บทที่ 4 หลิวเอ้อร์หลาง
เอ้อร์หลางเอนกายลงบนเตียงและหายใจเหนื่อยหอบหลังจากเขาหยุดไอ เมื่อได้ยินคำพูดของเหยียนซี หนุ่มน้อยก็จ้องมองมาที่เด็กหญิงเป็นเวลานาน
เด็กหนุ่มคนนี้อายุไม่มากนัก แต่ดวงตาของเขากลับจดจ่อเสียจนทำให้เธอไม่อาจเก็บซ่อนสิ่งใดไว้ได้เลย
เหยียนซีรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าคนคนนี้มีความคิดลึกซึ้ง เธอมองไม่เห็นความเป็นเด็กของอีกฝ่ายเลย หญิงสาวไม่แน่ใจว่านี่เป็นลักษณะทั่วไปของเด็กชายในสมัยโบราณหรือเอ้อร์หลางคนนี้เป็นกรณีพิเศษกันแน่ เมื่อมองดูอีกฝ่ายใกล้ ๆ เขาก็ดูดีมากทีเดียว เด็กหนุ่มมีคิ้วหนาดั่งดาบและดวงตาเฉี่ยวคม สันจมูกตรง และริมฝีปากบาง… จากประสบการณ์ของเธอ คนที่มีริมฝีปากบางจะเป็นคนที่พูดจาดี
เอ้อร์หลางผู้นี้ค่อนข้างดูดี แต่น่าเสียดายที่เขาผอมเกินไป ใบหน้าของเขาในตอนนี้ซีดมาก จมูกบานออกเพราะการหอบหายใจอย่างต่อเนื่อง ราวกับเด็กหนุ่มจะหายใจไม่ออกในพริบต่อมา อีกทั้งไหล่ที่เอนพิงเตียงอยู่ก็ดูบอบบางยิ่ง
เมื่อเหยียนซียื่นถ้วยน้ำออกมา เอ้อร์หลางก็เอื้อมมือไปหยิบถ้วยแล้วยกจิบทันที
ดูจากอายุเขาแล้ว หน้าจะมีอายุแค่สิบกว่าขวบเท่านั้น เธอหวังอย่างยิ่งว่าพระเจ้าจะอวยพรและปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป ตอนแรกเธอกระวนกระวายและพยายามจะกำจัดความผิดทิ้งไปเพื่อปกป้องตัวเอง และตอนนี้ความผิดนี้ได้ถูกโยนทิ้งไปแล้ว เธอจึงยังคงหวังว่าเด็กชายจะอาการดีขึ้นในไม่ช้า
“ท่านป้าเจ้าคะ ปล่อยให้ในห้องหับอบอ้าวเช่นนี้ไม่ดีนะเจ้าคะ ข้ารู้ว่าท่านป้าไม่อยากให้เขาเป็นหวัด แต่ตอนนี้อากาศข้างนอกไม่ได้เย็นมาก เราควรเปิดม่านเพื่อให้แสงเข้ามาดีหรือไม่เจ้าคะ”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางหวังก็นึกถึงคำที่เหอเซียนกูบอกแก่นาง เหยียนซีเป็นบุคคลผู้ถูกสวรรค์ลิขิตมาให้ช่วยเหลือลูกชายของนาง ดังนั้นนางจึงเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายอยู่บ้าง นางหวังกัดฟันและพยักหน้า “ได้ ข้าจะฟังเจ้า!”
เหยียนซีดึงผ้าม่านขึ้นและห้องที่เคยมืดทึบก็สว่างขึ้น จนสามารถมองเห็นเครื่องเรือนในห้องได้อย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าทั้งแม่และลูกชายรักความสะอาดมาก แม้ว่าเอ้อร์หลางจะป่วย บ้านก็ยังสะอาดและไม่มีเศษขยะสะสมอยู่ในห้องเลย ด้านหน้าของหน้าต่างคือโต๊ะหนังสือซึ่งยังคงมีพู่กัน กระดาษ และแท่นฝนหมึกวางอยู่อย่างเรียบร้อย หนังสือสองเล่มถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะชอบการเรียนมากทีเดียว
ในขณะที่มองดู เหยียนซีประเมินสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวนี้อย่างเงียบ ๆ เครื่องเรือนและกระเป๋าสัมภาระดูเก่าไปเสียหน่อย เตียงไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด เครื่องนอนและเสื้อผ้าที่สะอาด แต่รอยปะชุนไปทั่ว…!
ครอบครัวที่ยากจนนี้อยากจะไต่เต้าเป็นบัณฑิต แต่ชีวิตที่ยากลำบากนั้นกลับไร้ขอบเขต
แม้ว่าเอ้อร์หลางจะหายจากอาการป่วย เขาก็คงไม่สามารถไต่เต้าเป็นบัณฑิตได้ง่าย ๆ แน่นอน
นางหวังช่วยลูกชายของนางทำความสะอาด และเปิดปากพูดเพียงเพื่อจะจำชื่อของเด็กหญิงตัวเล็กที่นางซื้อมาให้ได้
เหยียนซีเห็นเนื้อหาในใบซื้อขายแล้ว โชคดีที่มันเขียนด้วยตัวอักษรแบบดั้งเดิมซึ่งเธอพอจะอ่านออก ชื่อของเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากชาติที่แล้ว ซึ่งนั่นก็คือ ‘เหยียนซี’
“เอ้อร์หลาง ดูสิ นี่คือผู้ถูกลิขิตจากสวรรค์ที่เหอเซียนกูแนะนำแม่ให้พบกับนาง อาการป่วยของลูกจะหายในไม่ช้านี้แน่นอน”
เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงเห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการจะพูดมากเกินไป หลังจากฟังคำพูดของนางหวัง เขาก็มองมาที่เหยียนซีอีกครั้งแล้วพยักหน้าพร้อมกับมีเสียงขานรับเบา ๆ แว่วออกมา
นางหวังพูดกับเหยียนซีอีกครั้งว่า “จากนี้ไป ข้าจะเรียกเจ้าว่าซีเอ๋อร์ ข้าเลี้ยงเอ้อร์หลางด้วยตัวคนเดียว จากนี้ไป เจ้าก็เหมือนลูกสาวของข้าอีกคน เจ้ายังเด็ก ต่อจากนี้จะเรียกข้าว่าท่านป้าก็ได้ ส่วนเอ้อร์หลางแก่กว่าเจ้าประมาณห้าปี ดังนั้นเจ้าก็เรียกเขาว่าพี่ชายได้เช่นกัน”
นางหวังตั้งความหวังกับลูกชายของนางไว้สูง และแม้ว่าจะมีความสุข แต่นางก็ไม่มีความตั้งใจจะให้เหยียนซีมาเป็นลูกสะใภ้ และนางก็ไม่ใช่ตระกูลขุนนาง ดังนั้นจึงให้สถานะสาวใช้แก่เหยียนซีไม่ได้เช่นกัน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลหลิว ถ้าชาวบ้านรู้ว่านางซื้อสาวใช้มา ทุกคนคงมองว่ามันเป็นเรื่องตลกขบขันอย่างแน่นอน
‘ค่อยยังชั่ว’ เมื่อได้เห็นการซื้อขายนั่น เหยียนซีนึกว่าตนจะต้องไปเป็นทาส แต่หลังจากฟังคำพูดของนางหวังในตอนนี้ เธอก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทว่าเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงกลับมีท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย แม่หมอผู้นั้นกล่าวในสิ่งที่ขุนนางพูดไม่ถูกต้องสักประโยคเดียว เนื่องจากเขาเป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง จึงได้รู้ความแตกต่างระหว่างคัมภีร์ทางพุทธศาสนากับคัมภีร์เต้าเต๋อจิง เขาย่อมไม่เชื่อถือคำพูดไร้สาระของเหอเซียนกูแน่นอน
เหยียนซีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเรียกอย่างเชื่อฟัง “คุณป้า พี่เอ้อร์หลาง”
นางหวังพอใจมาก “ช่วงนี้บ้านเราคงค่อนข้างลำบากสักหน่อย แต่เมื่อใดที่เอ้อร์หลางฟื้นไข้ ทุกอย่างจะดีขึ้น ตั้งแต่เขาล้มป่วย ป้าก็นอนดูแลเขาอยู่ที่นี่มาตลอด แต่ในเมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ควรนอนที่นี่เสีย ข้าเห็นว่าเจ้าหิวมาก เดี๋ยวจะออกไปหาอะไรให้กินก่อนแล้วกัน แล้วจะกลับมา”
“ท่านแม่…แม่ควรจะ…แค่ก …แค่ก แค่ก…พักผ่อน…”
“แม่รู้ อย่ากังวล เจ้าอย่าเพิ่งพูดสิ่งใดเลย แม่รู้ว่าตัวเองต้องพักผ่อนเช่นไร” นางหวังตอบกลับ
“ท่านป้า ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แต่…ถึงมีเทพมาอวยพรก็ยังต้องไปหาหมอรักษาใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
แม้แต่หมอที่เก่งที่สุดก็อาจไม่สามารถรักษาวัณโรคนี้ให้หายขาดได้
“เราพบหมอมาหลายคนแล้ว บางคนบอกว่าเป็นลมหนาว บางคนว่าเป็นลมร้อน และบางคนบอกว่าเป็นวัณโรค…” สีหน้าของนางหวังดูเศร้าหมอง “เหอเซียนกูยังบอกด้วยว่านี่เป็นวัณโรค เมื่อครู่นี้… วัณโรคนี่…”
ดวงตาของนางเบือนไปด้านข้าง รีบปาดน้ำตาของตนออก “แต่ท่านเทพบอกแล้วว่ามันจะไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้าจะไปเอาเตายาเข้ามาก่อน แล้วเจ้าก็ช่วยปรุงยาให้เอ้อร์หลางที หลังจากปรุงยาเสร็จแล้วค่อยซักและเปลี่ยนเสื้อผ้าของเจ้า”
เห็นได้ชัดว่านางหวังเชื่อเหอเซียนกูอย่างแน่วแน่และไม่อาจสั่นคลอนได้
เอ้อร์หลางที่นอนอยู่บนเตียงพูดไม่ได้เต็มประโยค และเขาก็ไม่มีอำนาจที่จะหยุดแม่ของตนเองได้
เหยียนซียังคงกังวลเกี่ยวกับยาที่เหอเซียนกูนำมาให้ เมื่อเห็นว่านางหวังวางเตายาและหม้อยาไว้ที่ประตู หญิงสาวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยให้เธอก้าวออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว
เหยียนซีไม่อาจคิดมากเรื่องนี้ได้อีก จากนั้นเธอจึงได้เริ่มปรุงยา
ภายใต้การแนะนำของนางหวัง เธอท่อง ‘เต้าเต๋อจิง’ ในขณะปรุงยาไปด้วย
โชคดีที่เรื่องนี้หญิงสาวไม่ได้โกหก เธอสามารถท่องมันได้จริง ๆ
เอ้อร์หลางซึ่งกำลังเอนกายอยู่บนเตียงก็เริ่มฟังและพบว่านางท่องคำต่อคำได้จริง ๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ ด้วยความที่เขาไม่ได้นอนหลับสนิทมานาน หลังจากพลิกไปพลิกมาอยู่นานในวันนี้ เขาก็ค่อย ๆ หลับไปท่ามกลางเสียงท่อง ‘เต้าเต๋อจิง’ อันก้องกังวานของเด็กหญิง
เมื่อเขาตื่นขึ้น พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซึ่งมันหมายความว่าเขาหลับไปถึงครึ่งวัน
นางหวังประหลาดใจและกล่าวคำอวยพรต่อเหล่ามหาเทพสองสามครั้ง และขอให้เหยียนซีนำยาไปให้เด็กหนุ่ม
เอ้อร์หลางไม่ต้องการทำให้ผู้เป็นมารดากังวล เขาจึงหยิบชามยาโดยไม่พูดอะไรสักคำและดื่มมันเข้าไปหลายอึก
เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีอาการไอหลังจากดื่มแล้ว นางหวังจึงอุทานขอบคุณออกมาอีกสองสามคำด้วยความยินดี วางหมอนให้เขานอนลง และห่มผ้านวมอีกชั้นเพื่อซับเหงื่อ
หลังจากนั้นนางก็ไปย้ายอ่างไม้ วางไว้ตรงมุมข้างกระเป๋าสัมภาระที่หัวเตียง แขวนผ้าผืนใหญ่ และสร้างห้องน้ำแบบเรียบง่ายไว้ชั่วคราว เพื่อให้เหยียนซีใช้ล้างตัว
เห็นได้ชัดว่านางหวังรักความสะอาดมาก
“แม้ช่วงเทศกาลแข่งเรือมังกรจะยังไม่ผ่านพ้นไป แต่อย่างไรก็เข้าเดือนเมษายนแล้ว ยามค่ำก็ยังคงหนาวเล็กน้อย อย่างไรเจ้าก็ควรเช็ดเหงื่อล้างตัวในห้องเสียก่อน เสื้อผ้าพวกนี้เป็นเสื้อผ้าเก่าของป้า เอาไปใส่ชั่วคราวก่อน แล้วป้าจะแก้ขนาดเสื้อผ้าบางส่วนตามขนาดตัวของเจ้าในภายหลังนะ”
เหยียนซีมองไปยังเตียงและตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลิวเอ้อร์หลางจะมองไม่เห็นเธอ แม้ว่าเขาจะลืมตาอยู่ จากนั้นเด็กหญิงจึงเข้าไปที่ห้องน้ำชั่วคราวและล้างตัว
ตอนแรกหญิงสาวไม่รู้เลยว่า หลังจากเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเก่า เธอจะได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวอย่างแรงออกมาจากเสื้อผ้าตัวเก่าของเธอเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าผมของเหยียนซีสกปรกจนขมวดเป็นปม นางหวังจึงนำน้ำร้อนอีกถังมาให้เด็กหญิง และปล่อยให้อีกฝ่ายเอนหลังบนเข่าของนาง ก่อนจะสระผมให้อย่างระมัดระวัง
MANGA DISCUSSION