บทที่ 93 เหตุใดจึงไม่กลับบ้าน
เหยียนซีเอ่ยถามเป็นนัย ๆ ว่าต้องการให้ตนแจ้งไปยังอำเภอหรือไม่
“หมู่นี้มีหลาย ๆ อย่างไม่สะดวก” สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงให้คำตอบที่แน่นอนออกมา นับว่าเป็นการยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับนายอำเภอหงไปโดยปริยาย
ข่าวคราวในมือเหยียนซีน้อยเกินไป จึงไม่อาจคาดเดาความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงพัวพันกันนี้ได้
“ทุกปีศาลาว่าการอำเภอจะส่งพืชผลฤดูใบไม้ร่วงไปยังศาลาว่าการของเมือง ปีนี้กลับล่าช้า ส่งมาไม่ตรงตามเวลา” เด็กหนุ่มผู้นั้นท้ายที่สุดจึงยอมกล่าวเพิ่มอีก
เหยียนซีก็เข้าใจได้ในทันที บัดนี้นายอำเภอหงไม่อยู่ที่อำเภอหมิงสุ่ย บางทีอาจจะสูญหายไปทั้งครอบครัวแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเด็กหนุ่มผู้นี้จึงไม่มีที่ให้ขอความช่วยเหลืออีก
ในความเป็นจริง เด็กหนุ่มกล่าวว่าต้องรบกวนแล้ว ย่อมเป็นเพราะไร้หนทางแล้วจริง ๆ เมื่อครู่นี้เช็ดแผลให้จึงพบว่ารอยแผลทั้งของเขาและของโจวหงองครักษ์ของเขาลึกเกินไป หากต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไล่ตามมาครานี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงแม้แต่จะสู้กัน แม้กระทั่งจะให้วิ่งคงวิ่งไม่ไหว หากไม่อยู่ที่บ้านหลิวสักสองสามวัน เกรงว่าพวกเขาคงมิอาจรอดชีวิต
นางหวังที่อยู่นอกประตูได้ยินเด็กหนุ่มเอ่ยถึงศาลาว่าการอำเภอ จึงทราบว่าพวกเขาคือคนในครอบครัวของขุนนางประจำอำเภอ นางจึงกระตือรือร้นมากกว่าเดิม เดิมทีนางอยากช่วยไปซื้อยามาให้ ทว่ากลับถูกเหยียนซีห้ามเอาไว้ นางจึงไปหายาแก้ฟกช้ำที่อยู่ในบ้านมาให้แทน สุดท้ายจึงได้ยาบางส่วนมา
ในเวลาเช่นนี้ ในร้านสมุนไพรละแวกนี้ ต้องมีคนคอยเฝ้าดูอยู่เป็นแน่
เหยียนซีไม่ต้องการสร้างปัญหา ทว่าในเมื่อไม่อาจโยนปัญหาทิ้งไปได้ พวกเธอจึงทำได้เพียงทุ่มเทจัดการมันให้ดี
“ใต้เท้านายอำเภอเป็นขุนนางที่ดี สายตาค้นหาคนของเขามีพรสวรรค์และช่างเฉียบแหลม ตอนนั้นพี่เอ้อร์หลางของข้าสอบขุนนางได้ซิ่วไฉ เขาถึงกับมานั่งอยู่ที่บ้านของพวกเราเลย” เหยียนซีกล่าวชื่นชมนายอำเภอหงมากมาย เพื่อให้จิตใจของทั้งสองคนสงบลง จากนั้นจึงถามด้วยความจริงใจอีกครั้ง “อาหารเย็นพวกท่านอยากทานสิ่งใด? ตราบที่ที่บ้านข้ามี ข้ารับรองว่าจะทำให้อย่างแน่นอน”
หากที่บ้านไม่มี พวกท่านก็อย่าได้เอ่ยถึง
“รบกวนมากแล้ว สิ่งใดก็ได้ทั้งสิ้น”
“แม่นางน้อย อาหารทานเล่นที่เจ้าทำครานั้นอร่อยนัก ต้มปลาผักกาดดองของตระกูลเจ้านั้นก็อร่อยเช่นกัน อากาศเย็น ๆ เช่นนี้ ทำน้ำแกงร้อน ๆ ทานเป็นอย่างไร?” โจวหงเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงทุ้มนุ่ม
“ร่างกายของพวกท่านมีบาดแผล ต้มปลาผักกาดดองเกรงว่าจะไม่เหมาะสม ข้าจะทำน้ำแกงอย่างอื่นให้พวกท่านแล้วกัน”
จากนั้นจึงมองเหยียนซีและนางหวังเดินออกไปจากบ้านใหม่ของพวกเขา เข้าไปในห้องครัวบ้านข้าง ๆ
โจวหงยืนอยู่ที่ประตูห้อง เงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่งถึงได้กลับเข้ามา “คุณชาย ดูเหมือนคนข้างนอกนั่นจะเงียบเสียงลงแล้ว อีกทั้งพวกเขาก็ไม่มีความตั้งใจจะแจ้งทางการ แม่นางน้อยผู้นั้นกล่าวว่านายอำเภอมางานเลี้ยงที่บ้านของพวกนาง เช่นนั้นพวกเขาคงมิไปแจ้งทางการกระมัง?”
“ในตอนนี้ยังไม่เป็นไร” ตราบใดที่การมีตัวตนอยู่ของพวกเขาไม่ไปกระทบกับชีวิตของพวกนาง เช่นนั้นเหยียนซีย่อมไม่กระทำการบุ่มบ่าม แผนการตอนนี้ทำได้เพียงรักษาร่างกายให้หายดีเสียก่อน อย่างน้อยก็ไม่ให้แผลเปิดเลือดไหลออกมาง่าย ๆ
“ด้านนอกหิมะตกแล้ว คนเหล่านั้นอยู่ข้างนอกย่อมไม่อาจมีชีวิตรอดอย่างแน่นอน คงถอนกำลังภายในสองวันนี้” ความคิดของโจวหงตรงกันกับเหยียนซี
เหยียนซีดึงนางหวังเข้าไปในห้องครัว เพียงวันเดียวก็เหนื่อยล้าถึงเพียงนี้
อาหารมื้อเย็น เด็กหญิงพบพุทราจีนที่นางหวังซื้อมาตอนฉลองปีใหม่ เธอจึงสับซี่โครงหมู ต้มน้ำแกงพุทราจีนหม้อหนึ่ง น้ำแกงนี้กล่าวกันว่าบำรุงเลือดสตรีระหว่างการอยู่เดือนหลังคลอดได้ดีที่สุด นับได้ว่าเป็นการบำรุงเลือดให้พวกเขาเช่นกัน
นอกจากนี้เธอยังทำผัดผักเพิ่มอีกจานหนึ่ง
ในฤดูหนาวผักสด ๆ นั้นหาได้ยาก เพื่อที่จะได้มีผักสดไว้ทานในฤดูหนาวยาวนานขึ้น เธอจึงใช้ฟางคลุมแปลงผักเล็ก ๆ นอกบ้านนั้น ผักกวางตุ้งเหล่านั้นจึงเติบโตได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้หิมะตกแล้ว ต้องรีบเก็บเกี่ยวผักกวางตุ้งพวกนี้อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นหากหิมะปกคลุมแล้วละลายอีกครั้งใบจะเน่าเปื่อย กระหล่ำดอกแปลงนั้นสามารถปลูกได้อีกครั้ง เมื่อถึงปีใหม่ยังสามารถนำมาทานได้
มีอาหารหนึ่งอย่างแกงหนึ่งอย่างแล้ว เหยียนซีจึงตุ๋นไข่ตุ๋นเพิ่มอีกสองถ้วย
จากนั้นเธอจึงจัดใส่กล่องอาหาร เดินผ่านประตูเล็กไปยังบ้านข้าง ๆ ขณะเดียวกันก็ส่งอ่างถ่านหนึ่งอ่างและผ้าห่มหนึ่งผืนไปให้ด้วย อากาศตอนนี้หนาวเย็นมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
กระดานไม้หนึ่งกระดานวางลงบนอ่างถ่านสองอ่าง เมื่อวางอาหารไว้บนนั้น ก็จะทำให้รักษาความอุ่นของอาหารไว้ได้
ในเมื่อไม่อาจไล่ไปได้ เช่นนั้นก็ต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้นเสียก่อนแล้วกัน
ดังนั้น เหยียนซีจึงนำอาหารไปให้พวกเขาสองคน “น้ำแกงนี้บำรุงเลือด พวกท่านควรทานสักถ้วยระหว่างที่กำลังร้อนอยู่
เมื่อโจวหงเห็นว่าน้ำแกงที่นางส่งมาให้กลับเป็นแกงหวาน “นี่เป็นแกงซี่โครงหวานหรือ?” เขาพึมพำด้วยความไม่ชอบใจเล็กน้อย ทว่ายังคงลองชิมดู “เอ๊ะ? ดื่มไม่ยากเลย เทียบกับยาแล้วยังดีกว่ามาก”
“นี่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ท่านลุง กินยาบำรุงมิสู้กินอาหารเป็นยาบำรุงหรอก” เหยียนซีเอ่ยขึ้นด้วยความฉุนเฉียว
เด็กหนุ่มผู้นั้นยังคงไม่พูดจามากคำเช่นเคย เขาซดน้ำแกงถ้วยหนึ่งอย่างเชื่องช้า “เส้นทางหลักยังมีคนอยู่หรือไม่?”
“อืม ได้ยินว่ายังมีคนถือคบไฟขึ้นไปค้นหาบนภูเขาอยู่” เหยียนซีรู้สึกว่าคนเหล่านั้นเฝ้าอยู่ทางเส้นหลักเพราะขาดกำลังคน ได้ยินว่าเมื่อยามบ่ายมีคนมาเพิ่มอีกหลายคน
“ไข่ตุ๋นนี้ตุ๋นได้อร่อยยิ่งนัก แม่นางน้อย ฝีมือทำอาหารของเจ้าเยี่ยมยอดจริง ๆ ” ทางด้านนั้น โจวหงได้เทข้าวลงไปในไข่ตุ๋น และทานข้าวถ้วยใหญ่หมดภายในไม่กี่คำแล้ว
เด็กหนุ่มคนนั้นได้ยินคำพูดของเหยียนซีแล้วก็ไม่เปิดปากอีก ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ชายร่างใหญ่ทานหมดแล้ว เขาเรอออกมาหลังจากทานอิ่ม ผ่านไปสักครู่จึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ “คุณชาย ทานข้าวเถอะขอรับ”
เด็กหนุ่มผู้นั้นจึงหยิบข้าวขึ้นมา ทานพร้อมกับไข่ตุ๋นและผัดผัก
ลำดับการกินของสองคนนี้ราวกับชายร่างใหญ่ผู้นั้นกำลังทดสอบยาพิษ ชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ง่ายจริง ๆ แม้กระทั่งทานอาหารสักมื้อยังไม่ง่ายดายเลย
แน่นอนว่าเหยียนซีไม่ได้ถามคำถามใดมากมาย เพียงแต่ยืนอยู่ด้านข้างรอให้ทั้งสองทานอาหารหมด และล้างจานให้เรียบร้อย เด็กหญิงนำผ้าเช็ดทำความสะอาดมาด้วย หลังจากทานอาหารแล้วไม้กระดานที่วางอยู่บนอ่างถ่านต่างโต๊ะก็ต้องทำความสะอาดเช่นกัน พยายามอย่างที่สุดเพื่อปกปิดร่องรอยทุกอย่าง
ชายร่างใหญ่ผู้นั้นมองนางเช็ดไม้กระดาน จากนั้นจึงเดินไปที่กองเสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อผ้าเปื้อนเลือดออกมา
เด็กหนุ่มผู้นั้นมองมือของเหยียนซีอีกครั้ง ผ่านไปสักพัก จู่ ๆ เขากลับเอ่ยขึ้น “ลำบากหรือไม่?”
เหยียนซีมองสบตาเขา จากนั้นจึงมองที่มือของตนอีกครั้ง “นี่นับว่าลำบากอันใดกัน เด็ก ๆ ในหมู่บ้านล้วนเติบโตมาเช่นนี้ ในฤดูหนาวทานไม่อิ่มสวมใส่ไม่อุ่น นั่นจึงจะเรียกว่าลำบากจริง ๆ ”
“เหตุใดเจ้าไม่กลับบ้าน?”
กลับบ้าน?
เหยียนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเข้าใจว่าเด็กหนุ่มหมายความเช่นไร นั่นคือถามตนว่าหลังจากไถ่ถอนตัวได้แล้ว เหตุใดไม่กลับบ้าน เด็กหญิงไม่อาจบอกได้ว่าตนสวมร่างมา บ้านของเจ้าของร่างเดิมไม่รู้อยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่เธอไม่อยากกลับไปยังบ้านของเจ้าของร่างเดิม ทว่าดูเหมือนเธอไม่ค่อยกระตือรือร้นอยากกลับไปบ้านยุคปัจจุบันของเธอเช่นกัน เพราะเหตุใดกันเล่า?
สายตาของเด็กหนุ่มผู้นี้เฉียบคมเกินไป เธอไม่อยากโกหกเขา หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง เธอจึงตอบ “กลับไปทำอันใด? พวกเขาขายข้าแล้ว แน่นอนว่าเพราะข้าในสายตาของพวกเขา นอกเสียจากเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยนั่น ก็มิมีประโยชน์อันใดอีก หากไม่ต้องการข้าแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมมีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม……หากจะไปให้ผู้อื่นฆ่าแกง มิสู้ข้าทำงานให้ดีใช้ชีวิตของข้าเอง ผู้คนบนโลกใบนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็ทำได้เพียงพึ่งตนเองเท่านั้น”
“เช่นนั้นพวกเขาเล่า?” เด็กหนุ่มคนนั้นถามขึ้นอีกครั้ง สายตาของเขาเลื่อนออกไปนอกประตู เห็นได้ชัดว่าเขาหมายถึงเรื่องที่เหยียนซีกล่าวว่าผู้คนบนโลกใบนี้ทำได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น เช่นนั้นมารดาบุตรครอบครัวหลิวถือเป็นการขัดแย้งคำพูดของนางเองหรือไม่
“ท่านป้าของข้าเป็นคนดี นางไม่มีจิตใจคิดร้ายอันใด พี่เอ้อร์หลางของข้าเล่าเรียนหนังสือฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมาก เกิดเป็นคนต้องประพฤติตนแยกแยะบุญคุณความแค้นให้ชัดเจน ตอนที่ท่านป้าซื้อข้ามา ก็เป็นการช่วยเหลือข้า ข้ายังเด็กไร้ที่พึ่งพิง พวกเขาก็รับข้ามา ข้าหาเงินดูแลครอบครัวตนเอง ภายหน้าหากข้าเติบใหญ่ขึ้นแล้ว ท่านป้ากล่าวว่าครอบครัวหลิวก็คือบ้านเดิมของข้า”
ถึงแม้เด็กหนุ่มผู้นี้จะยังเล็ก เหยียนซีกลับรู้สึกว่าสายตาของเขาอ่านผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นทุกคำตอบจึงออกมาจากใจ เผยความคิดที่อยู่ก้นบึ้งจิตใจของตนออกมา
“หากไม่มีริมฝีปาก ฟันก็จะหนาว*[1]” เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ เอ่ยออกมาหนึ่งประโยค
[1] หากไม่มีริมฝีปาก ฟันก็จะหนาว หมายถึง มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่จะขาดจากกันไม่ได้ ต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
MANGA DISCUSSION