บทที่ 46 ช่างแตกต่าง
คนเริ่มเข้ามารุมล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าหญิงที่อายุมากหน่อยก็อาจจะพอหักห้ามใจไว้ได้ แต่เหล่าหญิงสาวนั้น ใครเล่าจะไม่ชอบเสื้อผ้าใหม่
คนที่สามารถเดินซื้อของที่วัดได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่บ้านมีเงินเหลือ สำหรับผู้หญิงแล้ว เสื้อผ้าเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นยุคโบราณหรือยุคปัจจุบัน
ทันใดนั้นก็มีคนพากันมารุมดู
ดู ๆ ไปแล้วก็มีคนที่มีปัญหากับการเลือกว่าไม่รู้จะเลือกสิ่งใดอยู่เหมือนกัน นั่นก็เพราะมันมีเพียงสีกรมท่าและสีฟ้าสองชนิดนี้เท่านั้น คนที่อายุมากหน่อยก็ใส่สีกรมท่าได้ ส่วนสีฟ้าไม่ว่าจะเป็นชายหญิงอายุมากน้อยเพียงใดก็ใส่ได้ทั้งตัว
เมื่อดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ชุดผ้าฝ้ายนั้นแพงกว่าผ้าป่านจริง ๆ
“ชุดนี้ขายอย่างไรหรือ” มีคนดูผ้าแล้วพับวางไว้ ก่อนจะถามออกมาคำหนึ่ง
“ไม่ต้องเลือกเลยขอรับ ทุกชิ้นล้วนขนาดหกฉื่อ” เหยียนซีเรียกลูกค้าไปพลางนำแท่งไม้ไผ่ยกเสื้อผ้าส่งให้คนที่เข้ามามุงดู
“ผ้าฝ้ายชั้นดี ลองจับวัสดุดู เป็นผ้าฝ้ายขนาดหกฉื่อเต็ม ๆ ร้อยอีแปะเราไม่ขาย แปดสิบอีแปะเราไม่ขาย ห้าสิบอีแปะ ห้าสิบอีแปะเท่านั้นก็จะได้เสื้อผ้าใหม่ไปใส่แล้ว! ของดีราคาถูก ได้ผ้าเต็มฉื่อ เอาไปทำกระโปรงก็ยังเหลือทำชุดชั้นในได้อีก! มีเพียงสิบหกผืนเท่านั้น ขายหมดแล้วหมดเลย!”
“น้องชาย ผ้าฝ้ายนี้หกฉื่อ ห้าสิบอีแปะหรือ”
“ใช่แล้ว ผืนหนึ่งหกฉื่อ ราคาห้าสิบอีแปะเท่านั้น เท่ากับได้ชุดใหม่ชุดหนึ่งเลย!” เหยียนซีสะบัดผ้าผืนหนึ่งให้คนดู “พี่สาวท่านนี้ เพียงดูก็รู้ว่าตามีแวว ท่านดูวัสดุเถิด ซื้อไปก็ถือว่าได้กำไร”
ตอนนี้ซื้อผ้าล้วนต้องดูว่าฉื่อหนึ่งขายเท่าไร อยากจะซื้อกี่ฉื่อก็ซื้อเท่านั้น วิธีการตัดแบ่งขายของเหยียนซี ก็เท่ากับใช้มาตรฐานเดียวกันกับยุคปัจจุบัน ให้คนสับสนในราคาที่น้อยลงกว่าท้องตลาด
เงินห้าสิบอีแปะซื้อผ้าหกฉื่อ เท่ากับได้ชุดใหม่ชุดหนึ่งกลับบ้าน
ราคานี้ เมื่อเทียบกับร้านขายเสื้อผ้า กับร้านขายผ้าป่านในงานวัดแล้ว ถือว่าดึงดูดคนได้มาก
“นี่ดูเหมือนจะเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหยาบนะ ขายถูกกว่านี้ได้อีกหรือไม่” มีคนสนใจ ก้มลงหยับผ้าผืนหนึ่งแล้วเอ่ยถาม
“ท่านพี่ ท่านอย่ากล่าวเช่นนั้นเลย ท่านดูผ้าฝ้ายเนื้อหยาบของข้านี้ จับดูแล้วนุ่มละเอียดหรือไม่ ท่านลองดึงเสียหน่อย แข็งแรงพอหรือไม่ แข็งแรงทนทานทั้งยังนุ่ม ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กก็ใส่ได้ทั้งนั้น! นี่ข้าขายเหลือจากที่เมืองหลวงจึงได้ส่งของมา เพิ่งจะลงจากเรือมาเลย มีเพียงสองสีเท่านั้น ต่อไปไม่รู้จะราคาเท่าไร ท่านพี่อย่าได้พลาดเชียว สีฟ้านี้ท่านใส่แล้วงามนัก”
“บ๊ะ เจ้าเด็กน้อยนี่ เรียกใครว่าท่านพี่กัน!” คนที่ถามนั้นเพียงมองก็รู้ว่าเป็นหญิงอายุสามสิบกว่าปีแล้ว ฟังเหยียนซีเรียกว่าท่านพี่ ก็ย่อมรู้สึกภูมิใจและเขินอายไปด้วย
ตอนนี้การมีอายุน้อยเป็นข้อดี ถ้าหากเป็นคนอายุสิบเก้าปีมาเรียกท่านพี่ ก็คงถูกคนเขาตบเอา เด็กอายุเก้าขวบมองแล้วเรียกท่านพี่กลับน่ารักอย่างเห็นได้ชัด
หญิงผู้นั้นกล่าวโทษ เหยียนซีก็รับไว้ “ขอโทษด้วย ๆ เพียงข้ามองก็เห็นได้ชัดว่าท่านอายุยังน้อย ดูแล้วเหมือนพี่สาวข้าอย่างไรอย่างนั้น”
“ฮ่า ๆ เจ้าเด็กนี่ปากหวานยิ่งนัก” คนรอบ ๆ เพียงฟังก็หัวเราะ
“ท่านดูของสิ เหลือผ้าอีกสิบหกชิ้นเท่านั้น ขายเสร็จข้าก็จะรีบกลับบ้านแล้ว เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากท่านเป็นคนแรกที่ช่วยกิจการของข้า ข้าจะมอบผ้าชิ้นหนึ่งเอาไว้ให้ท่านทำกระเป๋าชั้นในแบบไม่คิดเงิน”
เหยียนซีหยิบเอาผ้าสี่เหลี่ยมผืนหนึ่งออกมา ขนาดพอดีจะเอาไปเย็บไว้ด้านในของชุดเพื่อทำเป็นกระเป๋าด้านใน “เพียงท่านดูก็คงรู้ว่าในตำบลไม่มีที่ไหนขายถูกเท่าข้าแล้ว”
ผ้าที่ทำกระเป๋าด้านในจะมีขนาดประมาณสองฝ่ามือ เอาไปใช้เป็นผ้าเช็ดหน้าหรือกระเป๋าด้านในก็ดี เพียงทำท่าจะให้ของชิ้นนี้ไป หญิงผู้นั้นก็เริ่มหวั่นไหว
“เห็นแก่ที่เจ้าช่างพูดช่างจา เอาเถิด ข้าเอาผ้าสีกรมท่าผืนหนึ่ง สีฟ้าผืนหนึ่ง ผ้าผืนเล็กที่ทำกระเป๋าด้านใน เจ้ามอบให้ข้าสักสามผืนเถิด”
“หากข้าให้ท่านสามผืน ข้าก็ขาดทุนแย่น่ะสิ นี่ไม่ใช่วัสดุถูก ๆ นะ” เหยียนซีสีหน้าเศร้าโศก สุดท้ายก็กล่าวอย่างอดทน “เช่นนี้เถิด ข้าให้ผ้าทำกระเป๋าด้านในสองผืน ผ้าซับในหนึ่งผืน ผ้าซับในนี้ท่านเอาไปทำกางเกง หรือทำเป็นปกคอเสื้อก็ได้ ตัดออกมาแล้วยังเอาไปใช้เป็นกระดุมผ้าได้อีกเป็นสิบชิ้น พี่สาว ข้าให้อีกไม่ได้แล้วจริง ๆ หากให้ผ้าท่านอีกกลับบ้านไปข้าถูกตีแน่นอน!”
“เห็นเจ้าเศร้าเช่นนี้ เอาเถิด ๆ ไม่ให้เจ้าลำบากใจแล้ว ห่อให้ข้าเถิด” หญิงผู้นั้นปิดปากยิ้ม หยิบเอากระเป๋าเงินออกมาจ่ายเงินอย่างสบายใจ
เหยียนซีหยิบเอาผ้าสองผืนมาอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็นำผ้าสองผืนที่ใช้ทำกระเป๋าด้านในและผ้าซับหนึ่งผืนม้วนใส่ไว้ข้างใน “ทั้งหมดร้อยอีแปะ ท่านรับไปได้เลย”
หญิงผู้นั้นยกผ้าเบียดกลุ่มคนออกไป เหยียนซียืดตัวตะโกนเสียงดัง “มารวมกันให้ไว พี่สาวท่านนั้นซื้อไปสองผืนแล้ว ยังเหลือผ้าอีกสิบสี่ผืน ขายหมดแล้วหมดเลย!”
เมื่อมีคนนำซื้อก่อน คนที่อยากซื้อก็ยิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเหยียนซีพูดว่ายังเหลืออีกสิบสี่ผืน ทั้งยังเป็นผ้าที่ส่งมาจากเมืองหลวง เมื่อมีใครซื้อไปผืนหนึ่งมันก็ยิ่งหมดเร็วขึ้นไปอีก
มีคนหนึ่งที่ถือผ้าสีกรมท่าอยู่ในมือ ทั้งยังมองไปที่สีฟ้าอย่างลังเล จะเลือกเพียงหนึ่งแต่ก็อยากได้ทั้งคู่ ช่างเป็นปัญหาที่ยากจะตัดสินใจเสียจริง
มีคนที่ซื้อไปหนึ่งผืน ต้องการต่อรองกับเหยียนซีอยากให้อีกฝ่ายมอบผ้าให้ตนด้วย
“พี่สะใภ้ ของชิ้นนี้ล้วนเป็นวัสดุของดี ท่านดูผืนนี้สิ เป็นผ้าฝ้ายละเอียดเชียว”
“ท่านพี่ สีกรมท่านี้ไม่เลอะและทนทาน คนแก่หรือเด็กก็ชอบทั้งนั้น”
“ท่านยาย ท่านอย่าบอกว่าแพงเลย นี่เป็นผ้าฝ้าย เทียบกับผ้าป่านแล้วก็ต้องแพงกว่าหน่อยอยู่แล้ว”
เหยียนซีทั้งพูดและขยับไม้ขยับมือไม่หยุด มือเองก็คล่องแคล่ว ไม่นานนัก ผ้าที่เหลือสิบสี่ผืนก็ถูกขายไปหมด เหลือเพียงผ้าสี่ฉื่อเอาไว้ มีคนขอต่อราคากับเธออยู่นาน ก็จ่ายเงินสามสิบอีแปะแล้วซื้อไป
ในบรรดาผ้าที่เหยียนซีใช้เป็นของที่มอบให้โดยไม่เสียเงินนั้น มีบางชินที่เป็นไหมหยาบ หลังจากต่อราคากันไปกันมา ก็มีคนจ่ายเงินสี่อีแปะซื้อไป
ไม่ถึงเวลาครึ่งชั่วยาม ผ้าของเหยียนซีก็ขายออกจนหมด
เหล่าคนที่เฝ้าดูนั้น เห็นเหยียนซีเริ่มเก็บร้านแล้ว “น้องชาย เหตุใดจึงไปแล้วเล่า”
“ขายหมดแล้ว” เหยียนซีหยิบผ้าน้ำมันที่พื้น และ เศษผ้าที่เหลืออยู่ใส่กลับไปในตะกร้า ก่อนจะเรียกนางหวังกลับบ้าน
“เอ๋ ขายหมดแล้วจริงหรือ แล้วเมื่อไหร่จะมีอีกเล่า” คำพูดของพวกพ่อค้ามักจะบอกว่าจะหมดแล้ว ๆ ผ่านไปสักพักก็จะหยิบออกมาอีกกอง เหยียนซีกลับพูดอย่างคล่องปากเกินไป ทำให้คนไม่อยากจะเชื่อ
“นั่นน่ะสิ สินค้าเจ้าน้อยเกินไปแล้ว”
“ใช่ ๆ ข้ายังคิดจะเลือกสักผืนหนึ่งกลับหมดเสียแล้ว”
“กว่าเราจะมาวัดชิงหลงกันได้ช่างลำบากนัก เมื่อใดเจ้าจะมาขายที่ตลาดในตำบลของพวกข้าเล่า”
“นั่นสิ เช่นนั้นเจ้ามาที่หมู่บ้านเหยียนเซี่ยของเราสิ ถึงตอนนั้นพวกเราจะซื้อคนละสองผืนเลย”
หญิงสองสามคนนั้นล้อมเหยียนซีแล้วกล่าว ทำท่าทางเหมือนว่าหากเธอไม่รับปาก พวกนางจะไม่ปล่อยเธอไป
“ได้ เช่นนั้นไม่ต้องพูดแล้ว! ขอบคุณเหล่าท่านแม่และพี่สาวที่ช่วยอุดหนุนกิจการของข้า หากมีผ้ามาอีกข้าจะไปขายที่หมู่บ้านพวกท่านแน่นอน” เหยียนซีประสานมือคำนับ เหล่าคนรอบ ๆ ก็ค่อย ๆ สลายตัวไป
หวังชีมองจากด้านข้างอย่างตกตะลึง เป็นครั้งแรกที่เห็นผ้าขายดีเพียงนี้ เป็นเรื่องจริงที่ของแพงจะคุณภาพดี แต่ปากของเด็กสาวอย่างหยียนซีนี้หนอ “คนจากบ้านของนายท่านถงเซิงนั้นช่างแตกต่างจริง ๆ ”
เหยียนซี… เธอทำกิจการเก่ง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหลิวเหิงกัน
ที่งานวัด เหยียนซีเก็บร้านกลับบ้านเร็วกว่าใคร หวังชีส่งเหยียนซีกลับหมู่บ้านหยางซาน จากนั้นก็กลับไปที่ตำบลชิงหลง ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เขากลับไปที่ท่าเรือก็ยังสามารถทำงานได้อีกครึ่งวัน
เหยียนซีนำเงินค่านายหน้ายี่สิบอีแปะที่คุยกันไว้มอบให้หวังชี จากนั้นก็ให้เขาเพิ่มสามอีแปะ “พี่หวังชี นี่คือเงินค่าข้าวกลางวัน ท่านเอาไปซื้อขนมเปี๊ยะและเกี๊ยวน้ำกินเถิด”
MANGA DISCUSSION