บทที่ 69 ดวงตามีแต่เงิน
นางหวังเห็นด้วยอย่างยิ่งที่เมื่อได้ยินเหยียนซีบอกว่านางจะทำกระเป๋าขาย
กิจการการขายกระเป๋ามีกำไรสูงกว่าการเปิดแผงขายชามาก
นางพูดคุยกับเหยียนซีถึงวิธีการตัดแบ่งผ้า ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่าตนนั่งคุยกันอยู่ที่ลานบ้านมานานกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว
เมื่อหลิวเหิงกลับมาจากบ้านของหัวหน้าตระกูล เขาก็ได้ยินนางหวังกล่าวกับเหยียนซีว่า “ซีเอ๋อร์ กระเป๋าใบหนึ่งมีราคาห้าอีแปะ ขายสิบชิ้นก็ห้าสิบอีแปะ ขายหนึ่งร้อยชิ้นก็ห้าร้อยอีแปะ หากเราทำงานกันอย่างขยันขันแข็งสักหน่อย เราจะสามารถหาเงินได้สองถึงสามตำลึงภายในหนึ่งเดือนเชียว”
“ถูกต้องเจ้าค่ะ ท่านป้าเมื่อถึงเวลานั้น พวกเราค่อยรวบรวมเงินไปเปิดโรงงานทอผ้าสักแห่ง คราวนี้ท่านก็จะได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยแล้ว”
“เถ้าแก่เนี้ยอะไรกัน เจ้านี่ช่างพูดจาให้คนอื่นหัวเราะเสียจริง” นางหวังกล่าวราวกับว่าตนเองไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นเถ้าแก่เนี้ย ถึงอย่างนั้นก็หุบยิ้มไม่ได้
หลิวเหิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ท่านแม่ ท่านกับซีเอ๋อร์เริ่มเหมือนกันมากขึ้นทุกวันแล้ว”
“ข้าดูเหมือนซีเอ๋อร์งั้นหรือ?”
“ใช่ขอรับ ในสมองนางคิดแต่ว่าต้องการหาเงินและหาเงิน จนดวงตาจะมีแต่เงินอยู่แล้ว”
“อะไรกัน พวกเราเพียงวางแผนไว้ล่วงหน้าก็เท่านั้นเอง เจ้าไม่เห็นหรือว่าเจ้าใส่เสื้อผ้าอะไรอยู่ หากไม่มีเงินเจ้าจะหาซื้อเสื้อผ้าพวกนั้นได้อย่างไร?” เมื่ออยู่ภายใต้อิทธิพลของเหยียนซีทั้งวันทั้งคืน นางหวังก็ไม่ละอายที่จะพูดเรื่องเงินอีกต่อไป การหาเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองไม่มีอะไรน่าอับอายเสียหน่อย
“ใช่ ใช่ ลูกผิดไปแล้ว เช่นนั้นลูกขอชดเชยความผิดพลาดโดยการนำโชคลาภมาสู่ครอบครัวก็แล้วกัน” หลิวเหิงกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“อะไรกัน? เกี่ยวกับการซื้อที่ดินหรือไม่? เจ้ารีบกล่าวเรื่องนี้มาเร็วเข้า ต้องใช้เงินจำนวนเท่าไร?” นางหวังพลันนั่งตัวตรงทันที รอฟังคำตอบจากหลิวเหิง
เมื่อเห็นแม่ของเขาแสดงท่าทางเช่นนั้น หลิวเหิงก็หัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “ท่านอารองกล่าวว่าที่ดินผืนนี้เป็นที่รกร้าง ไม่มีเจ้าของ ทั้งยังอยู่ใกล้กับบ้านของเรา ดังนั้นเขาจึงเป็นธุระไปจัดทำเอกสารให้ ถือว่าเป็นของขวัญส่งมอบจากตระกูลให้กับบ้านของเราโดยตรง”
หัวหน้าตระกูลหลิวมอบความโปรดปรานให้แก่เขาอย่างมาก แม้ว่าที่ดินผืนนั้นจะเป็นที่ดินรกร้างไม่มีเจ้าของ แต่ขนาดพื้นที่ก็ไม่เล็กเลย หนำซ้ำยังเป็นพื้นที่ราบ ดังนั้นจึงสามารถขายได้ในราคาหลายตำลึง
“ช่างเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก” นางหวังกล่าวอย่างมีความสุข “ซีเอ๋อร์ เจ้าเขียนชื่อตนเองลงไปในเอกสารนั้นเสีย”
พวกเขาทั้งสามคนนั่งหารืออยู่ที่นั่นต่อไป ช่วยกันครุ่นคิดว่าจะเริ่มสร้างโรงงานอย่างไรหลังจากได้ที่ดินมาแล้ว และหลังจากสร้างโรงงานเสร็จจะใช้สถานที่แห่งใดในการทำผักดอง แต่แล้วทั้งสามคนก็มองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง โรงงานยังไม่ทันเป็นรูปเป็นร่าง เหตุใดพวกเขาถึงได้คิดวางแผนไปถึงขั้นนั้นกันแล้ว?
ท้ายที่สุด นางหวังแนะนำว่าเนื่องจากบ้านเราจะไม่สานต่อแผงขายชาอีกแล้ว เช่นนั้นก็ควรมอบสูตรชงชาให้กับท่านลุงเกาและท่านป้าเกาซึ่งขายแป้งทอดอยู่ที่ท่าเรือ
“พวกเขาทั้งสองน่าสงสารไม่น้อย ได้ยินมาว่าตอนแรกที่เริ่มตั้งแผงขายแป้งทอด ทั้งลูกชายและลูกสาวของพวกเขาก็มาถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไป ต่อมาพบลูกชายแล้ว ทว่าไม่พบลูกสาว พวกเขาจึงต้องตั้งแผงขายทุกวัน เฝ้ารอวันที่จะได้พบลูกสาวอีกสักครั้ง”
เหยียนซีไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากได้ยินสิ่งที่นางหวังกล่าว เด็กหญิงก็ทอดถอนหายใจ แผ่นดินและมหาสมุทรกว้างใหญ่ โอกาสที่จะพบเด็กซึ่งถูกลักพาตัวต่ำเกินไป ไม่ว่าในสมัยโบราณหรือสมัยปัจจุบันก็ตาม การลักพาตัวเด็กยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหตุใดอาชีพค้ามนุษย์จึงไม่หมดสิ้นไปเสียที
“เช่นนั้นก็เขียนรายการวัตถุดิบสำหรับทำชาดับร้อนให้พวกเขาเถอะเจ้าค่ะ เผื่อว่าพวกเขาจะมีรายได้มากขึ้น เมื่อครั้งเราไปตั้งแผงขายอยู่ที่นั่น พวกเขาคอยดูแลเราเป็นอย่างดีเสมอ” ตอนที่เหยียนซีไปตระเวนขายผ้า ส่วนนางหวังตั้งแผงขายชาอยู่ตามลำพังเอง ก็ได้ท่านป้าเกานี่แหละช่วยเมื่องานเริ่มล้นมือ
เหยียนซีเห็นด้วยว่าสูตรการทำชาดับร้อนไม่ใช่ความลับสุดยอดอะไร ต่อให้เธอไม่เปิดเผย หากใครบางคนซื้อกลับไปแล้วขอให้หมอสมุนไพรสักสองสามคนมาลองชิมดู ก็คงพอจะคาดเดาวัตถุดิบได้
วันรุ่งขึ้น หวังชีมาเคาะประตูบ้าน บอกเหยียนซีว่าขอโทษที่ล่าช้าไปสองวัน เมื่อวานนี้เขาตระเวนค้นหาสินค้าในหลายเมือง จึงสามารถซื้อไหขนาดใหญ่ยี่สิบใบตามที่เหยียนซีต้องการ “มีไหอีกยี่สิบใบที่ยังไม่ได้ของ พวกเขากล่าวว่าจะนำมาส่งให้หลังจากเอาเข้าเตาเผาแล้ว”
พูดจบหวังชีก็ควักเงินมากกว่าห้าร้อยอีแปะออกมา “นายจ้าง เนื่องจากเราสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ทางโรงงานเตาเผาจึงขายไหให้เราในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด นี่คือเงินที่เหลือกลับมา”
เหยียนซีมองดูคร่าว ๆ ถึงรู้ว่าหวังชีพยายามอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อต่อรองราคา
ตามท้องตลาด ไหใบเล็กมีราคาประมาณยี่สิบอีแปะ ไหขนาดกลางมีราคาประมาณห้าสิบอีแปะ และไหใบใหญ่มีราคาประมาณแปดสิบอีแปะ ทุกวันนี้สินค้าเหล่านี้ถือเป็นสินค้าที่สามารถทำกำไรได้มากอีกอย่างหนึ่ง
เด็กหญิงไม่ได้นับเงิน เพียงรวบรวมเงินไว้ และขอให้หวังชีช่วยขนไหเหล่านั้นไปที่ลานบ้านด้วยกัน
หลิวเหิงกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เมื่อเขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้างนอก เขาก็ออกมาช่วยอีกแรง
แต่หวังชีกลับโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “ข้าจะปล่อยให้นายท่านซิ่วไฉทำงานแบบนี้ได้อย่างไร ข้าทำเองได้ ให้ข้าทำคนเดียวเถอะ”
“เอ้อร์หลางเคยทำงานในไร่นาที่บ้านมาก่อน ให้เขาขนย้ายช่วยเถอะ งานจะได้เสร็จเร็ว ๆ” นางหวังรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาให้ “มา ดื่มน้ำสักแก้วก่อน มันร้อนเกินกว่าจะทำงานแบกหามท่ามกลางสภาพอากาศเช่นนี้”
หวังชีรีบวางไหดินเผาลง จากนั้นรับแก้วมากระดกดื่มน้ำในอึกเดียว เหลือบไปเห็นว่านางหวังและเหยียนซีกำลังง่วนอยู่กับการเก็บเกี่ยวผักจากแปลงดิน เสร็จแล้วก็ไม่ได้หยุดพัก ตักน้ำมาทำความสะอาดไหดินเผาแต่ละใบ ก่อนจะจับคว่ำลงเพื่อตากให้แห้ง
นางหวังอดไม่ได้ที่จะผงกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายผู้นี้กระฉับกระเฉงยิ่งนัก มือเท้าทำงานว่องไว
คนสี่คนช่วยกันทำงานคนละไม้ละมือ ทำให้งานต่าง ๆ เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งดวงอาทิตย์คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตก หวังชีจึงขอตัวลากลับบ้าน เนื่องจากยังต้องไปดูแลแม่ผู้ชราของเขา
เหยียนซีและนางหวังช่วยกันคัดใบผักที่ถูกหนอนเจาะทิ้งไป รวมถึงใบที่เริ่มเหี่ยวเฉา
เหยียนซีเด็ดผักต่อไป ส่วนนางหวังเริ่มเปลี่ยนหน้าที่ไปดองผัก แต่เนื่องจากผักดองเหล่านี้จะถูกนำไปขายแลกเงิน ดังนั้นนางจึงไม่กล้าลงมือเองทีเดียว ด้วยกลัวว่าหากทำของเสียแล้วอาจเสียรายได้
เหยียนซียกถาดกระเทียม ขิง และโป๊ยกั๊กที่เธอนำไปล้างและตากแดดไว้ตั้งแต่เช้ามาไว้ข้าง ๆ เผื่อใช้ในภายหลัง
ไหทุกใบถูกตากแดดจนแห้งสนิทแล้ว เมื่อตรวจดูแล้วพบว่าภายในไม่มีหยดน้ำหลงเหลือ เหยียนซีก็ใช้ผ้าสะอาดเช็ดอย่างระมัดระวังอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าภายในไม่มีความชื้นเหลืออยู่ ก่อนที่จะเริ่มใส่ผักลงในโถ
หลังจากใส่ผักใบเขียวหนึ่งชั้น ก็โรยเกลือทับไปอีกหนึ่งชั้น แล้วโยนกระเทียม ขิง และโป๊ยกั๊กลงไปทุก ๆ สองสามชั้น ความจริงแล้วหากใส่ลงไปทุกชั้นจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ทว่าเหยียนซีตระหนักได้ว่าของพวกนี้มีต้นทุน ดังนั้นจึงหาวิธีที่จะประหยัดต้นทุนได้โดยที่รสชาติยังคงเดิม
เมื่อหวนนึกถึงคำกล่าวของหลิวเหิงที่ประเมินเธอในวันนี้ เด็กหญิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ ตอนนี้สายตาเธอมีแต่เงินจริง ๆ ด้วย เริ่มมีหัวการค้าเข้าไปทุกที ๆ แล้ว
ภายในไหสามารถใส่ผักได้เกือบสิบชนิด และต้องใช้เกลือประมาณสองชนิด หลังจากเรียงผักซ้อนกันเสร็จแล้ว ค่อยเทน้ำต้มสุกที่ถูกพักไว้จนเย็นลงไป รอจนกว่าผักจะจมอยู่ใต้น้ำ จากนั้นก็ทำการปิดฝา แล้วมัดปากไหด้วยผ้าให้แน่นหนา
ขั้นตอนนี้เป็นกุญแจสำคัญในการทำผักดองให้ได้ผลดี ทั้งยังเป็นเคล็ดลับในการทำผักดองอีกด้วย
นางหวังเฝ้าสังเกตอีกฝ่ายทำผักดองไปสองสามไหจากด้านข้าง จนมั่นใจในกรรมวิธีแล้วถึงได้กล้าลงมือช่วย
หลิวเหิงกลัวว่าตัวเองอาจดองผักได้ไม่ดี จึงไม่กล้าแทรกแซงงาน แต่รับหน้าที่ต้มน้ำและยกลงมาพักไว้ให้เย็นแทน
ครั้งนี้เตาต้มชาซึ่งสั่งทำพิเศษสำหรับแผงขายชานับว่ามีประโยชน์มาก เมื่อในครัวมีเตาขนาดใหญ่ที่สามารถวางหม้อต้มใบใหญ่ได้ถึงสองใบ ทำให้เขาสามารถต้มน้ำได้หลายรอบในคราวเดียว
พวกเขาทั้งสามคนทำงานกันจนดวงจันทร์ลอยโด่ง ในที่สุดก็ดองผักในไหจนครบทั้งยี่สิบใบ
ตอนนี้ทุกคนหิวโหยกันมาก เพื่อให้การทำงานไม่ล่าช้า พวกเขาอาศัยติ่มซำเพียงไม่กี่ชิ้นเพื่อให้อิ่มท้องในระหว่างวัน
หลังจากทำผักดองเสร็จ เหยียนซีรู้สึกราวกับเอวของตนเองกำลังจะหัก
“กระบวนการดองผักค่อนข้างเหนื่อยล้านัก หากข้าไม่อยู่บ้านสักคน เกรงว่าเจ้าและท่านแม่จะยุ่งเกินไป เจ้าสามารถว่าจ้างใครสักคนให้มาช่วยทำได้หรือไม่?” หลิวเหิงมองไปที่เหยียนซีและนางหวังซึ่งนั่งเหยียดยาวพิงเก้าอี้ พลางทุบหลังตัวเองไปด้วยอย่างเป็นกังวล
ตอนที่เขาอยู่บ้าน เขายังพอช่วยแบ่งเบางานหนักอย่างการต้มน้ำและเทน้ำลงไหได้บ้าง แต่ถ้าเขาไม่อยู่ ในบ้านที่มีผู้หญิงเพียงสองคนจะทำงานเหล่านี้ได้อย่างไร?
MANGA DISCUSSION