บทที่ 62 วิธีรับมือกับที่นั่งติดห้องน้ำ
ถึงแม้หลิวเหิงจะบอกเหยียนซีว่าไม่ต้องรอที่นอกสนามสอบ แต่เหยียนซีอยู่ในโรงเตี๊ยมจะนั่งติดได้อย่างไร
เด็กหญิงกลับมาถึงโรงเตี๊ยม ซักผ้าเสร็จแล้ว เก็บกวาดห้อง ฝึกเขียนหนังสืออีกครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งออกไปหาซื้อวัตถุดิบอาหาร ก็พบว่าเพิ่งจะเที่ยงเท่านั้น
เผยซิ่วกลับไม่ร้อนรน อยู่ที่โรงเตี๊ยมอ่านหนังสือตั้งแต่เช้า
เมื่อกินอาหารเที่ยงเสร็จ เหยียนซีก็นั่งไม่ติดแล้ว จึงตัดสินใจไปรอที่ด้านนอกสนามสอบแทน
เผยซิ่วหัวเราะ “ทุกสนามสอบเยวี่ยนซื่อสอบเพียงครั้งเดียว ไม่จำเป็นต้องกังวล ถ้าหากต่อไปสอบเซียงซื่อ สนามหนึ่งสอบสามวัน สอบสามรอบติดต่อกัน เช่นนั้นสิน่าหนักใจจริง ๆ ”
เผยซิ่วบอกว่าไม่ต้องกังวล แต่เหยียนซีนั้นมีความรู้สึกเหมือนแม่คนหนึ่ง บุตรของตนอยู่ที่สนามสอบ เธอจะอยู่นิ่ง ๆ ได้อย่างไร เธอคิดว่าเธอได้สัมผัสถึงความรู้สึกของคนในบ้านในช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
ตอนนั้นที่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่มีใครมารอที่นอกสนามสอบและเป็นกังวลกับเธอเลย เมื่อเดินออกมานอกสนามสอบแล้วเห็นพ่อแม่ของคนอื่น ๆ ความรู้สึกเสียใจก็ยังคงอยู่ในใจ สิ่งที่ตนเองไม่อยากทำหรือไม่อยากได้ ก็อย่ายัดเยียดให้กับผู้อื่น เธอไปรอหลิวเหิงเสียหน่อยดีกว่า
ผลก็คือเผยซิ่วเองก็ไม่ได้ใจเย็นอย่างที่แสดงออก เมื่อเห็นเหยียนซีเก็บกวาดเตรียมจะออกไป เขาก็กระแอมครั้งหนึ่ง “เจ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะออกไปคนเดียวได้อย่างไร ให้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าเถิด”
ทั้งสองคนกินอาหารเที่ยงเสร็จก็เดินไปถึงสนามสอบ ประตูใหญ่ของสนามสอบปิดแน่น ไม่มีช่องว่างแม้แต่นิดเดียว ตรงหน้าประตูมีรั้วอยู่ ไม่ให้ใครเข้าใกล้
ตรงหน้าประตูใหญ่มีคนไม่น้อยที่รออยู่ บ้างก็ยืน บ้างก็นั่ง คนที่ฐานะดีหน่อยก็ถึงขนาดนั่งรถม้า เกวียนเทียมวัวมาจอดที่ข้างถนนเพื่อรอรับคน
“หลีกทาง ๆ คนส่งข้อสอบคนแรกจะออกมาแล้ว” มีนักการบอกให้คนที่เข้าใกล้รั้วออกไปไกลหน่อย ประตูใหญ่ของสนามสอบค่อย ๆ เปิดออกเป็นร่อง ด้านในมีบัณฑิตกลุ่มหนึ่งเดินออกมาทีละคน ๆ
“ท่านอาจารย์ ดูสิเจ้าคะ พี่เอ้อร์หลางออกมาเป็นแถวแรกแล้ว ไอ้หยา เหตุใดสีหน้าจึงย่ำแย่เพียงนั้นเล่า!” เหยียนซีสายตาดี เพียงประตูใหญ่เปิดออกเธอก็เห็นหลิวเหิงเดินออกมา รอหลิวเหิงเดินออกมานอกรั้ว เธอก็เห็นสีหน้านั้นที่ซีดเซียว ไร้เรี่ยวแรง
ผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ มากันสองสามคน มีเพียงหลิวเหิงคนเดียวที่รอบตัวไม่มีใครเลย
“พี่เอ้อร์หลาง พวกข้าอยู่ตรงนี้!” เธอเบียดตัวเข้ามาในกลุ่มคน รีบไปตรงหน้าหลิวเหิง อดไม่ได้ที่จะถอยก้าวหนึ่ง เหตุใดทั้งตัวจึงมีกลิ่นแปลก ๆ เล่า
เผยซิ่วเองก็เดินมาถึงตรงหน้าหลิวเหิง เพียงได้กลิ่นบนตัวเขา สีหน้าก็ย่ำแย่ไปเล็กน้อย “นี่เจ้าจับได้ที่นั่งข้างห้องน้ำหรือ”
หลิวเหิงพยักน้าอย่างจนปัญญา เขาถูกรมด้วยกลิ่นอยู่ข้างในมาหนึ่งวันเต็ม หลังจากส่งข้อสอบออกมาก็อาเจียน ตอนนี้ที่ปลายจมูกยังมีกลิ่นเหม็นจาง ๆ ติดอยู่เลย ที่หมู่บ้านเขาเองก็เคยใส่ปุ๋ยตอนทำสวน แต่กลิ่นนั้นเทียบไม่ได้กับที่นั่งข้างห้องน้ำเลย ที่นั่งแคบ กลิ่นกระจายยาก ในยามกลางวันนั้นร้อนอบอ้าว รู้สึกเหมือนกลิ่นเหม็นเริ่มรุนแรง ติดอยู่ที่ร่างของตน
“พวกท่านอยู่ให้ห่างข้าหน่อย กลับโรงเตี๊ยมข้าจะไปอาบน้ำ” เขาถอยออกไปสองก้าวอย่างละอาย
เหยียนซีหยิบเอาตะกร้าเข้าสอบ พยุงเขาไว้ “ท่านอาเจียนจนเวียนหัวแล้วหรือไม่ เดินไหวไหม” จากนั้นก็นำเอาถุงน้ำที่พกมารินน้ำ “ข้าเอาน้ำมาด้วย ท่านดื่มเสียหน่อยเถิด”
หลิวเหิงรับน้ำมา เพิ่งจะวางไว้ตรงหน้าจมูกตนก็คลื่นไส้จนอาเจียนออกมาดัง “โอ้ก” เมื่อครู่ตอนรออยู่ตรงประตูใหญ่ก็อาเจียนไปสองสามครั้งแล้ว ในท้องไม่เหลืออะไรแล้ว
“กลับก่อนเถิด อาบน้ำเสียหน่อย” เหยียนซีรีบพยุงเขาเดินไปข้างหน้า
ทั้งสามคนเดินไปยังโรงเตี๊ยม เมื่อเจอคนล้วนหลบเลี่ยงไปสามฉื่อ มีผู้เข้าสอบบางคนที่แสดงสายตาเห็นใจ ยิ่งไปกว่านั้นก็แอบดีใจที่ตนไม่ได้ที่นั่งติดห้องน้ำ
โชคดีที่ส่งข้อสอบเยวี่ยนซื่อแล้วก็จะเปิดให้ออกมาทุก ๆ สิบคน ดังนั้นหลังจากออกมาจากประตูสนามสอบ คนก็ไม่เยอะแล้ว
กลับถึงโรงเตี๊ยม เหยียนซีให้คนงานที่นั่นช่วยนำน้ำร้อนใส่ถังมาให้หลิวเหิงล้างตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าสองรอบเสียก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งในและนอกรวมไปถึงรองเท้าถุงเท้าด้วย หลังจากดูใหม่เอี่ยมทั้งตัวแล้ว ในที่สุดหลิวเหิงก็คิดว่ากลิ่นบนร่างของตนดีขึ้นมามาก
เหยียนซีเห็นว่ามีสะระแหน่เติบโตมากมายที่มุมของโรงเตี๊ยม เธอจึงเก็บใบสะระแหน่จำนวนหนึ่งมาเพื่อทำชาสะระแหน่ จากนั้นก็ใส่น้ำตาลทรายขาวสองช้อน วางไว้ด้านหนึ่ง
หลิวเหิงอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ชาสะระแหน่ก็เย็นพอดี ดื่มไปคำหนึ่งก็รู้สึกว่าในที่สุดตนก็มีชีวิตกลับมา “หนักเหลือเกิน ข้านึกว่าตนจะเหม็นตายเสียแล้ว”
“ที่นั่งติดห้องน้ำเหม็นเพียงนั้นเลยหรือ” เหยียนซีอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“เมื่อครั้งนั้นที่ข้าสอบ มีคนได้ที่นั่งติดห้องน้ำ นั่งอยู่ชั่วยามหนึ่งก็ทนไม่ได้จนเป็นลมไป” เผยซิ่วเอ่ยถึงความทรงจำของตนเมื่อตอนสอบ กล่าวโทษตนเอง “ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย น่าจะบอกเจ้าเอาไว้ก่อน”
“อาจารย์ไม่ต้องโทษตนเองหรอกขอรับ ต่อให้ท่านบอก หากจับได้ที่นั่งติดห้องน้ำก็ทำอะไรไม่ได้ โชคดีที่มีเพียงสองสนามสอบ พรุ่งนี้ก็ทนอีกรอบเป็นใช้ได้” หลิวเหิงรีบกล่าว
“กลัวจะส่งผลกระทบกับผลการสอบครั้งแรกของเจ้าน่ะสิ”
“จับได้ที่นั่งติดห้องน้ำ ข้าได้ข้อสอบมาก็ไม่กล้าเสียเวลา รีบตอบคำถามทันที ทำสุดความสามารถขอรับ” หลิวเหิงกล่าวถึงโจทย์ รวมถึงวิธีคิดในการแก้ปัญหาของตน แต่เป็นเพราะอาเจียนเสียจนเวียนหัว ทำให้จำรายละเอียดบางอย่างได้ไม่ชัดเจน
“พรุ่งนี้ต้องสอบบทกวี เจ้าไปพักเสียก่อนเถิด” เผยซิ่วฟังเรื่องโจทย์ของเขาก็รู้สึกว่าไม่มีปัญหาอันใด บอกกล่าวไปเพียงประโยคเดียว
เหยียนซีไม่รู้เรื่องหนังสือราชการงานเขียนเหล่านี้ ไม่รู้ว่าหลิวเหิงสอบได้ดีหรือไม่ การสอบโคลงกลอนนี้เธอยังพอจำได้เพียง “เขียนคิ้วเข้ากับยุคสมัยหรือไม่” อะไรเหล่านี้ ในฐานะคนนอก เธอก็ไม่กล้าแนะนำอันใดมั่วซั่ว
เหยียนซีคิดว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง พลางทำอาหารเย็น
เดิมทีคิดว่าจะทำซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน เห็นว่าหลิวเหิงอาเจียนเสียจนหน้าซีดแล้ว กินอาหารอ่อนหน่อยจะดีกว่า เธอเองก็ซื้อไก่มาต้มเป็นซุปไก่หม้อหนึ่ง ตักเอาน้ำมันออก กรองซุปไก่ จากนั้นก็ต้มบะหมี่ ตักเอาบะหมี่ขึ้นมาแล้วก็ใส่ซุปไก่ทำเป็นเครื่องปรุงน้ำซุป จากนั้นก็ใส่เกลือเล็กน้อย ด้านบนยังโรยด้วยผักและเห็ดฝานลวก บะหมี่ซุปไก่น้ำใสรสชาติอร่อยก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เนื้อไก่ที่เหลือ เหยียนซีก็ฉีกเป็นเส้น ๆ หลังจากต้มหัวหอม ขิง และกระเทียมจนหอมก็เติมน้ำมันและเครื่องเทศราดลงบนไก่ฉีก ผสมกับน้ำซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชูหมัก เกลือ และเครื่องปรุงอื่น ๆ จากนั้นก็ใส่ผักชีและเมล็ดถั่วลิสงที่ทอดแล้ว
เดิมทีหลิวเหิงไม่อยากอาหาร เมื่อเห็นซุปบะหมี่ไก่ใสนี้ก็ยังกินไปชามใหญ่
เผยซิ่วกินไก่ฉีกเป็นมื้อเย็น กินหมดสองชาม
กินข้าวเสร็จ หลิวเหิงก็ขึ้นเตียงนอนพักเร็วหน่อย
เป็นเหยียนซีเองที่พลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ
ที่นั่งติดห้องน้ำกลิ่นแรงเกินไป มีวิธีปิดจมูกหรือไม่
เธอคิดไปคิดมา ก็มีเพียงหน้ากากที่เป็นของวิเศษเท่านั้น
ในยุคนี้ไม่มีหน้ากาก แต่เธอเห็นหญิงสาวใส่หมวกขุนนางตามถนน และเห็นว่ามีคนที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าเพราะหน้าเป็นแผลอีกด้วย ผ้าสามเหลี่ยมผืนหนึ่ง มัดเป็นปมที่ท้ายทอย ดังนั้น ถ้าหากทำเป็นผ้าปิดปากก็คงไม่ดูนอกกรอบไปกระมัง
พูดแล้วก็ต้องทำ เหยียนซีนำตะเกียงจุดให้สว่างหน่อย เลือกเอาผ้าที่เหมาะจะเอามาปิดหน้าจากกองผ้าที่เจ้าของร้านเฉียนส่งมาให้สองผืน ตัดให้เป็นขนาดสี่เหลี่ยมเท่า ๆ กัน เย็บทั้งสี่ด้าน ไม่มีหนังยาง เธอจึงใช้ผ้าสี่เหลี่ยมยาวสองผืนเย็บด้านกว้างสองด้าน
ผลของผ้าปิดปากสองชั้นแยกกันค่อนข้างดี แต่หากเข้าไปแล้ว ทุก ๆ สนามสอบจะตรวจสอบเปิดดูของที่เป็นสองด้านประกบกัน เธอจึงทำผ้าปิดปากชั้นเดียวสองชิ้น
ชั้นด้านในของหน้ากากจะมีรูกระดุม ส่วนจุดเดียวกันของชั้นนอกก็จะมีกระดุมเย็บอยู่
MANGA DISCUSSION