บทที่ 92 ขอรบกวนสักพัก
เหยียนซีดึงนางหวังมากระซิบกระซาบกัน แม้จะรู้สึกว่าเสียงของตนเบามาก ๆ แต่เธอก็ยังประเมินความสามารถในการได้ยินของคนอื่นต่ำไป เพราะเด็กหนุ่มและชายร่างใหญ่ได้ยินบทสนทนาของพวกนางชัดเจน
เด็กหนุ่มได้ยิน ‘แสร้งทำเป็นไม่รู้’ ที่เหยียนซีพูด เขาจึงชำเลืองมองนางด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะไม่ยิ้ม
ทว่านางหวังยังคงลังเล “หากใต้เท้ารู้เข้า แล้วเขาจะไม่ตำหนิเราหรือ?”
“เราก็แค่ชาวบ้านผู้หาเช้ากินค่ำ อีกทั้งพี่เอ้อร์หลางก็ไม่อยู่บ้าน เรายังจะทำอันใดได้เล่า? ใต้เท้าคงไม่คิดให้เราไปขับไล่ผู้คนที่คอยปิดถนนสายหลักนั้นหรอกกระมัง ขอเพียงเราดูแลและป้องกันไม่ให้พวกเขาถูกค้นพบในบ้านเรา ถ้าใต้เท้านายอำเภอทราบเรื่องก็จะรู้สึกดีกับเราแน่นอน อีกประการหนึ่ง ถ้าสองคนนี้ไม่ใช่คนของนายอำเภอ ทว่ารู้เรื่องครอบครัวเรา จึงตั้งใจพูดแบบนั้นโดยมีเป้าหมาย จะทำอย่างไร?”
เหยียนซีกลัวว่านางหวังจะใจร้อนเกินไป เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียให้นางฟังอย่างใจเย็น
นางหวังพยักหน้าเห็นด้วย และเมื่อเห็นเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของบุรุษทั้งสองก็ยังเต็มไปด้วยความใจอ่อน “เช่นนั้นไปหาชุดเปลี่ยนให้พวกเขาดีหรือไม่?”
ต้องยอมรับว่านางหวังใจดีจริง ๆ อีกทั้งสำหรับคนที่นางเชื่อว่าเป็นมิตรสหายกับครอบครัว นางก็ถือคติที่ว่ารักบ้านต้องรักอีกาที่เกาะบนหลังคาบ้านด้วย นางจึงพยายามเต็มที่ที่จะปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างดี
เหยียนซีก็ชอบความใจดีของนางหวัง และเธอก็ยังเข้าใจว่านางหวังหมายถึงอันใด
ในกรณีที่บุรุษสองคนนี้เป็นคนของนายอำเภอหงจริง ๆ พวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พวกเธอควรจะให้การดูแล
คราวนี้เหยียนซีไม่คัดค้านอีกต่อไป “บาดแผลตามร่างกายของพวกเขา ล้วนแต่เป็นบาดแผลจากดาบ ข้าใช้ขี้เถ้ากดปากแผลเพื่อห้ามเลือดไว้แล้ว”
“ขี้เถ้าไม้ยังไม่เพียงพอหรอก ยังต้องล้างแผลให้สะอาด มิฉะนั้นแผลจะเน่า เรามีชาดอกจินอิ๋นที่บ้านไม่ใช่หรือ? ต้มชาแล้วนำมาเช็ดแผลให้พวกเขาเถิด” นางหวังตรวจสอบสภาพอากาศแล้วพูดเสริม “วันนี้มีเมฆมาก และลูกเห็บกำลังตก ข้าเกรงว่าคืนนี้อาจมีหิมะตกจริง ๆ แล้วสองคนนี้จะออกไปกลางดึกได้อย่างไร?”
“พวกเขามีวรยุทธ์” เหยียนซีพึมพำด้วยเสียงต่ำ จากนั้นหันหลังและเดินไปที่ประตูบ้านหลังกลาง “ท่านป้าบอกว่าต้องล้างแผลให้สะอาด เราจะต้มชาดอกจินอิ๋นมาให้”
เด็กหนุ่มก็พยักหน้าเห็นด้วย
นางหวังเป็นเพียงหญิงม่ายคนหนึ่ง นางยืนอยู่ในลานบ้านและย่อกายเพื่อทักทาย ข้าง ๆ คือเกวียนที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดและจอดไว้ชิดผนังลานบ้าน นางดึงหวงเหมาไปที่คอกวัวก่อน จากนั้นยกสิ่งของที่ซื้อมาบนเกวียนออก และนำไปเก็บไว้ที่โกดังเสบียงก่อนชั่วคราว
เหยียนซีบอกนางหวังว่าไม่ต้องใช้ประตูเชื่อม ทั้งสองเก็บของแล้วเดินออกจากประตูหน้าลานบ้านใหม่ หันหลังมาปิดประตูและใส่แม่กุญแจให้เรียบร้อย
ผู้คนในชนบทค่อนข้างเรียบง่าย และไม่มีการขโมยของในหมู่บ้านแห่งนี้ หมายความว่าตราบใดที่เจ้าของบ้านไม่ได้ออกไปไหนไกล ๆ ก็จะไม่ค่อยใส่แม่กุญแจที่ประตูใหญ่ และทำเพียงปิดบานประตู หรือบางครั้งก็เสียบกิ่งไม้ไว้ในห่วงเคาะประตูเพื่อยึดบานประตูไว้
หากมีคนมาที่หน้าประตูและเห็นสิ่งนี้ ก็จะรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยู่บ้าน บางทีอาจจะลองไปตามหาที่อื่น หรือค่อยย้อนมาวันอื่นแทน
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกเห็บก็ตกหนักยิ่งขึ้น มิหนำซ้ำยังมีฝนปรอย ๆ ตามมา การมีทั้งลูกเห็บและสายฝนโปรยปรายเช่นนี้ ทำให้ในตอนกลางคืนอาจมีชั้นน้ำแข็งบาง ๆ อยู่บนพื้น
เหยียนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก เนื่องจากบนถนนสายหลักไม่มีหลังคาปกคลุม อีกทั้งในป่ายังไม่ค่อยมีที่ให้หลบหนาว หลังจากหิมะตก อากาศจะหนาวเหน็บแบบรวดเร็ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปล่อยให้ตัวเองแข็งตายตอนกลางคืน ถ้าตราบใดที่กลุ่มคนนั้นกำลังจะตาย ก็ไม่สามารถปิดกั้นถนนได้อีก อย่างมากที่สุดพวกเขาจะอยู่ต่อไปอีกหนึ่งหรือสองวัน แล้วอาจจะถอนกำลังออกไปเอง
นางหวังเตรียมชาดอกจินอิ๋นที่เก็บมาตอนฤดูร้อน และยังเพิ่มชะเอมอีกหนึ่งมัด นางต้มน้ำในหม้อใบใหญ่ เมื่อรอให้น้ำเดือดแล้วจึงแบ่งไปทำเป็นน้ำขิงอีกหม้อหนึ่ง โดยเติมน้ำตาลทรายแดงสองช้อน จากนั้นให้เหยียนซีส่งไปอีกฝั่งโดยใช้ประตูเชื่อม
“ท่านลุง คุณชาย พวกท่านเช็ดแผลด้วยน้ำชาดอกจินอิ๋นชะเอมแล้วใช้ผ้าฝ้ายพันแผลเอาไว้ด้วย” เหยียนซียกน้ำเข้ามาในบ้านใหม่ จากนั้นก็หยิบยาทาแก้อาการบวมน้ำเหลืองที่นางหวังซื้อให้ตัวเองมาวางที่พื้นด้วย “นี่คือยาทาแก้โรคมือและเท้าอักเสบที่ท่านป้าซื้อมาจากในเมือง พวกท่านลองดูว่าจะใช้ได้หรือเปล่า”
หลังจากส่งน้ำชาดอกจินอิ๋นชะเอมหนึ่งหม้อที่บ้านใหม่เสร็จแล้ว เด็กหญิงก็หอบเสื้อผ้าสองชุดที่นางหวังค้นให้และนำหม้อน้ำขิงมาด้วย “หลังจากเช็ดแผลแล้ว ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสองชุดนี้เสีย มันเป็นชุดสะอาด ส่วนน้ำขิงนี้ได้เติมน้ำตาลทรายแดงลงไปด้วย ซึ่งดีสำหรับพวกท่าน หากจะออกเดินทางก็สามารถเทใส่กระเป๋าน้ำติดกายไปด้วย ในตอนกลางคืนก็จุดไฟเพื่ออุ่นมันได้”
“ขอบคุณเจ้ามาก เหยียนซี เราได้รบกวนเจ้าแล้วจริง ๆ ส่วนท่านป้าของเจ้าก็เป็นคนมีน้ำใจและจิตใจดีอย่างแท้จริง บาดแผลของข้าไม่เป็นไรหรอก แต่คุณชายของข้าต้องใช้มัน…” ชายร่างใหญ่พึมพำ ขณะเทน้ำชาจากถังไม้ลงในอ่างไม้ล้างมือ แล้วเติมน้ำเย็นเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำชาให้
ตอนนี้เด็กหนุ่มเอนกายลงครึ่งหนึ่งแนบกับกองผ้า ทว่าเขาไม่ได้ตอบสนองอันใด
เหยียนซีพูดอยู่ตั้งนานสองนาน และเธอเกือบจะพูดว่า “คืนนี้พวกท่านก็ไปเสียเถิด” แต่ไม่รู้ว่าลุงร่างใหญ่นั้นแกล้งโง่หรือไม่เข้าใจความหมายจริง ๆ ของเธอ เขาจึงไม่ได้ตอบรับเลย เธอคิดว่าเด็กหนุ่มคงผล็อยหลับไปแล้ว จึงได้แต่หันหลังกลับเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่พวกเขา
ทันทีที่เธอจากไป เด็กหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมอง
“คุณชาย ช่างโชคดีที่ท่านซ่อนตัวได้ทัน ไม่เช่นนั้นบาดแผลของท่านจะแย่กว่านี้มาก” ชายร่างใหญ่พูดถึงบาดแผลของเด็กหนุ่มพลางถอดเสื้อผ้าให้เจ้านายอย่างระมัดระวังและวางกองไว้ข้าง ๆ ทว่าเลือดจากบาดแผลของเด็กหนุ่มแห้งติดกับเสื้อผ้าด้วย เวลาถอดเสื้อจึงดึงบาดแผลออกโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังอดทนและไม่พูดอันใดสักคำ
จนกระทั่งบุรุษทั้งสองเช็ดเลือดจากบาดแผลหมดแล้ว หลังจากพันผ้าพันแผลใหม่ น้ำในอ่างไม้ก็กลายเป็นอ่างเลือด
ชายร่างใหญ่ออกไปนอกบ้านและต้องการสาดน้ำทิ้งไปทางลานบ้านแบบง่าย ๆ ทว่าเหยียนซีอยู่ข้างนอกพอดี เธอรีบปราม “อย่าสาดใส่พื้นนะ ต้องเอามาเททิ้งตรงนี้” เธอเดินไปรับอ่างไม้แล้วเทน้ำลงในรางน้ำข้างบ่อน้ำแล้วตักน้ำมาอีกสองสามอ่าง เพื่อล้างเลือดทั้งหมดในรางน้ำให้ไหลไปทางลำห้วย จากนั้นเธอก็ใช้ขี้เถ้าขัดเลือดทั้งหมดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถึงตรงนี้เด็กหญิงจึงรู้สึกโล่งใจ
ชายร่างใหญ่เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าเก่าของหลิวต้าลี่ ส่วนเด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าของหลิวเหิงซึ่งสวมได้พอดีตัว ทั้งคู่ดื่มน้ำขิงชามใหญ่และรู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้นมาก
นางหวังปรุงบะหมี่น้ำร้อน ๆ อีกสองชาม โดยมีไข่อยู่ข้างบนบะหมี่ด้วย
เหยียนซีเห็นแล้วอดยกมือตบหน้าผากไม่ได้ ดูเหมือนว่าท่านป้าจะไม่ฟังสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่เลย มิหนำซ้ำยังเชื่อว่าบุรุษสองคนนี้เป็นคนของนายอำเภอหงจริง ๆ นางคงไม่ได้ตัดสินใจจะดูแลพวกเขาใช่หรือไม่?
บุรุษทั้งสองเพิ่งกินเนื้อย่างห่อใบผักกาดขาวและเผือกที่เหยียนซีเผาให้ แต่พอเห็นบะหมี่ในน้ำซุปร้อน ๆ แล้วก็รู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย ชายร่างใหญ่รับถาดอาหารจากนางหวังและพูดว่า “ขอบคุณท่านป้า” จากนั้นก็ยกเข้าไปในบ้านแล้วซูดกินบะหมี่เสียงดังลั่น
การได้ซดบะหมี่ร้อน ๆ สักชามในฤดูหนาวเช่นนี้ ทำให้ร่างกายและกระเพาะอบอุ่นขึ้นจริง ๆ หลังจากรับประทานบะหมี่แล้ว เหยียนซีก็มาเก็บชาม
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นแล้วเอ่ย “ในสภาพอากาศที่มีหิมะตกทำให้การเดินทางลำบาก เราเกรงว่าต้องรบกวนอยู่ที่บ้านของเจ้าไปอีกสองวัน” ขณะที่พูด เขาก็โบกมือให้ชายร่างใหญ่หยิบแท่งเงินออกมาแล้ววางในถาดที่เหยียนซีถืออยู่ “นี่คือค่าใช้จ่ายในการทำอาหาร แล้วข้าจะตอบแทนอย่างงามในภายหลัง”
แท่งเงินนั้นมีคุณภาพสูงมาก ประเมินแล้วมีค่าประมาณห้าตำลึง
เมื่ออีกฝ่ายวางเงินไว้บนถาดแล้ว มือของเหยียนซีก็สั่น ไม่ใช่เพราะเธอไม่เคยเห็นเงินแค่ไม่กี่ตำลึงนี้ แต่นี่มันน่ากลัวเกินไป เพราะเด็กหนุ่มคนนี้หมายความว่าพวกเขาวางแผนที่จะอยู่บ้านตระกูลหลิว เพื่อรอจนกว่าผู้ไล่ล่าจะถอนกำลังออกไป
หากว่าสองคนนี้ถูกค้นพบ แล้วพวกตนจะไม่เกี่ยวข้องได้หรือ? ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถไล่สังหารและปิดถนนค้นหาผู้คนในตำบลชิงหลงโดยไม่กลัวนายอำเภอหง ก็แสดงว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ๆ เช่นกัน
“ไม่เช่นนั้น ให้ข้าไปที่ตัวอำเภอเพื่อส่งข่าวดีหรือไม่?” เหยียนซีเอ่ยถามอย่างมีความนัย
MANGA DISCUSSION