บทที่ 84 ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว
สำหรับฝีมือเย็บปักถักร้อยของนางจ้าว ถือว่าอยู่เหนือสตรีในหมู่บ้านหยางซานมากทีเดียว
ทว่าตัวตนของนางคือภรรยาของหัวหน้าตระกูล บัดนี้สภาพความเป็นอยู่ของบ้านหัวหน้าตระกูลหลิวก็ดีมากอยู่แล้ว ใครจะอยากให้นางออกมาทำงานรับจ้างกัน?
ทัศนคติของนางจ้าวย่อมรู้สึกว่าตนสูงกว่าคนอื่นโดยปริยาย แต่คราวนี้นางจ้าวได้ยินว่าค่าเย็บเสื้อผ้าหนึ่งตัว ได้รับเงินถึงสี่อีแปะ นางจึงไม่สามารถนั่งนิ่งเฉยอยู่ได้ ซึ่งงานตัดเย็บและผ้าทั้งหมดเป็นกิจการของบ้านตระกูลหลิว และการตัดเย็บเสื้อผ้าต้องใช้เวลามากพอสมควร ฝีมือของลูกสะใภ้ก็ไม่ดี นางจึงต้องเสนอตัวเองมาแทน
แน่นอนว่านางหวังและเหยียนซีย่อมไม่ปฏิเสธ
จากนั้นเหยียนซีก็บอกทุกคนว่าเสื้อผ้าทั้งหมดต้องทำในบ้าน เด็กหญิงได้เพิ่มอ่างถ่านเพื่อให้ทุกคนอบอุ่น จากนั้นก็อธิบายวิธีการเย็บเสื้อผ้าทีละชิ้น
หนึ่งโต๊ะแปดเซียนมีคนนั่งอยู่สี่คน หนึ่งคนเย็บแขนเสื้อ ส่วนอีกคนเย็บคอเสื้อ
บัดนี้ตรงกลางห้องหลักของตระกูลหลิว มีอ่างถ่านขนาดใหญ่วางอยู่ใต้โต๊ะแปดเซียนแต่ละโต๊ะ และสตรีหลายนางก็นั่งล้อมโต๊ะแปดเซียนเหล่านั้น คนหนึ่งเย็บชุดซีกซ้าย คนหนึ่งเย็บชุดซีกขวา อีกคนเย็บแขนเสื้อ ในที่สุดมันก็ถูกส่งไปอยู่ในมือของคนสุดท้าย ซึ่งหลังจากตรวจสอบภาพรวมแล้วก็ทำการกุ๊นขอบได้
ทุกคนมีจุดที่ต้องเย็บเฉพาะส่วน ดังนั้นงานของใครจะออกมาดีหรือไม่ดี ผู้ตรวจสอบก็สามารถเห็นได้อย่างรวดเร็ว
โดยปกติแล้วในห้องหลักของตระกูลหลิวมีโต๊ะแปดเซียนอยู่สามโต๊ะ เหยียนซีได้วางอ่างถ่านไว้ใต้โต๊ะแปดเซียนทั้งหมด พวกช่างฝีมือจึงเหยียบบนขอบอ่างถ่านเพื่อให้เท้าอุ่นขึ้นด้วย
อ่างถ่านขนาดใหญ่สามอ่างได้ช่วยกระจายความร้อนในห้องหลัก ส่งผลให้คนที่เดินเข้ามาในห้องรู้สึกอบอุ่นขึ้นทันที
เหยียนซียังวางไม้แขวนไว้ข้างโต๊ะแปดเซียนแต่ละโต๊ะ ซึ่งเสื้อผ้าที่ทำเสร็จแล้วจะไม่พับและแขวนไว้บนไม้แขวนโดยตรง แม้จะบอกว่าเพื่อรักษาเนื้องานไม่ให้ยับ แต่ในความเป็นจริงแล้วคือการให้แต่ละคนได้เห็นฝีมือเย็บปักกันอย่างชัดเจน
ผู้ที่นั่งเย็บปักอยู่ ณ ที่นี่ พวกนางล้วนเป็นสตรีที่มีชื่อเสียงในด้านงานเย็บปักในหมู่บ้านหยางซาน
พวกนางภูมิใจในฝีมือของตน แล้วผู้ใดจะอยากถูกเปรียบเทียบกับผู้อื่นแล้วด้อยกว่า?
เมื่อได้รับแรงกระตุ้นจากกุศโลบายของเหยียนซี ทำให้พวกนางรู้สึกมีพลังในการแข่งขันพลางคิดในใจว่าต้องทำให้เร็วกว่าอีกสองโต๊ะ และต้องทำให้ดีกว่าอีกสองโต๊ะที่เหลือด้วย
ทั้งความเร็วและคุณภาพจึงเพิ่มขึ้นทันที
เมื่องานเสร็จสิ้น เหยียนซีจะจ่ายค่าจ้างเป็นรายวัน โดยคำนวณจากปริมาณชิ้นงานที่ได้ในแต่ละโต๊ะ จากนั้นทั้งสี่คนก็จะแบ่งเงินเท่า ๆ กัน ค่าจ้างจะจ่ายเฉพาะเสื้อผ้าที่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนงานที่ยังไม่เสร็จก็มาทำในวันถัดไป
หากใครช้าเด็กหญิงไม่จำเป็นต้องตำหนิ เพราะจะถูกอีกสามคนที่นั่งร่วมโต๊ะกดดันไปเอง และเพื่อไม่ให้ล่าช้า นอกจากเวลากินข้าวและไปห้องน้ำ ทุกคนจะไม่นั่งนิ่งกันเลย
สำหรับชาที่เหยียนซียกมาให้ ก็ไม่มีใครมีเวลาดื่ม
เร่งมือกันเช่นนี้ได้สองสามวัน ในไม่ช้าก็เย็บเสื้อผ้าได้ประมาณสามสิบตัว
ตอนนี้ก็เป็นเดือนสิบเอ็ดแล้ว อากาศเย็นเยือกและพื้นดินกลายเป็นน้ำแข็ง สำหรับเกษตรกรแล้วนั้น ผลิตผลทั้งหมดที่ควรเก็บเกี่ยวในนาก็ได้รับการเก็บเกี่ยวแล้ว ผักที่ควรปลูกก็ได้รับการปลูกเช่นกัน จึงถึงเวลาสำหรับฤดูหนาวที่จะเก็บตัวอยู่บ้านกันอย่างแท้จริง
เหยียนซีเรียกหวังชีมา แล้วบรรทุกเสื้อผ้าหลายสิบตัวลงในเกวียนเทียมวัว จากนั้นก็รีบไปที่หมู่บ้านเหยียนเซี่ยเป็นอันดับแรก
เมื่อมาถึงก็เป็นเวลาพักกินข้าวพอดี เหยียนซีก็สั่นกลองป๋องแป๋งแล้วกระโดดโลดเต้น “เสื้อผ้ากันหนาวราคาถูก! เสื้อผ้ากันหนาวราคาถูกมาแล้ว!”
แม้ว่าเหยียนซีจะมาที่หมู่บ้านเหยียนเซี่ยเพื่อขายผ้าแค่สองครั้ง แต่ทุกคนก็คุ้นเคยกับเธอดีแล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องที่คุ้นเคย หลายคนก็ออกจากบ้านมาดู
“เสื้อคลุมผ้าฝ้ายราคาถูก! ตัดเย็บด้วยผ้าเจ็ดฉื่อ เสื้อมีบุนวมด้วยเศษผ้าฝ้ายด้านในด้วย ส่วนด้านนอกเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหนา ช่างอบอุ่นเหมาะกับฤดูหนาวนี้เหลือเกิน”
“น้องชาย เจ้ามาหลอกเอาเงินเราอีกแล้ว” ผู้หญิงที่คุ้นเคยกันดีรีบหยอกเย้า
“ก็เพราะข้ามักจะคิดถึงทุกคนเมื่อได้ของดี ๆ มาไม่ใช่หรือ นี่คือเสื้อคลุมผ้าฝ้ายหนาจริงไม่ลวงตา ทุกคนลองสัมผัสเลือกดูได้เลย แค่ตัวเดียวก็ใส่ทับเสื้อบุนวมได้แล้วใช่หรือไม่? หากเป็นเสื้อบุนวมขาด ๆ ก็ไม่กันลมเหมือนเสื้อคลุมของข้าแน่นอน” เหยียนซีแขวนเสื้อผ้าตัวอย่างสองชุดตามปกติ “ผ้าเจ็ดฉื่อเลยนะ หากใหญ่ไปสำหรับคนที่บ้าน ก็ตัดให้เล็กลงได้ ส่วนผ้าที่เหลือหนึ่งฉื่อยังเอาไปทำอย่างอื่นได้ด้วย ราคาหนึ่งตัวแปดสิบอีแปะ แค่แปดสิบอีแปะเท่านั้น!”
“ท่านป้าทั้งหลายอย่าเพิ่งบอกว่าแพง และหากว่าไม่มีเงินสด พวกท่านยังสามารถเอาผักมาแลกได้ ไม่ว่าจะเป็นผักกาดเขียว ผักกวางตุ้งและผักกาดขาวก็ใช้ได้ ผักแปดสิบจินก็สามารถแลกเสื้อคลุมผ้าฝ้ายหนา ๆ ได้ พวกท่านจะหาของดีแบบนี้ได้ที่ไหน? แค่หว่านเมล็ดพืชหนึ่งกำมือลงในแปลงผัก พวกมันก็จะงอกขึ้นใหม่ทันที แต่สำหรับเสื้อคลุมผ้าฝ้ายนี่เป็นโอกาสเดียว! ข้าเอาเสื้อคลุมผ้าฝ้ายมาแค่สามสิบตัว ถ้าขายหมด ข้าก็จะกลับบ้านไปผิงไฟแล้ว”
ชาวบ้านที่มีเงินสดก็เริ่มเลือกเสื้อผ้าอย่างมีความสุข
สำหรับครอบครัวอื่น ๆ ที่ไม่มีเงินสดอยู่ในมือ เดิมทีเมื่อได้ยินว่าราคาตัวละ แปดสิบอีแปะ พวกเขาก็แอบถอนหายใจและคิดว่าคงจ่ายไม่ได้ แต่เมื่อได้ยินเหยียนซีบอกว่าสามารถนำผักมาแลกแทนเงินได้ มันจึงเป็นเหตุการณ์ที่พลิกผันไปเลย เพราะผักแปดสิบจินก็สามารถแลกเสื้อผ้าฤดูหนาวได้แล้ว นับว่าถูกเอามาก ๆ
บรรดาผักกวางตุ้งและผักกาดขาวที่บ้าน แค่ตัดพวกมันออกมาก็ได้เสื้อผ้าแล้ว ดังนั้นการกินผักสดให้น้อยลงจึงไม่ใช่ปัญหา แค่กินผักดองให้มากขึ้นก็พอแล้ว
สำหรับเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกเป็นอาชีพหลัก ผักในนาย่อมเป็นสิ่งมีค่าน้อยที่สุด ถ้ากินไม่หมดก็จะใช้เป็นอาหารไก่และหมูแทนอยู่แล้ว หากขนไปขายในเมืองก็ไม่รู้จะขายได้กี่จิน อีกทั้งในฤดูหนาว การแบกสัมภาระและเดินเป็นระยะทางหลายลี้ มิหนำซ้ำถนนยังกลายเป็นน้ำแข็งจึงยากลำบาก ผู้ที่มีผักสดในไร่นาจึงรู้สึกว่าการเอาผักมาแลกเสื้อผ้านั้นคุ้มค่ามากกว่า
ในขณะนี้จึงมีคนกลับบ้านและนำผักออกมาแลกแล้ว
สำหรับเหยียนซีแล้วการแลกเปลี่ยนผักกับเสื้อผ้า ถือว่าเป็นการยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว เนื่องจากมีผักสดในฤดูหนาวน้อยลง แต่กิจการผักดองของเธอก็ต้องการผักสดอยู่เสมอ
เด็กหญิงจึงใช้ประโยชน์จากการขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปในครั้งนี้ มากักตุนผักดองได้อีกด้วย เพราะก่อนวันปีใหม่ เธอจะต้องส่งสินค้าให้เถ้าแก่เฉียนอย่างเพียงพอ
หวังชีเพิ่งรู้สึกว่าดวงตาของเขาได้เปิดโลกทัศน์ใหม่อีกครั้ง นี่คือการขายสิ่งเดียว แต่สามารถสร้างรายได้สองทาง! เขาหยิบตาจินออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อจินผักจำนวนแปดสิบจิน จากนั้นก็บรรทุกผักบนเกวียนเทียมวัว แล้วให้ลูกค้าเลือกหยิบเสื้อคลุมหนึ่งตัวออกมาและจากไปอย่างพึงพอใจ
เมื่อภัยหนาวมาเยือน ผู้คนจะโหยหาความอบอุ่นมากขึ้นเสมอ
บางคนที่ยังเอาแต่มองอยู่ ก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าใหม่ในมือของพวกเพื่อนบ้านดูหนาและอบอุ่นมาก เมื่อก้มมองมาที่ตัวเองอีกครั้ง กลับรู้สึกได้ถึงลมหนาวที่พัดโชยมา เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งบนร่างกายทำให้ลมเย็นไหลเวียนไปทั่ว และความหนาวก็เย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูก
ผักสดแปดสิบจิน ก็เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมผ้าฝ้ายอุ่น ๆ ได้แล้วหรือ?
แล้วพวกตนกำลังรออันใดอยู่?
ทันใดนั้น ผู้ที่เอาแต่ยืนมองก็ได้ร่วมกันนำผักมาเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าฝ้าย
เหยียนซีเลือกสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ในการออกมาขายเสื้อ เนื่องจากจะมีความต้องการเสื้อผ้าฝ้ายบุนวมมากขึ้น และเดือนสิบสองก็กำลังใกล้เข้ามา ปกติแล้วผู้ที่มีเงินมากหน่อยก็จะต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่สองชุดสำหรับปีใหม่อยู่แล้ว
ในหมู่บ้านเหยียนเซี่ยมีหลายร้อยครัวเรือน ทำให้เสื้อผ้าสามสิบตัวขายหมดอย่างรวดเร็ว
มีบางครอบครัวที่มาช้า จึงรั้งเหยียนซีไว้ไม่ให้ไป พวกเขาพูดแค่ว่าในเมื่อนำผักมาแล้ว จะไม่แลกเปลี่ยนกันได้อย่างไร?
เหยียนซีไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหยิบเสื้ออีกสองตัวออกจากมุมเกวียนด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “พี่สะใภ้ เสื้อผ้าทั้งสองตัวนี้ยังใหม่อยู่เช่นกัน แต่ไม่ได้รับการจัดเก็บที่ถูกต้อง ทำให้มีคราบเหลืองอยู่บ้าง หากว่าท่านต้องการ ข้าจะให้ท่านแลกด้วยผักห้าสิบจิน แต่ถ้าไม่รับ ข้าก็จะไปแล้วจริง ๆ ”
สตรีนางนั้นเห็นคราบสีเหลืองเล็ก ๆ ตรงมุมเสื้อ มันดูไม่เด่น ทั้งยังได้ยินมาว่ามีแค่สองตัว และยังได้ลดราคาลงอีกด้วย นางจึงกัดฟันตอบตกลงโดยไม่ต่อราคาอีก
ในท้ายที่สุด ทุกคนก็มีความสุขกันถ้วนทั่ว
คงมีก็เพียงเจ้าวัวตัวโตที่ต้องทนทุกข์ทรมาน เพราะตอนขามา การบรรทุกแค่คนสองคนและกระสอบเสื้อผ้านั้นง่ายมาก แต่ตอนขากลับ เกวียนเทียมวัวมีผักอยู่เต็มไปหมด
เหยียนซีเฝ้ามองเจ้าวัวสีน้ำตาลเหลืองตัวนี้ เด็กหญิงลอกใบผักที่กลายเป็นสีเหลืองออกและให้อาหารมัน “ขอบคุณที่ทำงานหนักนะ ข้าจะให้ใบผักสองสามใบเพื่อปลอบใจเจ้าก่อน และเมื่อกลับถึงบ้าน ข้าจะให้ใบผักสีเหลืองเหล่านี้แก่เจ้าหมดเลย”
MANGA DISCUSSION