บทที่ 90 นางหวังกลับบ้าน
“ข้าเป็นเด็กบ้านนอกและไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ข้ารู้ดีว่าสิ่งใดควรพูดและไม่ควรพูด สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้ารับประกันว่ามันจะเน่าในท้องข้าแน่ ๆ แค่หันกลับไปก็ลืมแล้ว ข้าจะทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น และไม่ปริปากบอกใครเด็ดขาด”
เหยียนซีสังเกตสีหน้าของเด็กหนุ่มด้วยความระมัดระวังขณะที่พูด
ฝ่ายเด็กหนุ่มก็มอบตอบเหยียนซีด้วยแววตาที่ยากแท้หยั่งถึง
เขากับองครักษ์ถูกตามล่า จึงหนีออกจากตำบลชิงหลงมาตลอดทางไม่ได้พัก มิหนำซ้ำยังได้รับบาดเจ็บเกือบสิ้นกำลัง ทว่าคนเหล่านั้นก็ยังไล่ตามไม่ลดละ ทั้งสองจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหนีขึ้นเขาเลียบลำห้วยหมิง และเมื่อลงจากเขาก็ได้เห็นลานบ้านหลังนี้
พวกตนเห็นว่าบ้านหลังนี้เพิ่งสร้างใหม่และไร้วี่แววว่าจะมีผู้อยู่อาศัย ยาจินชวงสำหรับห้ามเลือดที่พกติดกายก็หมดแล้ว พวกตนจึงต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่สักพัก เดิมทีตั้งใจจะออกเดินทางหลังฟ้ามืด ทว่าจู่ ๆ สาวน้อยคนนี้ก็โผล่เข้ามา
ในตอนแรกเขาเห็นนางมาแอบด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ที่หลังบ้านสักพัก แล้วยังเข้ามาแอบดูบ้านหลังข้างๆ อีกด้วย นางได้ค้นพบที่อยู่ของพวกตนทั้งสองและต้องการไปรายงานข่าวเพื่อรับรางวัลหรือไม่? ‘หากเหยียนซีได้รู้ว่าการที่ตนไปดูเงินที่ซ่อนไว้ จะนำมาสู่ความเข้าใจผิดนี้ เด็กหญิงต้องกัดลิ้นตายแน่นอน’
ในเวลานั้นเขาต้องการที่จะลงมือ แต่เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงคนนี้แค่มาแอบดู และไม่ได้รีบเดินออกนอกประตูเลย เขาจึงคิดว่าเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย หากการลงมือสังหารไปดึงดูดความสนใจของผู้อื่นก็คงจะไม่ดีแน่ ดังนั้นเขาจึงอดทนรอ
ทว่าเช้านี้นางก็มาปรากฏตัวอีกครั้ง และยังมานั่งกินเนื้อย่างอยู่ในห้องนี้ โจวหงองครักษ์ของเขาซ่อนตัวอยู่บนขื่อหลังคา ทว่ากลับกลืนน้ำลายด้วยความหิว จึงทำให้นางค้นพบพวกตน
สมควรลงมือสังหารนางได้แล้ว ทว่าบาดแผลที่ท้องก็มีเลือดไหล เขาจึงโดนความเจ็บปวดครอบงำไปชั่วขณะ และรูปลักษณ์ของเหยียนซีก็สงบเกินไปด้วย
ตราบใดที่เหยียนซีแสดงออกว่ามีปัญหาเพียงเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่สามารถลงมือได้เอง ก็สั่งให้โจวหงลงมือได้ทันที
ทว่าความสงบของเหยียนซี กลับทำให้ความไม่สบายใจของเขาสงบลงและตัดเจตนาสังหารทิ้งไป
แม้นางไม่พูดมาก แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนหลักแหลม เมื่อเห็นได้ว่าโจวหงเป็นคนใจอ่อน นางก็รู้จักที่จะขอความเมตตาจากโจวหง แทนที่จะพูดคุยกับเขาโดยตรง ทว่าคำพูดเหล่านั้นโดยนัยแล้วคือการพูดกับเขาต่างหาก
ภูมิหลังชีวิตของเด็กหญิงคนนี้ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ย่อมไม่อยากจะสร้างปัญหา” เหยียนซีมองสบเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่มด้วยแววตาที่แน่วแน่ โดยหวังให้อีกฝ่ายได้เห็นความจริงใจของตน
“เจ้าอายุเท่าไร?” เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง
“เก้าขวบ”
“มือของเจ้าโดนลวกหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มถามเสียงต่ำ และทันทีที่คำพูดหลุดออกมา เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่เขาจะสนใจมือของอีกฝ่ายไปเพื่ออันใด
“ไม่ใช่หรอก มันเป็นอาการของโรคมืออักเสบน่ะ” เหยียนซีก็รู้สึกแปลกใจกับคำถามของอีกฝ่าย แต่ก็ยังตอบตามตรง “เพราะอากาศหนาว ข้าก็เดินทางไปข้างนอกบ่อยครั้ง จึงถูกน้ำแข็งกัดกิน ไม่เพียงแต่ที่มือเท่านั้นนะ เพราะที่เท้าก็เป็นด้วย”
“แล้วท่านป้าที่เจ้าเอ่ยถึง นี่คือสิ่งที่เรียกว่านางปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีหรือ?”
“สำหรับเด็กบ้านนอก อาการนี้คือธรรมดามาก อีกทั้งข้าไม่ได้อยู่ในฐานะสาวใช้ด้วย แต่เพราะเมื่อก่อนต้องออกไปขายเสื้อผ้ากันหนาว และออกไปข้างนอกท่ามกลางความหนาวเหน็บ มันจึงมีสภาพแบบที่ท่านเห็น ดูสิ มันดูเหมือนหัวไชเท้าขนาดใหญ่หรือเปล่า?” เหยียนซีชูมือขึ้นแล้วส่ายไปมา “ส่วนท่านป้านั้นดูแลข้าอย่างดี ตอนนี้แค่เห็นว่าข้าต้องสัมผัสน้ำเย็น นางจะมาแย่งทำทันที”
เมื่อได้ยินเหยียนซีเปรียบเทียบมือของนางกับหัวไชเท้า มุมปากของเด็กหนุ่มก็กระตุก
จากนั้นทั้งสองก็เงียบไปเป็นเวลานาน
“อยากให้ข้าไปซื้อยาให้ไหม? มองจากสภาพของท่านทั้งสองแล้ว คงต้องการยาใช่หรือไม่?” เหยียนซีถาม เนื่องจากทั้งสองคนเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และในขณะที่พวกเขาสงบสติอารมณ์ได้จากการกินอิ่มแล้ว เธอก็อยากจะออกไปให้เร็วที่สุด ตราบใดที่เธอออกจากบ้านนี้ได้ ก็จะรีบเก็บข้าวของและพานางหวังไปที่อำเภอหมิงสุ่ยหรือเมืองถงอัน แล้วหาที่พักสักสิบวัน รั้งรอจนกว่าทั้งสองคนจะจากไป
เด็กหนุ่มมองเหยียนซีอีกครั้ง เขาเห็นว่าใบหน้าของนางยังเด็ก แต่ขอบตาดำคล้ำ เมื่อใช้สายตาเย็นชามองนาง ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถมองทะลุก้นบึ้งของหัวใจเหยียนซีได้ตลอดเวลา ขณะที่เขาเอนกายไปกับกองผ้าอย่างสบาย ๆ ก็ยังยากที่จะซ่อนรัศมีสูงศักดิ์ของเขาได้
“เจ้าไปได้” เด็กหนุ่มกล่าวออกมาสั้น ๆ โดยไม่ได้เจาะจงว่าให้นางไปซื้อยากลับมา หรืออนุญาตให้นางหนีไป?
“ขอบคุณ” เมื่อเห็นว่าในที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมปล่อยตนไป เหยียนซีจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนผู้นี้จะปล่อยเธอไปจริงหรือ? เธอรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อยและยังรู้สึกตื่นเต้นด้วยความดีใจด้วย
“ช้าก่อน”
เหยียนซีลุกขึ้นโดยไม่รีรอ หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เด็กหญิงก็ได้ยินเสียงเด็กหนุ่มตะโกนมาจากด้านหลังอีกครั้ง
ร่างกายของเหยียนซีพลันแข็งค้าง นี่เขาจะไม่เปลี่ยนใจใช่หรือไม่? บัดนี้บานประตูอยู่ตรงเบื้องหน้าเธอแล้ว เด็กหญิงจึงอยากจะวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าเธอไม่ใช่เด็กอายุเก้าขวบจริง ๆ จึงตระหนักได้ว่าการวิ่งหนีทั้งแบบนี้ไม่มีประโยชน์ นอกเสียจากจะดูมีความผิดมากขึ้น ใครจะรู้ว่าสองคนนี้อาจฟื้นคืนความแข็งแกร่งจนประทานคมดาบให้เธอก็ได้?
เมื่อครู่ที่ท่านลุงร่างใหญ่กระโดดลงจากขื่อหลังคาเพื่อขวางเธอไว้นั้น เห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ของเขาน่าทึ่งมาก เพราะคานหลังคาสูงกว่าเก้าฉื่อ มิหนำซ้ำเขายังมีอาการบาดเจ็บที่ขา ทว่าใช้กำลังภายในกระโดดลงมาจริง ๆ โดยไม่มีเสียงฝีเท้าสัมผัสพื้น ดังนั้นเพียงมือเดียวของเขา เธอรู้สึกว่าแม้ต้องการวิ่งหนีก็หนีไม่พ้น
“ท่านมีอันใดให้ข้าทำอีกหรือ?” เด็กหญิงหันกลับมาช้า ๆ แล้วถามเสียงแผ่ว
“บอกนามของเจ้ามาได้หรือไม่?”
เดิมทีเหยียนซีต้องการสร้างชื่อปลอมง่าย ๆ ขึ้นมาอ้าง แต่เมื่อนึกถึงการอยู่ที่ท่าเรือในตำบลชิงหลง ทั้งสองคนนี้เคยได้ยินนางหวังและหลิวเหิงเรียกชื่อจริงเธอมาแล้ว “ข้าชื่อเหยียนซี เหยียนจากคำว่าสี ซีจากคำว่ากระแสน้ำ”
“โอ้ เจ้าคือเหยียนซีนี่เอง ขนมไหว้พระจันทร์บัวหิมะที่เจ้าทำนั้นอร่อยมาก” เด็กหนุ่มพึมพำชื่อของเหยียนซีในปากหลายครั้ง แล้วในที่สุดก็พูดประโยคดังกล่าวออกมาแบบกะทันหัน
ดวงตาของเหยียนซีเบิกกว้าง หมายความว่าคนผู้นี้เคยกินขนมไหว้พระจันทร์บัวหิมะฝีมือเธอหรือ?
เด็กหญิงรีบคิดทันทีว่าขนมไหว้พระจันทร์บัวหิมะที่ตนทำนั้น นอกจากคนในหมู่บ้านหยางซานแล้ว หลิวเหิงยังมอบให้เผยซิ่วกับนายอำเภอหง สำหรับที่เมืองถงอันก็มอบให้เจ้าของร้านเฉียนและเฉินโหย่วฝู แล้วเด็กหนุ่มผู้นี้รู้จักใครในจำนวนนี้เล่า?
ด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้อยู่ ๆ ใบหน้าของสี่เชว่ก็แวบเข้ามาในความคิดของเธอและเธอก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าเด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะรู้จักกับนายอำเภอหง ไม่ถูกสิ เพราะถ้าเขารู้จักนายอำเภอหงจริง ๆ แล้วเหตุใดนายอำเภอหงจึงปล่อยให้ผู้คนตามล่าเขาในอำเภอหมิงสุ่ยเช่นนี้?
“คุณชาย ท่านประสงค์ให้ข้าส่งข้อความถึงใครสักคนหรือไม่?” ความคิดของเหยียนซีหมุนตลบไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทันใดนั้นเธอก็เดาจุดประสงค์ของเขาได้จากคำพูดเป็นนัยนั้น
“ส่งไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์…เจ้าไปได้แล้ว” เด็กหนุ่มพยักหน้าให้เด็กหญิงอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าจะปล่อยนางไปจริง ๆ
“พวกท่านโปรดดูแลตัวเอง” เหยียนซีตอบรับแล้วพูดกับชายร่างใหญ่ว่า “ท่านลุง ในบ้านหลังทางขวามีผักดองเก็บอยู่ พวกมันกินดิบไม่ได้ และยังมีหมูเค็มอีกไม่กี่ชิ้นแขวนอยู่ในบ้านหลังทางซ้าย ข้าจะทิ้งอ่างถ่านไว้ที่นี่ ซึ่งมีที่โกยผงถ่านสองอันตรงคอกวัวหลังบ้าน ท่านเอาไปทิ้งที่นั่นได้” หลังจากพูดจบ เด็กหญิงก็ได้โอกาสหันกลับมาเสียทีและต้องแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
สิ่งที่เธอพูดกับชายร่างใหญ่ตอนสุดท้ายนี้ ก็ถือเป็นประโยชน์ต่อตัวเธอเองด้วย แม้ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้รู้จักกับใคร แต่เขาก็พูดเป็นนัยว่ามีความสัมพันธ์กับใครคนหนึ่งที่เหยียนซีรู้จัก ดังนั้นเหยียนซีจึงต้องอำนวยความสะดวกแก่พวกเขา
เธอเพิ่งเปิดประตูและเดินออกมา แต่ในจังหวะที่กำลังยื่นมือไปข้างหลังเพื่อจะปิดประตู เด็กหญิงก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดของประตูลานบ้านหลังใหม่ที่เปิดออก และนางหวังเดินเข้ามาพร้อมเจ้าวัวตัวโต “ซีเอ๋อร์ ข้าเดาว่าเจ้าน่าจะอยู่ที่นี่ ข้ากลับมาแล้ว”
MANGA DISCUSSION