บทที่ 33 นี่คือลูกสะใภ้ข้า
นางหวังถามหญิงแก่ผู้นั้น บอกว่าบ้านตนไม่ได้คิดค้ามนุษย์ แล้วจะให้ส่งใครไป
หญิงแก่ผู้นั้นถลึงตา เงยหน้าขึ้นแล้วก่นด่าเสียงดัง “เจ้าคิดว่าหลบอยู่ที่ตำบลแล้วจะมีประโยชน์หรือ ยากจนเสียแทบไม่มีกิน ก็ย่อมต้องการเงินอีกหน่อยไม่ใช่หรือ ฮูหยินของพวกข้าบอกว่าหากเจ้ารีบส่งตัวคนมา วันนี้จะให้เงินเพิ่มอีกยี่สิบตำลึง”
หญิงแก่ผู้นั้นกล่าวพลางโยนถุงเล็ก ๆ มา นางหวังเบี่ยงตัวหลบ ถุงนั้นตกลงบนพื้นดังปัง
ปากถุงเปิดออก เงินแท่งสีขาวเป็นประกายทั้งห้าแท่งเผยออกมา
เงินห้าสิบตำลึง! เพียงได้ยินทุกคนก็อ้าปากค้าง
“ห้าสิบตำลึงเชียว!”
“ให้ตายเถิด ใครกันมีค่าถึงห้าสิบตำลึง”
“นั่นน่ะสิ เพียงพอให้ซื้อวัวสองตัวเชียวล่ะ”
บางคนตกใจกับการใช้เงินของเจ้าบ้านหนิว จึงแสดงความเห็นออกมาเบา ๆ
หญิงแก่ผู้นั้นเงยหน้าอย่างได้ใจ เชิดจมูกใส่นางหวัง รอให้นางรับเงินแลกกับคน เงินสีขาวเปล่งประกายอยู่ใต้เปลือกตาเพียงนี้ ใครบ้างจะไม่หวั่นไหว
คิดไม่ถึงว่านางหวังจะไม่เพียงแต่ไม่ขยับ แต่ยังดันเหยียนซีไปด้านหลังอีกด้วย
หญิงแก่โกรธเกรี้ยว ชี้ไปยังเหยียนซีที่ถูกบังไว้ด้านหลังของนาง “คนนั้นนั่นเอง พวกเจ้ามัวตะลึงอะไรกัน ฮูหยินบอกแล้วว่าให้พาตัวไป”
คนรับใช้ของจวนพับแขนเสื้อและเดินเข้ามาในทันที
“ใครต้องการเงินของพวกเจ้า! ไปเสีย! ไปให้พ้น!” นางหวังทั้งดิ้นทั้งตี อยากจะขวางเอาไว้ แต่จะสู้แรงของกลุ่มคนที่หนิวฮูหยินพามาได้อย่างไร
คนรับใช้สองคนผลักนางลงไปกับพื้น ดึงเหยียนซีที่นางปกป้องเอาไว้ด้านหลังออกมา
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” เพียงนางหวังเห็นคนเหล่านั้นจับเหยียนซีไว้ก็ไม่สนใจจะลุกขึ้น เกร็งคอตะโกนออกมา
เหตุการณ์ทางด้านนี้ ย่อมมีหลายคนจากทั้งสองด้านของท่าเรือมองเห็น
เมื่อเห็นหนิวฮูหยินพาคนรับใช้สิบกว่าคนมา เพียงเห็นก็รู้ว่าไม่ควรยุ่ง คนที่ไม่รู้จักก็เพียงยืนมองอยู่กลางวง ใครจะยอมออกมาพูดจาเล่า
แต่กลับมีคนพูดจาค่อนแคะ “หน้าตาเช่นนี้ ราคาถึงห้าสิบตำลึงเลยหรือ”
“นั่นสิ ดูแล้วก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง”
เหยียนซีถูกคนจับเอาไว้ เธออยากจะดูว่านางหวังล้มลงไปเป็นอย่างไรบ้าง แต่กลับไม่สามารถหันหลังไปดูได้
“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ จับตัวคนกลางวันแสก ๆ เลยหรือ” หวังชีที่กำลังแบกของอยู่ เมื่อเห็นสถานการณ์ทางด้านนี้ก็ตะโกนเสียงดังออกมา รีบพาคนสองสามคนมาด้วย
คนรับใช้ตระกูลหนิวจับเหยียนซีมาตรงหน้าเกี้ยว หนิวฮูหยินผู้นั้นยกผ้าม่านเกี้ยวขึ้นเล็กน้อย มองเหยียนซีแวบหนึ่ง เพียงเห็นคิ้วดวงตาโต และผิวที่ยังคล้ำเล็กน้อย ก็อดไม่ได้ที่จะเหยียดหยาม
แต่บุตรของนางยังนอนอยู่บนเตียง ตอนนี้ก็เริ่มหายใจแผ่วเบาลงแล้ว กราบไหว้เทพเจ้าก็แล้ว ขอยาจากหมอก็แล้ว ทุกสิ่งที่ควรทำและทำได้ก็ล้วนทำไปหมดแล้ว แต่อาการของคนก็ยังไม่สู้ดี นางก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงดาวนำโชคที่เหอเซียนกูกล่าวถึง
นางถามคนมาแล้ว เหลิวเหิงผู้นั้นเองก็เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย แม่ของเขาซื้อเด็กคนนี้เข้ามา วันต่อมาอาการกลับดีขึ้น
ต้องลองให้ยาม้าที่ตายแล้วดู ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องซื้อคนกลับไปให้ได้
นางปล่อยผ้าม่านเกี้ยวลง ตะโกนออกมาเบา ๆ “พาตัวกลับไป!”
“พวกเจ้าจะทำอะไร ปล่อยเขานะ!” พวกหวังชีรีบรุดมาแล้วขวางทางเอาไว้
เพียงหญิงแก่เห็นท่าทางเช่นนี้ก็ส่งเสียงคำราม “บ้านนางรับเงินไปแล้ว ขายเด็กผู้หญิงคนนี้ให้พวกข้าแล้ว ถอยไป นายน้อยของข้ารอการฉลองอยู่”
“ว่าอย่างไรนะ เด็กผู้หญิงหรือ” หวังชีและคนอื่น ๆ ตกตะลึงไปทันที
ทุกวันนี้ที่พวกเขาติดต่อกับเหยียนซี ก็ล้วนคิดว่าเหยียนซีเป็นน้องชายที่ถึงแม้จะอายุน้อย แต่ในหัวกลับมีไหวพริบ กล้าหาญ พูดจาหรือทำงานก็ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นเด็กชายคนหนึ่ง
“บ้านข้ารับเงินจากพวกเจ้ามาตอนไหนกัน พวกเจ้าบอกว่าจะซื้อข้า แล้วใครลงนามในสัญญาค้าขายทาสกัน ใครเป็นคนประทับลายนิ้วมือ”
เหยียนซีไม่ได้ดิ้นรนมาตั้งแต่แรก คนรับใช้ที่จับตัวนางจึงไม่ได้ลงแรงนัก
เหยียนซีกล่าวจบก็ถือโอกาสที่คนบ้านหนิวยังไม่ได้เอ่ยปาก และคนที่จับตนอยู่ก็คลายมือออกเล็กน้อย เธอก็พุ่งตัวเข้าใส่ตรงหน้าเกี้ยวสุดแรง
หญิงแก่ผู้นั้นเห็นว่านางจะพุ่งเข้าชนเกี้ยวของฮูหยิน ก็ตะโกนออกมา “ฮูหยิน” รีบไปขวางไว้ตรงหน้าเกี้ยว เหยียนซีถือโอกาสนี้รีบวิ่งผ่านนางไปสองสามก้าว หลบอยู่ด้านหลังของพวกหวังชี
“ทุกคนในหมู่บ้านหยางซานเป็นพยานได้ ข้าเป็นคนที่ท่านป้าพากลับบ้าน ชื่อข้าอยู่ในทะเบียนบ้านหลิว ท่านป้าของข้าไม่เคยพูดว่าจะขายข้า พวกเจ้าบังคับแย่งชิงตัวเด็กหญิงชาวบ้าน ทั้งยังกล้าก่อเรื่องที่ท่าเรือ! นี่เป็นที่ในการดูแลของนายทะเบียนไป๋”
ในที่สุดนางหวังก็ลุกขึ้นได้ นางไม่สนใจความเจ็บปวดที่ร่างกาย พยายามดินออกจากคนรับใช้คนหนึ่งสุดชีวิต พุ่งไปตรงหน้าเกี้ยว “พวกเจ้าทำเรื่องกบฏต่อฟ้าดิน! ซีเอ๋อร์เป็น… เป็นสะใภ้ของข้า! พวกเจ้ากลับกล้าแย่งชิงตัวเด็กหญิงชาวบ้าน! รอเอ้อร์หลางของข้ากลับมา พวกข้าจะไปฟ้องพวกเจ้าที่ที่ว่าการอำเภอ!”
เดิมทีนางอยากบอกว่าเหยียนซีเป็นคนที่ตนซื้อกลับมา คำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้น แต่ในยามคับขันนางก็คิดวิธีการดี ๆ ออก ถ้าหากนางบอกไปว่าเหยียนซีถูกซื้อมา เช่นนั้นหากตระกูลหนิวบอกว่าอย่างไรก็ต้องขายต่อให้ตระกูลนาง แล้วชิงตัวคนไปก่อน หลังจากพาตัวคนไปถึงบ้านหนิวแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร ซีเอ๋อร์ก็ต้องเสียเปรียบ
ดังนั้น นางจะเปลี่ยนคำพูดบอกว่านางเป็นลูกสะใภ้! อยากให้บ้านหนิวกระวนกระวาย แย่งชิงตัวเด็กสาวที่ซื้อมากับแย่งชิงตัวลูกสะใภ้คนอื่นนั้นแตกต่างกัน อย่างน้อยคนจากตระกูลหลิวในหมู่บ้านหยางซานก็จะได้ไม่ตบหน้ากันง่าย ๆ เช่นนี้
หลังจากนางหวังพูดออกไปก็สามารถกล่าวได้อย่างเต็มที่ “บุตรของข้าไปสอบฝู่ซื่อที่เมืองถงอัน ถ้าหากพวกเจ้ากล้าแย่งชิงตัวไป! รอให้เขากลับมาบ้าน พวกข้าจะไปตีฆ้องร้องทุกข์ที่ที่ว่าการอำเภอ ให้ใต้เท้ามาให้ความยุติธรรม!”
ทันทีที่นางหวังกล่าวจบ นายทะเบียนหลี่บนสะพานหินก็รีบพาคนมา “แม่นางหลิวไม่ต้องใจร้อน ที่ท่าเรือตำบลชิงหลง อย่างไรข้าก็ต้องคอยดู ใครมันกล้านัก ไม่เห็นตระกูลไป๋ของข้าในสายตา!”
ท่านลุงเกาหายใจเหนื่อยหอบกลับมา เห็นได้ชัดว่าเขาวิ่งไปตามคน
นายทะเบียนไป๋พูดคุย คนก็เดินมาถึงที่ศาลา “หนูเหยียนกล่าวได้ถูกต้อง ข้าผู้เป็นนายทะเบียนยังอยู่ ใครก่อเรื่องที่ตำบลชิงหลง ข้าก็จะต้องสอบถาม หากข้าไม่สามารถจัดการได้ ก็ยังมีท่านขุนนางปกครองอำเภอ”
เมื่อคนตระกูลหนิวเห็นนายทะเบียนไป๋พาคนกลุ่มหนึ่งมาก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
ก่อนที่พวกเขาจะมา ก็ย่อมสอบถามเรื่องราวมาแล้ว แม่ลูกตระกูลหลิวนั้น บุตรชายไปที่เมืองถงอัน ส่วนนางหวังก็พาเหยียนซีมาตั้งแผงขายน้ำชาที่นี่ ก่อนหน้านี้นางหวังเองก็บอกกับอาสะใภ้สามเองกับปากว่านางไม่คิดจะให้เหยียนซีเป็นสะใภ้
พวกเขาเลือกจะจับคนที่ตำบลชิงหลง เพราะคิดว่าที่นี่ไม่เหมือนหมู่บ้านหยางซาน นางหวังไม่มีญาติมิตรที่ไหน และจะไม่มีใครเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่น
ตอนนี้กลับมีพวกหวังชีโผล่มา จากนั้นก็มีพวกนายทะเบียนไป๋อีก
หนิวฮูหยินไม่มองคนขายแรงงานอย่างพวกหวังชีในสายตา ในที่สุดหนิวฮูหยินก็ก้าวออกมาจากเกี้ยว
ร่างของหนิวฮูหยินเหมือนชายหนุ่มยิ่ง ดวงตาคู่เล็กเต็มไปด้วยส่วนสีขาว และมองมาด้วยความดุร้าย
“ใต้เท้าไป๋ นายน้อยของข้าเองก็สนิทสนมกับใต้เท้าไป๋ดี วันนี้เป็นเรื่องกะทันหันจริง ๆ ข้ากลัวว่าหากยังไม่จับหญิงร้ายผู้นี้ไว้ พวกนางก็จะหนีไป”
“บุตรชายข้าป่วยหนัก เหอเซียนกูแนะนำว่าต้องให้เด็กคนนี้มาเพื่อนำโชค” กล่าวถึงตรงนี้ เห็นได้ชัดว่านางพูดเรื่องจริง ขอบตาเริ่มแดง “ใต้เท้าไป๋เห็นใจข้าที่เป็นแม่หน่อยเถิด รอให้ได้พาคนกลับไป ข้าก็จะให้คนนำสัญญาค้าขายทาสมาให้ท่านดู”
“ในเมื่อท่านมีสัญญาค้าขายทาส เหตุใดจึงไม่เอาออกมาตั้งแต่ตอนนี้เล่า” หวังชีและคนอื่น ๆ ได้ฟังคำพูดหลบเลี่ยงอย่างเห็นได้ชัดของหนิวฮูหยิน ต่างก็เอ่ยปากออกมา “หากคนถูกท่านจับไป ใครจะรู้ว่าสัญญาค้าขายทาสจะถูกปลอมขึ้นมาหรือไม่”
หนิวฮูหยินมองพวกหวังชีอย่างดูถูกแวบหนึ่ง ก่อนจะจ้องมองเพียงนายทะเบียนไป๋ “ใต้เท้าไป๋ รอให้พาตัวคนกลับไปก่อน ข้าจะให้นายท่านของข้ามาอธิบายกับท่าน จะไม่สร้างปัญหาในตำบลชิงหลงโดยไม่จำเป็นเป็นแน่”
MANGA DISCUSSION