บทที่ 30 กฎการสอบฝู่ซื่อ
หลิวเหิงเดินตามเผยซิ่วไฉไปข้างหน้า ด้านหลังก็เป็นผู้คนที่เดินตาม ๆ กันมา
ระหว่างทางมีผู้คนเดินเข้าไปไม่หยุดหย่อน และกลุ่มคนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ บนท้องถนนเบียดเสียดอย่างมาก จะได้ยินเสียงคนตะโกนว่าหมวกหล่น รองเท้าหลุดเป็นครั้งคราว น่าเสียดายที่เวลาเช่นนี้ ต่อให้อยากจะหยุดเพื่อเก็บก็ยังไม่ได้
สุดท้ายพวกเขาทั้งสองก็ถูกดันไปข้างหน้า จนถึงหน้าประตูใหญ่ของสนามสอบ หลังจากเห็นขอบรั้วที่นักการจัดเตรียมไว้ก็ถือว่าหยุดฝีเท้าได้แล้ว
หลิวเหิงและเผยซิ่วไฉยืนตรวจสอบกันและกัน โชคดีที่ถึงแม้เสื้อผ้าจะยับ แต่ก็ถือว่ายังอยู่กับตัวไม่ได้หายไปไหน
ตอนออกเดินทาง เผยซิ่วไฉเตือนหลิวเหิงให้ดูแลกระเป๋าสอบให้ดี เมื่อถึงประตูสนามสอบ เขาก็ให้หลิวเหิงตรวจสอบอีกครั้ง โชคดีที่สิ่งของยุ่งเหยิงเพียงเล็กน้อย และไม่มีอะไรเสียหาย
ข้างทางมีคนเห็นหลิวเหิงตรวจสอบสิ่งของก็ตรวจสอบตาม แต่กลับไม่ได้โชคดีเหมือนกับหลิวเหิง บางคนแท่งหมึกหัก ทั้งยังมีหลิ่นเซิงที่ทำรองเท้าข้างหนึ่งหายอีกด้วย
เมื่อเห็นคนเหล่านี้สีหน้าเศร้าโศกและอับจนหนทาง ทว่านักการที่เฝ้าประตูกลับหน้าตาเบิกบาน พลางยื่นมือชี้ไปตามทาง ให้พวกเขาไปซื้อที่มุมหนึ่งของประตูที่ไม่เตะตา
ทุกครั้งที่มีการสอบฝู่ซื่อ เหล่านักการก็คว้าโอกาสหารายได้เสริมอย่างเปิดเผย
ไม่ว่าราคาจะแพงเพียงใดก็ขายออกอย่างไม่ต้องกังวล คนซื้อมีแต่ความรู้สึกซาบซึ้ง
ส่วนเผยซิ่วไฉเป็นหลิ่นเซิงที่เป็นผู้รับประกัน ต้องเข้าไปก่อน เขาเอ่ยปากสั่งหลิวเหิงสองสามประโยค หลังจากไปลงทะเบียนและตรวจสอบกับนักการที่ประตูใหญ่แล้ว เขาก็เข้าประตูไป
หลิวเหิงทำได้เพียงอดทนรอ
ทุกคนที่ประตูใหญ่ล้วนรอการขานชื่อ เพื่อเข้าไปตามลำดับอำเภอ
นักการที่เฝ้าประตูขานถึงอำเภอใด เหล่าลูกศิษย์จากอำเภอนั้น ๆ ก็มารวมตัวกันที่หน้าประตูใหญ่ของสนามสอบ เข้าแถวเดินเรียงกันเข้าไป
จนกระทั่งเรียกถึงอำเภอหมิงสุ่ย ท้องฟ้าก็สว่างโร่แล้ว
ผู้เข้าสอบจากอำเภอหมิงสุ่ยในครั้งนี้มีทั้งหมดสามสิบคน มาจากทั่วทั้งอำเภอ ในตอนนี้ทุกคนล้วนไม่มีกระจิตกระใจจะทักทายกัน เมื่อพบเจอคนรู้จักก็เพียงแต่พยักหน้า และเดินเข้าไปพร้อมกลุ่มคนอย่างตึงเครียด
หลิวเหิงตรวจสอบของในกระเป๋าเข้าสอบอีกครั้ง พลางหยิบสิ่งของแล้วเดินเข้าประตูใหญ่ไปยังสนามสอบ
นักการที่ขานชื่อพิจารณาหลิวเหิงแวบหนึ่ง จากนั้นขานชื่อสองสามชื่อ “คนที่หกจากอำเภอหมิงสุ่ย หลิวเหิง… ผู้รับประกันคือ หลิ่นเซิงเผยซิ่วไฉ และหวังหยวน”
ในนี้มีสองคน ซึ่งหลิวเหิงไม่รู้จัก เห็นได้ชัดว่าคงเป็นผู้เข้าสอบคนอื่นที่ช่วยเผยซิ่วไฉรับประกัน
เมื่อหลิวเหิงทำท่าคำนับ ก็มีเสียงของเผยซิ่วไฉและเสียงไม่คุ้นหูของผู้รับประกันอีกหนึ่งคนดังขึ้น
“บัณฑิตเผยซิ่วไฉรับประกัน”
“บัณฑิตหวังหยวนรับประกัน”
เมื่อยืนยันว่าไม่มีความผิดพลาดใด นักการผู้นั้นก็โบกมือให้หลิวเหิง พลางเอ่ยแนะนำ “ตามกฎแล้ว สิบอันดับแรกของทุกอำเภอล้วนมีหมายเลขที่นั่งสอบ เชิญท่านทางนี้”
ตรงหน้าหลิวเหิงคือผู้เข้าสอบที่มีอายุกว่าสามสิบปี เป็นอันดับหนึ่งของอำเภอหมิงสุ่ยในปีนี้ คนผู้นั้นได้ยินชื่อหมายเลขห้าก็หันหน้ามามองหลิวเหิงแวบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนอายุน้อยเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาประหลาดใจเล็กน้อย
หลิวเหิงทำมือคำนับอีกฝ่ายเป็นการทักทาย คนผู้นั้นพยักหน้าตอบกลับ จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตามคนด้านหน้าไป
เห็นได้ชัดว่าหมายเลขที่นั่งผู้เข้าสอบล้วนเป็นสิบอันดับแรกของทุกอำเภอ ถือว่าได้รับการดูแลเป็นพิเศษในการสอบฝู่ซื่อ
แม้แต่ผู้ตรวจค้นทางด้านนี้ก็ยังมีท่าที “อ่อนลง” กว่าอีกด้านหนึ่งมาก
ตอนที่ผู้ตรวจค้นทางด้านนี้ตรวจค้น ก็บอกให้หลิวเหิงเปิดกระเป๋าเข้าสอบด้วยตัวเอง จากนั้นก็ให้เขาเปิดห่อของออก เมื่อเห็นว่าเป็นแป้งสาลีผัดและปลาแห้งคั่วเกลือ ก็เพียงตรวจสอบลวก ๆ ไม่ได้ทำให้สิ่งของกระจัดกระจาย
แม้แต่การขอให้ถอดเสื้อผ้าตรวจสอบ ก็ให้หลิวเหิงเป็นผู้ถอดเสื้อผ้าออกเอง เขายื่นมือออกมาสัมผัสเพียงด้านนอกไปทั่ว ๆ เท่านั้น
ไม่เหมือนอีกด้านหนึ่ง ช่างเหมือนการตรวจค้นยึดทรัพย์อย่างไรอย่างนั้น ทำเอาของกินอย่างซาลาเปา ขนมอบและอื่น ๆ กระจัดกระจายเละเทะไปหมด ดูท่าแล้วคงไม่สามารถกินได้
หลังจากตรวจสอบเสร็จ ผมเผ้าเหล่าผู้เข้าสอบก็ยุ่งเหยิง เสื้อผ้าเปิดอ้า บางคนถึงขนาดถูกดึงรองเท้าออกตรวจ แม้แต่ละคนจะโกรธ แต่ก็ไม่กล้าพูด
อย่างไรเสียผู้ตรวจค้นเหล่านี้ก็ทำตามกฎ หากไม่ให้ความร่วมมือก็ถือว่าโกงการสอบ จะต้องถูกไล่ออกจากสนามสอบ หากมีโทษสถานหนักก็อาจจะไม่สามารถเข้าสนามสอบได้อีกตลอดชีวิต
หลังตรวจสอบเสร็จ ในที่สุดหลิวเหิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นหลังการตรวจค้นร่างกาย ก็มีนักการมารอนำทางอยู่ตรงทางเข้า
เมื่อสิบอันดับแรกของอำเภอหมิงสุ่ยมาครบ นักการก็นำทางพาสิบคนนี้ไปที่สนามสอบที่กว้างใหญ่ปลอดโปร่ง นี่คือความสำคัญที่เรียกว่าหมายเลขที่นั่งสอบ
ที่นี่กว้างขวางมาก สภาพแวดล้อมก็ดี ไม่ต้องแออัดอยู่ในที่แคบ ๆ เหมือนผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ
แน่นอนว่าทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือที่นี่ต้องสอบต่อหน้าท่านเจ้าเมือง เพียงเหลือบตาขึ้นมาก็อาจจะได้เห็นท่านเจ้าเมืองมองตนเองอย่างเคร่งขรึม
ถ้าหากมีผู้เข้าสอบที่สภาพจิตใจไม่พร้อม ก็เกรงว่าจะตกใจเสียจนแสดงออกอย่างผิดปกติ
ผู้ที่นั่งอยู่แถวแรกคืออันดับหนึ่งของแต่ละอำเภอ ด้านหลังนั้นก็คือสิบอันดับแรกของทุกอำเภอนั่งปะปนกันไป
ท่านเจ้าเมืองนั่งอยู่ตรงกลางหน้าแถวแรก นั่งหันหน้าเข้าหาสนามสอบ ผู้เข้าสอบแต่ละคนล้วนนั่งลงใต้จมูกเขา
หลังทุกคนนั่งลงแล้ว ภายใต้สัญญาณจากท่านเจ้าเมือง นักการสองสามคนก็แจกห่อข้อสอบที่จัดเอาไว้เรียบร้อยแล้วให้แต่ละคน
ปกติแล้วการสอบฝู่ซื่อจะมีการสอบห้าครั้ง แต่ละครั้งจะใช้เวลาสอบหนึ่งวัน เป็นเพราะวันนี้เป็นวันแรกจึงเรียกว่าสนามแรก ถ้าหากกระดาษข้อสอบในวันนี้เข้าตาท่านเจ้ามือง ก็จะได้รับการรับรองในทันที การสอบอีกสี่ครั้งที่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องเข้าสอบอีกแล้ว
ทว่าหลิวเหิงเคยได้ยินเผยซิ่วไฉบอกว่า เจ้าเมืองทั่วไปไม่ค่อยยอมเสี่ยง ต่อให้ดูเรียบร้อยแล้วก็มักจะรอเสียก่อน นอกเสียจากว่าผู้เข้าสอบผู้นั้นจะเป็นที่ยอมรับว่าเป็นบัณฑิตที่มีพรสวรรค์ ท่านเจ้าเมืองก็จะยอมรับรองให้ทันทีแสดงออกให้เห็นว่าตนมีสายตาเฉียบแหลม เพื่อให้เป็นเรื่องราวดี ๆ ต่อไป
หลังหลิวเหิงรับห่อข้อสอบมาแล้ว ก็เปิดห่อข้อสอบแล้วดูหัวข้อในวันนี้รอบหนึ่ง หัวข้อจะมาจากหนังสือสี่เล่ม ไม่ถือว่าไม่คุ้นเคย
หลังจากดูแล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางนำกระดาษข้อสอบใส่กลับไปในห่อข้อสอบ แล้วเริ่มฝนหมึก ขณะเดียวกันก็ร่างคำตอบไว้ในใจไปด้วย
เผยซิ่วไฉเคยบอกเขาไว้ว่าจะทำการใดก็อย่าให้เลอะเทอะ ดังนั้นเขาจึงเก็บกระดาษข้อสอบก่อนแล้วค่อยฝนหมึก เป็นวิธีที่ปลอดภัยมากกว่า
อย่างไรก็มีเวลาทั้งวัน เขาสามารถเขียนได้อย่างระมัดระวังและเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
หลายปีมานี้เขาขยันหมั่นเพียรมาก นอกจากปีนี้ในช่วงที่ป่วย ก็ไม่มีสักวันที่จะไม่ทำการบ้าน หนังสือทั้งสี่เล่มและคำภีร์ทั้งห้าก็อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ดังนั้นเมื่อฝนหมึกเสร็จ เขาก็ค่อย ๆ ครุ่นคิด พลางยกพู่กันขึ้นแล้วก้มหน้าเขียนคำตอบ
จนกระทั่งเมื่อเสียงฆ้องดังขึ้น เขาจึงพบว่าถึงยามเที่ยงแล้ว เมื่อครู่ตอนก้มหน้าตอบคำถามไม่รู้สึกเลย แต่เมื่อหยุดมือก็รู้สึกว่าในท้องเริ่มหิวแล้ว
เพราะกินอาหารมื้อเช้าไปยามดึกดื่นเที่ยงคืน จนตอนนี้ก็ยังไม่มีข้าวตกถึงท้อง ไม่แปลกเลยที่ท้องจะร้องโครกครากเช่นนี้
ในเวลานี้ อันดับหนึ่งของทุกอำเภอนั้นลำบากยิ่งกว่า เพราอยู่ตรงหน้าท่านเจ้าเมือง ทำให้บางคนไม่กล้ากินอาหาร ส่วนพวกที่นั่งด้านหลังอย่างหลิวเหิงกลับสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้
ซึ่งเขาเห็นว่าด้านซ้ายมือข้างหน้าเขามีผู้เข้าสอบที่นำของแห้งที่จัดแจงอย่างดีออกมา ของแห้งพวกนั้นเป็นขนมอบขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ผู้เข้าสอบผู้นั้นขอน้ำร้อนสามครั้งก็ยังไม่สามารถกินเข้าไปได้ เห็นได้ชัดว่ามันแข็งมาก
ยังมีผู้เข้าสอบอีกคนหนึ่งที่น่าจะนำซาลาเปามา เพียงแต่ซาลาเปานั้นไม่รู้ว่าถูกทำให้ฉีกขาดตอนตรวจสอบหรือไม่ หรือว่าถูกกดระหว่างทางก่อนจะเข้ามา อย่างไรเมื่อนำออกมาก็แบนราบ ถูกทับเสียจนเสียทรง โดยเฉพาะผ้าเปื้อนน้ำมันนั้นขาวจนเป็นชั้น
ในตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าแป้งสาลีผัด และปลาแห้งคั่วเกลือที่เหยียนซีเตรียมให้มีข้อดีเพียงใด
หลิวเหิงนำชามออกมาหนึ่งใบและนำแป้งสาลีผัดใส่เข้าไป จากนั้นก็เรียกนักการเพื่อขอน้ำร้อนมาเท กลิ่นหอมสะอาดลอยออกมา ทำให้รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที
หลิวเหิงถึงขนาดได้ยินเสียงกลืนน้ำลายดัง “เอื้อก” อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าหอมเสียจนดึงดูดความอยากอาหารของตัวเองออกมา
MANGA DISCUSSION