บทที่ 59 นักชิมมีอยู่ทุกยุค
ทันทีที่เจ้าของร้านเฉียนเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม เหยียนซีก็เดินออกมาจากครัวพร้อมกับต้มปลาผักดองชามใหญ่ และข้าวหนึ่งถ้วย ชายที่นำทางเจ้าของร้านเฉียนมาที่โรงเตี๊ยมได้กลิ่นหอมฟุ้ง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชาย แขกท่านนี้บอกว่าเขาต้องการพบเจ้า ว่าแต่เจ้าทำอาหารอะไรอยู่หรือ?”
เหยียนซีเห็นว่าเสี่ยวเอ้อเดินนำเจ้าของร้านเฉียนเข้ามา จากนั้นก็หันไปตอบคำถามเขา “สวัสดีพี่เสี่ยวเอ้อ ข้าเพิ่งปรุงต้มปลาผักกาดดองเสร็จเมื่อครู่นี้เอง”
เจ้าของร้านเฉียนรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเมนูว่าต้มปลาผักกาดดอง เขาคิดว่าตนเองเป็นคนรอบรู้อยู่เสมอแล้วแท้ ๆ ทว่าเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอาหารจานนี้มาก่อน เมื่อสูดดมกลิ่นอีกครั้ง พบว่ากลิ่นหอมเปรี้ยวกำลังดี ดูน่ารับประทานมากทีเดียว
ในฐานะคนทำกิจการ เขามักจะมีความรู้สึกไวต่อสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ “ต้มปลาผักกาดดอง ดูเหมือนเป็นอาหารที่ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย”
เหยียนซีพยักหน้า “นี่เป็นรสชาติในแบบชนบทที่ข้ามักจะทำกินเองที่บ้านอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากกรรมวิธีไม่พิถีพิถันเทียบเท่าอาหารเลิศรสจานอื่น จึงไม่แปลกหากท่านจะไม่เคยเห็นมาก่อน” จานนี้ถือเป็นอาหารอันโอชะรูปแบบเสฉวนที่คิดค้นขึ้นโดยคนสมัยใหม่ ยุคนี้จึงยังไม่มีใครเคยเห็น
เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านเฉียนยังคงมองดูด้วยความสนอกสนใจ เด็กหญิงในชุดเด็กชายจึงเชื้อเชิญอย่างสุภาพว่า “ในเมื่อท่านไม่เคยเห็น เช่นนั้นทำไมไม่ลองชิมดูล่ะ?”
เจ้าของร้านเฉียนกินอาหารป่าและอาหารทะเลอันโอชะมากเกินไป อีกทั้งช่วงนี้อากาศก็ร้อนอบอ้าว ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไร เมื่อได้ยินว่าต้มปลาผักกาดดองชามนี้เป็นฝีมือของเหยียนซีเอง เขาจึงค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น “เช่นนั้นข้ารบกวนเจ้าแล้ว”
เหยียนซีเดินกลับไปหยิบชามเล็ก ๆ มาสองชาม ตักต้มปลาผักกาดดองหนึ่งชาม และข้าวอีกหนึ่งชามออกมาวางบนโต๊ะ
เดิมทีเจ้าของร้านเฉียนเพียงอยากลองชิมเท่านั้น ทว่าหลังจากกินมันเข้าไปแล้ว เขากลับไม่สามารถยั้งปากเอาไว้ได้
แม้ว่าความเผ็ดร้อนของขิงฝานจะไม่เท่าพริก แต่หลังจากปรุงรสด้วยพริกไทยและฮวาเจียวแล้ว ต้มปลาผักกาดดองจึงมีรสชาติเผ็ดร้อนกลมกล่อม เนื้อปลามีความเนียนนุ่ม รสเปรี้ยวจากผักดองช่วยกลบความเผ็ด ทำให้กินเพลินเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลาเพียงไม่นาน เจ้าของร้านเฉียนก็กินข้าวและต้มปลาผักกาดดองจนหมดชาม ท้ายที่สุดเขาก็ยังจิบน้ำซุป จากนั้นก็ยกชามขึ้นซด ซดจนน้ำซุปในชาม… หมดเกลี้ยง
เหยียนซีมองไปที่เจ้าของร้านเฉียน จากนั้นก็มองดูชามว่างเปล่าด้วยความยินดี เขานี่ช่าง… น่ารักจริง ๆ การที่จะแสดงออกว่าผู้ทานอาหารชื่นชอบฝีมือการปรุงของผู้ทำ วิธีที่ดีที่สุดคือการซดน้ำซุปในชามจนเกลี้ยง เหมือนกับที่เจ้าของร้านเฉียนกำลังทำอยู่ในตอนนี้ เขาเกือบจะเลียชามอยู่แล้ว แค่เห็นก็รู้สึกถึงความสำเร็จ
“เจ้าของร้านเฉียน ให้ข้าไปตักมาให้อีกชามหนึ่งดีหรือไม่?”
“นี่… ไม่ต้อง ไม่ต้องหรอก ข้าทำให้น้องชายหัวเราะเยาะเสียแล้ว ข้ากินต้มปลาชามนี้มากเกินไป แต่ต้มปลาผักกาดดองที่น้องชายทำนี่มีรสชาติที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง ทั้งยังเรียกน้ำย่อยได้ดีเยี่ยม อยากรู้นักว่าน้องชายมีกรรมวิธีปรุงอาหารจานนี้อย่างไร?”
เขาถามอย่างตรงไปตรงมา ทันใดนั้นเหยียนซีก็รู้สึกราวกับมีแสงสว่างวาบขึ้นในสมอง “กล่าวกันตามตรง ต้มปลาผักกาดดองที่ท่านเพิ่งกินไปเมื่อครู่นี้ไม่ได้ทำยากเลย ปลาก็เป็นปลาธรรมดาทั่วไป มีเพียงผักดองที่ครอบครัวของข้าทำการดองด้วยตนเอง ใส่เครื่องปรุงเพิ่มอีกนิดหน่อย หากข้าอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองถงอัน คงนำผักดองมาขายแทนกระเป๋าเงินแล้ว”
เจ้าของร้านเฉินรู้จักวิเคราะห์ใจความสำคัญของการสนทนา เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเหยียนซี เขาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะนำผักดองมาขาย ทำให้เขาไม่ยอมปริปากบอกง่าย ๆ ถึงวิธีการปรุง
ตระกูลเฉินเองก็ทำกิจการร้านอาหารเช่นเดียวกัน ตราบใดที่ความต้องการคงที่ การรับซื้อผักดองก็ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไร “ครอบครัวเจ้าขายผักดองอย่างไรล่ะ?”
“ผักที่ข้านำมาดองล้วนเป็นผักที่ครอบครัวของข้าปลูกเองตามธรรมชาติ ไม่มีต้นทุนมากมายอะไร ข้าตั้งใจว่าจะขายมันในราคาจินละสามถึงสี่อีแปะ”
“เช่นนั้นสูตรการทำต้มปลาผักกาดดองเล่า ยุ่งยากมากหรือไม่?”
“ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย ขอเพียงผักดองที่นำมาปรุงต้องรสชาติดีเท่านั้น หากมีวัตถุดิบหลักอย่างผักดองแล้ว วิธีการปรุงก็ทั่วไป”
เนื่องจากเจ้าของร้านเฉียนเรียกได้ว่าเป็นเถ้าแก่ร้านค้ารายใหญ่ เช่นนั้นกิจการในความดูแลของเขาก็ควรจะใหญ่มาก จากที่เห็นแล้ว นอกจากร้านเย็บปักที่เห็นวันนี้ ยังมีกิจการภัตตาคารอีกด้วย
เดิมทีเหยียนซีคิดว่าด้วยทักษะการทำอาหารอันน้อยนิดของตน คงไม่สามารถใช้มันเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพได้ในยุคสมัยโบราณเช่นนี้ จนกระทั่งตอนนี้เธอถึงรู้ว่าตนประเมินภูมิปัญญาของอาหารการกินในยุคสมัยนี้ต่ำเกินไป อย่าลืมว่านักชิมมีอยู่ทุกยุค
“หากเจ้าสามารถสอนวิธีปรุงต้มปลาผักกาดดองได้ เมื่อทดลองขายแล้วเกิดขายดีขึ้นมา ร้านอาหารในเครือเฉินจี้ทั้งหมดของข้าจะขอรับซื้อผักดองจากเจ้า ว่าอย่างไร?” เจ้าของร้านเฉียนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ผักดองในเมืองถงอันล้วนเป็นเสียนไช่*[1]และเหมย์กันไช่*[2]เป็นส่วนใหญ่ เขาไม่เคยเห็นผักดองที่ทำจากกะหล่ำปลีแบบนี้มาก่อนเลย อีกทั้งต้มปลาผักกาดดองจานนี้ก็มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขามีลางสังหรณ์ว่าหากนำไปขายในภัตตาคารเฉินจี้ จะต้องขายดิบขายดีเป็นแน่
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ภัตตาคารเฉินจี้มีอาหารเลิศรสมากมาย แต่ยังไม่เคยมีอาหารจานพิเศษใด ๆ เลย หากเขาผลักดันจนมันกลายเป็นที่นิยมได้ แล้วรายงานต่อผู้อาวุโสเพื่อผลักดันอาหารจานนี้ไปสู่เมืองหลวง ไม่ดีหรือหากสาขาในเมืองหลวงมีอาหารแปลกใหม่เกิดขึ้น?
เจ้าของร้านเฉียนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น สัมผัสได้ถึงอนาคตอันสดใสที่ใกล้จะปรากฏให้เห็น “ร้านเฉินจี้ยินดีจ่ายสี่อีแปะต่อหนึ่งจิน ทางเราจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาเรือขนส่งสินค้าให้ ขอเพียงเจ้าหาคนนำสินค้ามาส่งให้ที่ท่าเรือก็พอ ในเมื่อราคาอยู่ที่จินละสี่อีแปะ หวังว่าสินค้าที่ได้จะพิเศษหน่อย”
เขายินดีจ่ายราคานี้ให้แก่อีกฝ่าย เพราะเชื่อมั่นว่าสามารถหาทุนคืนจากอาหารที่ขายร้านได้ อีกอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่ร้านเฉินจี้จะดองผักดองสำหรับขายด้วยตนเองตลอดทั้งปี การรับซื้อจากเหยียนซีจึงนับว่าคุ้มค่าที่สุด หากต้มปลาผักกาดดองขายดีเกินคาดค่อยซื้อในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้าขายไม่ดีก็รับซื้อน้อยลง
“ขอบคุณท่านเจ้าของร้านที่ให้โอกาส” เหยียนซีรู้สึกยินดีมาก เพียงเริ่มต้นกิจการก็เป็นไปได้สวยแล้ว ทั้งยังมีลูกค้าประจำอย่างน้อยหนึ่งราย ในเมื่อทางร้านเฉินจี้เป็นผู้เสนอด้วยตนเอง มีเหตุผลใดที่เธอจะไม่เห็นด้วย?
สี่อีแปะต่อหนึ่งจิน เอาจริงแล้วในชนบทผักกะหล่ำไม่ได้มีมูลค่ามากมายเลย รวมถึงเกลือด้วย ต้นทุนโดยรวมอยู่ที่ประมาณจินละสองอีแปะเท่านั้น แต่กลับทำกำไรได้สูงถึงสองเท่า
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของร้านเฉียนยังอาสาแก้ปัญหาด้านการขนส่งโดยตรง เนื่องจากตระกูลเฉินมีเรือบรรทุกสินค้าแล่นข้ามฟากทุกวันอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่หากต้องการขนส่งสินค้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้น
ยิ่งเหยียนซีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเผยซิ่วและหลิวเหิงกลับมา ความกระตือรือร้นทั้งของเจ้าของร้านเฉียนและเหยียนซีก็กลับมาสงบแล้ว
ฝ่ายหนึ่งคิดว่าเขาต้องรีบกลับไปที่ภัตตาคารเพื่อเตรียมการ โดยเฉพาะเรื่องต้มปลาผักกาดดอง ซึ่งต้องให้ทั้งผู้ดูแลและพ่อครัวลองชิม
ตอนนี้ไม่มีใครคิดว่าการสอบของหลิวเหิงเป็นเรื่องสลักสำคัญอีกต่อไป ทางด้านเหยียนซีก็คิดว่าตนต้องรีบกลับบ้านไปดองผักเพื่อให้ทันการณ์
ทั้งสองตกลงกันว่า หลังจากผ่านช่วงสอบไปแล้ว เหยียนซีจะไปที่ภัตตาคารเฉินจี้เพื่อสอนพ่อครัวทำต้มปลาผักกาดดองโดยตรง จากนั้นค่อยลงนามในเอกสารสัญญาซื้อขาย
เจ้าของร้านเฉียนจากไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าเกินความคาดหมาย เหยียนซีหันไปมองห่อผ้า คิดในใจอย่างมีความสุขว่าหากกิจการขายผักดองเป็นไปอย่างราบรื่น กิจการขายผ้าก็ล้มเลิกได้แล้ว
หลิวเหิงไม่คาดคิดว่าเหยียนซีจะสามารถเจรจาข้อตกลงทางการค้าเหล่านั้นได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ “ซีเอ๋อร์น่าทึ่งจริง ๆ พี่เฉินยังกล่าวว่าน่าเสียดายที่เจ้าเป็นผู้หญิง หากเจ้าเป็นผู้ชาย เกรงว่าป่านนี้เจ้าคงก้าวหน้าเหนือกว่าผู้ใดไปแล้ว”
เหยียนซีรู้สึกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเฉินโหย่วเต๋อรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง “เช่นนั้นหากข้าทำกิจการในอนาคตจะมีปัญหาอะไรหรือไม่?”
“ไม่เป็นไร เจ้ายังเด็ก รอให้เจ้าโตขึ้นกว่านี้ เจ้าสามารถว่าจ้างเถ้าแก่มาเป็นผู้ช่วยดูแลได้ ดูอย่างเจ้าของร้านเฉียนสิ เขาเป็นเถ้าแก่รายใหญ่ประจำร้านค้าทั้งหมดในตระกูลเฉินเชียว” หลิวเหิงกล่าวถึงตระกูลเฉินขึ้นมา
เผยซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตระกูลเฉินแห่งเมืองถงอัน เกรงว่าอีกฝ่ายคงเป็นตระกูลเฉินที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานผู้นั้นสินะ เป็นการดีสำหรับเจ้าที่ได้รับความโปรดปรานจากคุณชายตระกูลเฉิน ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังต้องมุ่งความสนใจไปที่ การสอบเคอจวี่เป็นหลัก” ถึงแม้เขาไม่ได้รับตำแหน่งขุนนาง แต่ก็พบเจอประสบการณ์มานับไม่ถ้วน เล็งเห็นแม้กระทั่งความตั้งใจและวิธีการของตระกูลเฉินในการเหวี่ยงแหเพื่อผลประโยชน์
“ท่านอาจารย์กล่าวถูกต้อง ข้าเพียงพบกับเขาโดยบังเอิญระหว่างทางเท่านั้น ยังมุ่งความสนใจไปที่การศึกษาเป็นหลักเช่นเดิมขอรับ” หลิวเหิงให้สัญญา แน่นอนว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้ดี ยิ่งเขามีแนวโน้มที่ดีในการสอบขุนนางมากเพียงใด คนจากตระกูลเฉินก็ยิ่งชื่นชอบเขามากเท่านั้น
[1] เสียนไช่ 咸菜 ผักดองที่ใช้เกลือเป็นส่วนสำคัญในการดอง ได้แก่ ผักกาดดองเค็มหรือเกี่ยมไฉ่ ผักกาดดองเปรี้ยวหรือซึงไฉ่ รวมทั้งหัวไชโป๊ว
[2] เหมย์กันไช่ 梅干菜 หรือ หั่มช้อยกอน เป็นผักดองแบบจีนชนิดหนึ่ง ทำจากผักขมอย่างผักกวางตุ้ง นำมาขยำกับเกลือ บีบน้ำออกจนแห้ง หมักไว้ในโอ่งสองคืน แล้วตากแดดจนแห้งสนิท เป็นสีดำ มีกลิ่นเฉพาะตัว ใช้ทำอาหารได้หลายชนิด เช่น นึ่งกับหมูบะช่อ ทำเคาหยก และผักดำต้มหมูสามชั้น
MANGA DISCUSSION