบทมาก่อน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกมีความสุข เมื่อฝนโปรยลงมาในฤดูหนาว
เรื่องราวเหล่านี้แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้ว่าเวลาผ่านพ้นไป ในความทรงจำของนาง เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของปี ดังนั้นการมีอากาศแจ่มใสในช่วงนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ
แต่เนื่องจากตอนนี้ยังต้องรอคอยให้ปีใหม่มาถึงก่อน อากาศจึงจะสดใส นางไม่ชอบฝนตกในฤดูหนาวเช่นนี้เอาเสียเลย หญิงสาวเปิดประตูออกจากห้องและกระโดดสองสามครั้งเพื่อขยับร่างกายปัดเป่าความหนาวเหน็บ จนรู้สึกอุ่นขึ้นเล็กน้อย
วันไหว้บัวลอยเป็นวันสำคัญสำหรับการบูชาบรรพบุรุษ
ทั้งสามกินข้าวเช้าด้วยกัน แล้วหลิวเหิงก็ไปที่บ้านของผู้นำตระกูลหลิว เมื่อวันก่อนเขาส่งหลิวต้าจู้มานัดหมายให้ชายหนุ่มไปไหว้บรรพบุรุษตั้งแต่เช้าตรู่
เช้าวันนี้หัวหน้าตระกูลหลิวพาหลิวเหิง ผู้อาวุโสในตระกูลอีกหลายคน และเหล่าหนุ่มสาวบางคนในหมู่บ้านไปไหว้หลุมฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลหลิว และทำความสะอาดหลุมฝังศพด้วย
เหยียนซีและนางหวังช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ให้อาหารเป็ดไก่ และเอาเงินกระดาษที่เตรียมไว้ใส่ตะกร้า
เมื่อได้ยินเสียงฆ้องของหมู่บ้านดังขึ้น นางหวังก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เอาขนมเฉ่าถวนออกมารอที่หน้าประตูศาลบรรพชนเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
ศาลบรรพชนของตระกูลหลิวในหมู่บ้านหยางซานสร้างขึ้นบริเวณทางเหนือของหมู่บ้าน ปูพื้นด้วยแผ่นหินสีน้ำเงินมาถึงหน้าประตู จึงทำให้ไม่เป็นโคลนในวันที่ฝนตก
เมื่อเสียงฆ้องดังขึ้น หัวหน้าตระกูลหลิวก็มายืนอยู่ที่หน้าศาลบรรพชน และคนในตระกูลหลิวทั้งชายหญิง คนชรา และเด็ก ๆ ก็เริ่มมารวมตัวกันที่นี่
แต่ละครอบครัวยืนอยู่ที่ลานด้านหน้าศาลบรรพชน มีผู้ชายอยู่ด้านหน้าและมีผู้หญิงกับลูกสาวอยู่ด้านหลัง และเรียงตามลำดับอาวุโส
แน่นอนว่าหลิวเหิงเป็นข้อยกเว้น
ในฐานะสมาชิกคนเดียวของตระกูลหลิวในหมู่บ้านหยางซานที่เป็นที่รู้จักในฐานะบัณฑิต เขาจึงได้รับตำแหน่งพิเศษ ได้ยืนอยู่ตรงกลางแถวแรกเคียงข้างผู้อาวุโสของตระกูล
เมื่อทุกคนเริ่มมากันครบ หัวหน้าตระกูลหลิวก็นำทางเข้าไปในศาลบรรพชน หลิวเหิงเดินตามไปเป็นลำดับที่สอง และคนอื่น ๆ ก็เดินไปตามลำดับ
เช่นเดียวกับหลิวเหิง นางหวังที่เป็นมารดาก็มีตำแหน่งเปลี่ยนไปเช่นกัน ตามความอาวุโสของหลิวต้าลี่ นางหวังสามารถอยู่ในแถวได้เท่ากันกับสามี
แต่วันนี้นางได้ยืนอยู่ข้างนางจ้าวที่เป็นภรรยาของผู้นำตระกูลหลิว และอาสะใภ้สามต้องยืนถัดจากนางไป
นางหวังเปลี่ยนชุดใหม่ที่ดูสะอาดเรียบร้อยเป็นพิเศษ นางปักปิ่นเงินที่หลิวเหิงซื้อให้และยืดหลังตรงอย่างสง่างาม
ไม่มีใครคัดค้านการจัดลำดับแถวเช่นนี้
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใดหรือชนชาติใดล้วนเคารพในความรู้ของนักปราชญ์ และสถานะของหลิวเหิงในฐานะบัณฑิตจึงเป็นลำดับขั้นแรก ๆ ที่จะเป็นที่นับหน้าถือตา
บัณฑิต ชาวนา พ่อค้า ตอนนี้เขาได้ขึ้นไปอยู่ในลำดับแรกแล้ว ไม่ว่าต่อไปจะเป็นที่เคารพมากขึ้นหรือเป็นใหญ่เป็นโตกว่านี้หรือไม่ ก็ยังถือว่าเป็นว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไป
หลิวเหิงเคยได้เข้าไปในศาลบรรพชนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย เนื่องจากป้ายอนุสรณ์หลิวต้าลี่ได้รับการตั้งบูชาอย่างสมฐานะ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษท่านอื่น ๆ ของตระกูลหลิวที่จะถูกตั้งบูชาในศาลบรรพชนและยังคงเต็มไปด้วยควันธูปจากลูกหลาน
หัวหน้าตระกูลหลิวหยิบธูปขึ้นมาสามดอก และหลังจากอธิษฐานเขาก็โค้งสามครั้ง
หลิวเหิงเดินตามหลังเขาพร้อมกับโค้งคำนับสามครั้งอย่างเคร่งขรึม
เบาะรองนั่งวงกลมวางอยู่ในศาลบรรพชน เฉพาะผู้นำตระกูล ผู้อาวุโส และสมาชิกขั้นแรก ๆ ของตระกูลเท่านั้นที่สามารถนั่งบนเบาะได้
คนอื่น ๆ รวมทั้งผู้หญิงและเด็กต้องอยู่ที่ด้านหน้าประตูเหมือนกับนางหวัง บางคนมีเบาะมาเอง บางคนก็คุกเข่ากับพื้น
แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าแบบไหน ทุกคนก็ตั้งใจคุกเข่าอย่างตั้งใจ ไม่มีใครเอ่ยหรือหัวเราะเสียงดังเลยสักนิด
หลังจากไหว้บรรพบุรุษ จุดประทัด เผาเงินกระดาษเรียบร้อยแล้ว การเซ่นไหว้บรรพบุรุษก็เสร็จสิ้น ต่อไปแต่ละบ้านก็แยกย้ายกลับไปฉลองที่บ้านของตนเอง
MANGA DISCUSSION