บทที่ 82 ตัวเลือกที่น่าเสียดาย
“สามีของข้าเลิกยุ่งเกี่ยวกับตระกูล ซึ่งทางตระกูลก็ไม่ต้องการเห็นเขาเช่นกัน จึงตัดขาดกันตั้งแต่ตอนนั้น เราเองก็แต่งงานกันได้สองปีกว่าแล้ว บ้านของพ่อแม่สามีก็ต้องดูแลลูกชายคนโตกับหลานชายอีก ฐานะครอบครัวก็ยากจน จึงไม่มีที่ดินแบ่งให้ กระนั้นเขาเป็นช่างไม้ ไปอยู่ที่ใดก็สามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยฝีมือตนเอง เขาพาข้าเดินร่อนเร่รับจ้างไปเรื่อย ๆ เราเดินมาจนถึงตำบลชิงหลง แล้วตัดสินใจลงหลักปักฐานในเมืองนี้ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือโชคร้าย ชายที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นกลับเสียชีวิตหลังจากเจ็บป่วยเพียงครั้งเดียว ฮึ สามีข้าทำงานหนักมาครึ่งชีวิต แต่กลายเป็นว่าไม่ได้รับพรเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อนึกถึงสามีที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม ดวงตาของแม่หวังชีก็แดงก่ำ
นางหวังก็อดไม่ได้ที่จะยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาตรงมุมหางตา
เหยียนซีเองก็แอบถอนหายใจ เมื่อนึกถึงตอนที่นางหวังบอกว่าหลิวต้าลี่ได้ช่วยชีวิตนางไว้ และนางไม่เคยพูดถึงครอบครัวฝั่งมารดา ไม่เคยติดต่อกับครอบครัว ไม่มีใครรู้ว่าครอบครัวของนางอยู่ที่ใด และเมื่อนึกถึงสิ่งที่นางพูดกับหลิวเหิงในวันหยุดครานั้น ยังจะไม่เข้าใจอันใดอีกเล่า?
แน่นอนว่าเรื่องราวนี้เป็นชีวิตของนางเอง
นางหวังทำงานหนักเพื่อสนับสนุนการศึกษาของอดีตสามี แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นเฉินซื่อเหม่ย แต่นางก็ไม่เคยพูดอะไร แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะโชคร้ายเพราะผู้ชาย ทว่าทักษะการทอผ้าและเย็บปักของนางคงได้รับการฝึกฝนตอนที่พยายามส่งชายใจร้ายเรียนหนังสือ ซึ่งโชคดีที่สวรรค์ไม่ใจร้ายต่อนางเกินไป เพราะตอนนี้นางสนับสนุนลูกชายอีกครั้ง ทว่าลูกชายคนนี้ไม่เคยทรยศต่อหัวใจของนาง ถือได้ว่านางได้รับวาสนาจากลูกชายแล้ว
เมื่อเห็นกิริยาของนางหวังในตอนนี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวมารดาอีกต่อไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นางแสร้งจำแม่หวังชีไม่ได้
เหยียนซีกำลังคิดในใจ ด้านนางหวังก็ใช้เวลาสักครู่ ถึงจะกลับมารู้สึกตัว นางยกยิ้มและพูดกับแม่หวังชีว่า “อย่าเสียใจไปเลย อาชีมีความสามารถและกตัญญูรู้คุณ เขาทำกิจการกับซีเอ๋อร์และสามารถใช้งานได้จริง เขาเต็มใจทำงานที่ได้รับมอบหมายทุกอย่าง รอให้ทำกิจการไปสักสองปี เขาจะเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งและชีวิตก็จะดีขึ้นแน่นอน จริงสิ ข้าเห็นท่านแล้วรู้สึกถูกชะตาด้วย ขอเรียกว่าน้องสาวได้หรือไม่?”
“แซ่เดิมของข้าคือกู้ และด้วยสถานะของท่าน ข้าไม่อาจยืนเสมอได้ สำหรับอาชีนั้นโชคดีเหมือนพ่อ ซึ่งได้พบกับผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง นายหญิงน้อยมีความสามารถตั้งแต่อายุยังน้อย ซ้ำยังเต็มใจที่จะพาเขาติดตามทำงานด้วยกัน ทั้งให้เขาส่งสินค้าและมอบหุ้นลมให้ด้วย พวกท่านคงเห็นว่าเขาทำงานมานานเท่าไรเอง แต่เขาก็เก็บเงินได้แล้ว ข้าเองก็อยากทำงานเย็บปักรับซ่อมเสื้อผ้าให้ผู้อื่น แต่สายตาของข้าไม่ดี เขาจึงเชิญหมอมารักษาข้า” แม่หวังชีมองไปที่เหยียนซีอย่างซาบซึ้งใจ “เราสองแม่ลูกมีวันนี้ได้ ต้องขอบคุณนายหญิงน้อยแล้ว”
“ท่านป้ามีมารยาทกับข้าเกินไปแล้ว พี่หวังชีทำงานหนักและขยันหมั่นเพียร เขายังมีน้ำใจชอบช่วยเหลือข้าตลอดเลย” เหยียนซีก็รีบถ่อมตน
“อาชี เจ้าอายุเท่าไรแล้ว?” นางหวังชำเลืองมองที่หวังชีพลางถาม
“สิบเจ็ดขอรับ”
หวังชีอายุเพียงสิบเจ็ดปีเองหรือ?
พวกเหยียนซีตกตะลึงและทั้งสองก็มองไปที่หวังชีพร้อมกัน เขามีลักษณะตรงตามตำราห้าใหญ่สามหนา ไหนจะหนวดเครานั่นอีก พวกนางจึงรู้สึกอยู่เสมอว่าหากเขาไม่อายุสามสิบ ก็ต้องอยู่ในวัยยี่สิบกว่าแน่นอน
หวังชีรู้สึกขัดเขินที่โดนพวกนางจับจ้องแบบตกตะลึง เขาจึงหัวเราะเล็กน้อยแล้วยกมือลูบเคราของตน
แม่หวังชีก็หัวเราะจนน้ำตาไหล “เขาแข็งแรงมากจริง ๆ ตอนอายุแค่สิบสองปีจึงมาที่ท่าเรือเพื่อเป็นลูกหาบครั้งแรกน่ะ ทุกคนคิดว่าเขายังเด็กเกินไป ต่อมาเขาจึงไว้หนวดเคราโดยไม่ยอมโกนอีกเลย อย่างไรก็ยืนกรานที่จะไว้หนวดเครา ดูตอนนี้สิ เขาดูแก่กว่าอายุจริงไปเลย”
“ใช่ พี่หวังชี รีบกลับไปโกนเคราของท่านเสียเถิด มิฉะนั้นจะหาภรรยาได้ยาก” เหยียนซีอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกออกมา
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกจากปาก เธอก็อดทอดถอนใจอีกครั้งไม่ได้
เธอเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เพียงเพื่อจะมีชีวิตที่ดี กลับต้องกังวลกับทุก ๆ เรื่อง แน่นอนว่าสำหรับสตรีสมัยโบราณแล้ว การหาสามีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นางหวังจะช่วยเธอในฐานะที่ปรึกษาเท่านั้น โดยหลักแล้วเธอยังต้องพยายามมองหาด้วยตัวเอง ทว่าเธอก็ไม่เคยพบคนที่เหมาะสมเลย แต่เมื่อครู่เธอกลับบอกให้หวังชีมองหาภรรยาเสียอย่างนั้น
ทว่าหลังจากได้ติดต่อกันแล้ว บุรุษผู้นี้เป็นคนที่จิตใจดีและน่าเชื่อถือ
หากพิจารณาจากคำพูดของนางกู้แล้ว จะเห็นได้ว่าพ่อแม่ของเขาก็ให้ความสำคัญกับความรักและความชอบธรรม
นับเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเป็นสามี
เด็กหญิงมองหวังชีอีกครั้งก็รู้สึกว่าน่าเสียดาย เพราะเขาอายุสิบเจ็ดปีแล้วยังไม่มีภรรยา หากครอบครัวไม่ยากจน ป่านนี้เขาคงได้แต่งสะใภ้ตั้งนานแล้ว ซึ่งตามความเข้าใจของตนเกี่ยวกับผู้คนในยุคนี้ นางกู้จะต้องกังวลเรื่องที่นางยังไม่มีหลานชายแน่ ๆ
ช่างเถิด ช่างเถิด แม้ว่านี่จะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่เธอยังเด็กเกินไป และการจับจองไว้ล่วงหน้าก็ไม่เหมาะสมด้วย
นางกู้หัวเราะออกมาตามที่คาดไว้ “ไม่พูดไม่ได้เลย เพราะตั้งแต่เข้าทำงานกับนายหญิงน้อย ก็มีแม่สื่อมาที่หน้าประตูบ้านบ่อยครั้ง เพียงแต่ข้าไม่พบคนที่ถูกใจมาสักพักแล้ว อีกทั้งครอบครัวเราก็ยากจนเกินไป ข้าจะเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งสำหรับซ่อมแซมบ้านในปีหน้าก่อน ถึงเวลานั้นจะพูดเรื่องแต่งงานได้ง่ายขึ้น”
“ถูกต้อง อย่าเพิ่งกังวลไปเลย เพราะวันเวลายิ่งผ่านไปจะยิ่งงดงาม” นางหวังพยักหน้าเห็นด้วย “อาชีเป็นเด็กดี สมควรเลือกสะใภ้ที่ขยันและตั้งใจทำงาน ครอบครัวฝ่ายมารดาของนางก็ควรจิตใจดี เพื่อความเข้ากันได้ง่ายขึ้น”
เรื่องแบบนี้ปกติจะมีเพียงญาติสนิทเท่านั้นที่เอ่ยถึง นางกู้จึงรู้สึกว่าท่านป้าของนายหญิงน้อยไม่ได้มองนางเป็นคนนอก ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและตอบรับ
นางหวังหันไปมองเหยียนซี “ซีเอ๋อร์ ข้ามองแวบแรกก็รู้ว่าน้องสาวท่านนี้เก่งงานเย็บปัก เจ้ารับนางมาช่วยทำกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้หรือไม่?” แม้จะเป็นประโยคคำถาม ทว่าน้ำเสียงของนางมีการขอร้องโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าเข้าข้างนางกู้ไม่น้อย
เหยียนซีได้มาเยือนบ้านของหวังชี และเห็นว่าบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย เสื้อผ้าที่แขวนตากในลานบ้านก็ได้รับการปะชุนอย่างดี เธอจึงได้พิจารณาว่าจ้างนางกู้เพื่อทำเสื้อผ้าสั่งตัดเอาไว้ในใจแล้ว หลังจากได้ยินวิธีการพูดของนางกู้ เด็กหญิงก็ตัดสินใจได้ทันที
ตอนนี้ได้รู้ความหมายที่นางหวังต้องการจะสื่อ นางย่อมไม่ปฏิเสธและหันไปมองนางกู้พลางพูดว่า “ท่านป้า ข้าไม่รู้ว่าพี่หวังชีได้บอกท่านหรือยัง แต่พวกเรากำลังจะเริ่มกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปและช่างมาตัดเสื้อผ้าอยู่ หากท่านว่าง ลองมาช่วยข้าตัดเย็บเสื้อผ้าดีหรือไม่?”
“ข้าว่าง ข้าว่างทุกวันเลย” นางกู้รีบพูด “นายหญิงน้อย หากท่านอยากให้โอกาสข้า ฝ่ายข้าก็สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด เพราะข้าเคยช่วยคนตัดเย็บเสื้อผ้ามาก่อนด้วย”
“ท่านแม่ ฟังที่ข้าพูดก่อน กิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปของเรานั้นไม่ซับซ้อน ท่านแค่ทำให้ชิ้นงานออกมาขนาดใหญ่ โดยเสื้อผ้าของสตรีจะใช้ผ้ายาวเจ็ดฉื่อ สำหรับเสื้อผ้าบุรุษใช้ผ้ายาวเจ็ดฉื่อครึ่ง หน้าที่ของท่านคือตัดเย็บเสื้อผ้า”
“ใหญ่ขนาดนั้นเชียว? ไม่วัดขนาดตัวก่อนหรือ?”
ตอนที่นางทำงานนี้ หากใครมาสั่งตัดเสื้อผ้า โดยทั่วไปจะใช้ผ้ายาวประมาณ หกฉื่อ หรือหลังจากวัดส่วนสูงแล้วก็ใช้ผ้าพอดีขนาดรูปร่างมาตัดเย็บ
เดิมทีนางกู้คิดว่าเหยียนซีต้องการเปิดร้านรับตัดเสื้อ ทว่าเหยียนซีไม่ได้หมายความเช่นนั้น
“ใช่ เนื่องด้วยวิธีตัดเย็บเสื้อผ้าของข้าแตกต่างจากผู้อื่น ส่วนท่านมีหน้าที่แค่ตัดเสื้อผ้า แล้วข้าจะหาคนอื่นมาเย็บให้ งานจะได้เดินเร็วขึ้น” เหยียนซีไม่ได้อธิบายมากไปกว่านี้อีก เด็กหญิงแค่พูดว่า “สำหรับผ้าพับเดียวกัน ท่านต้องพยายามตัดเสื้อผ้าให้ได้มากที่สุด แล้วข้าจะเอาเศษผ้าที่เหลือไปใช้ต่อด้วย สำหรับค่าแรงคือสองอีแปะต่อเสื้อผ้าตัดหนึ่งตัว ข้าจะคำนวณค่าแรงตามจำนวนตัวที่ตัดได้ ท่านคิดอย่างไร?”
“แค่ขยับกรรไกรเอา ข้ารู้สึกอายเกินกว่าจะรับค่าแรง นายหญิงน้อย ท่านคงไม่เคยติดต่อกับคนในร้านตัดเสื้อ โดยปกติแล้วจะจ่ายค่าตัดเย็บเสื้อผ้า ไม่เกี่ยวกับการตัดเพียงอย่างเดียว ซึ่งข้าเย็บได้ ข้าสามารถเป็นช่างเย็บได้” นางกู้รู้สึกว่าหวังชีได้รับประโยชน์จากอีกฝ่ายมากแล้ว นายหญิงที่ยังเป็นเด็กน้อย บางทีอาจจะไม่รู้ขั้นตอนของการตัดเย็บเสื้อผ้า นางจึงรีบบอกสิ่งที่ตนรู้
“ท่านป้า ข้าต้องการเสื้อผ้าพวกนี้แบบเร่งด่วน ดังนั้นงานเสร็จเร็วเท่าไรยิ่งดี ก็ตามที่ท่านพูด การทำเสื้อผ้าสักตัวซึ่งเป็นงานเย็บปัก มีค่าใช้จ่ายเพียงห้าอีแปะเท่านั้น แต่การตัดเย็บเสื้อผ้าแบบของข้า นอกจากจะได้เงินตามจำนวนตัวแล้ว ผ้าที่เหลือยังใช้เป็นค่าจ้างได้ด้วย เพราะเศษผ้านั้นข้าไม่เอาคืน”
MANGA DISCUSSION