บทที่ 20 เดินซื้อของ
นางหวังชื่นชมเธอมากเกินไป ตอนแรกเหยียนซียังคงร้อนตัวอยู่ แต่ตอนนี้สีหน้าสงบลงแล้ว
ทั้งสองออกจากบ้านแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่ทันจะเที่ยง นาน ๆ ทีเหยียนซีจะอยากออกมาข้างนอก อย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อน จึงได้ลากนางหวังไปที่ตำบลชิงหลงเพื่อซื้อของ
“เมื่อวานเพิ่งซื้อข้าวกับแป้งไป ที่บ้านก็ไม่ได้ขาดอันใด…” นางหวังไม่ตอบรับ
“ท่านป้า พี่เอ้อร์หลางต้องไปสอบฝู่ซื่อ อาหารการกินจะขาดแคลนไม่ได้เจ้าค่ะ ต้องกินของดี ๆ จะได้มีแรงไปสอบ อีกอย่าง…” เหยียนซีโน้มตัวไปข้างหูนางหวัง พลางกล่าวเบา ๆ “วันนี้พวกเราขายกระเช้าดอกไม้ได้เงินมาไม่น้อย นายหญิงยังให้เงินรางวัลมาอีกด้วย”
เหยียนซีนำกระเป๋าเงินของนายหญิงใส่เอาไว้ในกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วนำเหรียญทองแดงที่กระจัดกระจายอยู่ใส่ไว้ในถุงผ้า “ท่านป้า ดูสิเจ้าคะ”
เด็กหญิงเปิดปากถุงผ้า นางหวังก็เห็นว่าทั้งหมดในถุงผ้าเป็นเหรียญทองแดง อย่างต่ำก็ต้องมีสองสามตำลึง
น้ำหนักของถุงผ้าก็หนักมาก
“เยอะเพียงนี้เลยหรือ” นางหวังคิดไม่ถึงว่าดอกไม้ป่าและหญ้าป่าจะขายได้เงินมากมายเพียงนี้
“ท่านป้า ข้าเก็บเงินเก่งนะเจ้าคะ” เหยียนซีมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก กล่าวจบก็เก็บบุ้งกี๋ นำถุงผ้าพาดไหล่อย่างมั่นใจ… จบกัน นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงการถูกเงินกดทับ… น้ำหนักขนาดนี้ หากตนไม่ทันระวังคงขยับไม่ได้เลยเชียว!
ตั้งแต่นางหวังได้สติจากการเห็น “เงินก้อนใหญ่” ก็เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเหยียนซี จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เหยียนซีรู้สึกว่าตนเป็นบุตรกตัญญูที่แต่งตัวหลากสีสันให้บิดามารดาบันเทิงใจ ก่อนที่เธอจะจับจมูกแล้วหยิบถุงผ้าขึ้นมาอย่างจริงจัง “ท่านป้า เรารีบไปกันเถิด”
นางหวังหยิบบุ้งกี๋เปล่าสองอันพร้อมไม้คานพาดไหล่ เหยียนซีเดินอยู่ด้านข้างติด ๆ ทั้งสองจึงลงจากเขา
เหล่าคนขายของรอบ ๆ มองทั้งสองลงจากเขาอย่างอิจฉา โชคดีที่ตอนนั้นเหล่าคนรับใช้ของนักการอยู่กันรอบ ๆ จึงไม่มีใครเห็นว่าเหยียนซีได้รับเงินมามากน้อยเพียงใด
ไม่อย่างนั้นเหยียนซีคงไม่รู้สึกสบายใจ และกลัวว่าจะถูกปล้นเอา
ครั้งที่สองที่มาตำบลชิงหลง ในที่สุดเหยียนซีก็ได้พิจารณาตำบลในยุคโบราณอย่างดี ๆ เสียที
เห็นได้ชัดว่าตำบลชิงหลงนั้นเป็นตำบลทั่วไปของเจียงหนาน จุดที่ครึกครื้นที่สุดจากทั่วทั้งตำบลมีเพียงถนนเส้นเดียว มีทั้งภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านขายเพชรพลอย ร้านขายธูปเทียนมากมาย… แต่ละแห่งอยู่ติด ๆ กันเป็นแถว
เหล่าคนข้างถนนเดินเตร็ดเตร่ เกวียนเทียมลา เทียมวัวผ่านถนนไป
นางหวังบอกว่า ถ้าหากเป็นวันตลาดนัดที่มาเป็นครั้งคราว คนเดินถนนก็จะยิ่งพลุกพล่าน ตอนนี้ไม่ใช่วันตลาดนัด ข้างถนนก็มีคนเดินดูกันไม่น้อยแล้ว
ลำห้วยหมิงคดเคี้ยวไปตามตำบล สะพานหินใหญ่บนถนนสายหลักมีท่าเรือสองแห่ง
ท่าเรือต้นน้ำทางด้านขวาของสะพานหินใหญ่นี้มีเรือสินค้าจอดอยู่ หินเขียวปูจนเป็นขั้นบันได พ่อบ้านของครอบครัวร่ำรวย เจ้าของร้านค้ากำลังพาเหล่าคนหาบของมาขนสินค้า หรือไม่ก็ขนของลงเรือ ซึ่งยุ่งกันจนหัวหมุน
ตรงท่าเรือมีศาลาแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เหล่านักเดินทางที่รอขึ้นเรือก็นั่งรออยู่ในศาลานั้น
ส่วนด้านซ้ายของสะพานหินใหญ่ มีท่าเรือปลายน้ำ มีเรือหาปลาหลากชนิดจอดอยู่ และมีเรือหาปลาที่เพิ่งกลับจากหาปลา บนเรือมีปลาคาร์พ ปลาเฉา ทั้งปลาและกุ้งหลากชนิดที่ยังเป็น ๆ อยู่ คนหาปลาที่ใส่งอบสวมชุดตัวสั้น พับขากางเกงขึ้นตกปลาอยู่ตรงนั้น ชั่งน้ำหนัก ตะโกนขายของ ถามราคา ตอบราคา มีเสียงต่าง ๆ มากมายดังเข้ามาในหู
หินเขียวที่อยู่ในน้ำจะลื่นหลังจากโดนน้ำ เหล่าคนหาบของและคนหาปลาต้องเดินเท้าเปล่า มันจึงยากที่จะไม่ลื่น
ท่าเรือแออัดไปด้วยผู้คน ร้านขายของกินเล็ก ๆ ก็มีมากมาย ภัตตาคาร ร้านชา แผงขายของต่างก็มีแขกจับจองจนเต็ม
ทั้งยังมีคนหอบไม้คานขายของ จองที่ตรงมุมเพื่อขายขนมเปี๊ยะ ขนมอบ น้ำตาลข้าว…
เห็นได้ชัดว่าตำบลชิงหลงเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อุดมสมบูรณ์และมีพลังเปี่ยมล้นอย่างมาก
กลิ่นหอมของอาหารการกินมากมายลอยอบอวลที่ปลายจมูก กลิ่นหอมเหล่านั้นราวกับเชือกเส้นหนึ่ง ทำให้แววตาของเหยียนซีหันมองตามไม่หยุด
เมื่อมีเงินจำนวนมากติดตัว ก็คิดว่าจะทำสิ่งใดเป็นอย่างแรก
สำหรับเหยียนซีในตอนนี้แล้ว มีเพียงประโยคเดียวคือเธออยากกินเนื้อ!
ในนามของการเพิ่มโภชนาการให้หลิวเหิง เธอมาที่ตำบลชิงหลง พร้อมลากนางหวังตรงไปยังแผงขายเนื้อด้วย
นางหวังเห็นท่าทางกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัดของเหยียนซีก็ยิ้มออกมา “หลายวันมานี้เจ้าต้องลำบากเสียแล้ว”
เธอดูตะกละเพียงนั้นเลยหรือ
เอาเถิด เมื่อเห็นเนื้อที่กองอยู่บนแผงขายเนื้อ เหยียนซีก็รู้สึกว่าตนสามารถกินดิบ ๆ ได้เลย
มันหมูในยุคสมัยนี้แพงกว่าเนื้อหมู และเนื้อหมูก็แพงว่ากระดูก
ที่บ้านต้องใช้มันหมู ก็ย่อมต้องซื้อเปลวมันหมู แต่น่าเสียดายที่เธอมาช้า เปลวมันหมูจึงขายหมดไปแล้ว
เหยียนซีชี้ไปยังหมูสามชั้นชิ้นหนึ่งที่มีมันเยอะที่สุดประมาณสองสามจิน “เนื้อชิ้นนี้ เราเอาเนื้อชิ้นนี้เจ้าค่ะ” จากนั้นก็ชี้ไปยังกระดูกซี่โครงข้าง ๆ “เอาซี่โครงสองอัน แล้วก็ขาหน้าหมูชิ้นนั้น อืม เนื้อหมูพวกนี้ก็ไม่เลว…”
“ได้เลย…” คนขายหมูเห็นเยียนซีชี้นู่นนี่อยากจะซื้อมากมาย ก็เอ่ยปากรับคำ พลางมองไปยังนางหวังที่อยู่ด้านหลัง ไม่ใช่ช่วงเทศกาล ขออย่าเป็นการเล่นตลกของเด็กเลย
นางหวังเห็นท่าทางของเหยียนซีที่อยากจะหอบหมูทั้งตัวกลับบ้าน “ซีเอ๋อร์ ซื้อเยอะไปจะกินไม่หมดนะ”
“อ้อ ท่านป้า เช่นนั้นเราซื้อเหล่านี้ไปก่อนดีหรือไม่”
นางหวังเห็นเหยียนซีมองตนอย่างกระตือรือร้น ก็คิดได้ว่าเมื่อคืนบุตรชายกำชับกับตนไว้ อย่าลืมว่าเหยียนซีเป็นอิสระแล้ว เงินที่นางหามาได้ก็ให้นางตัดสินใจเอง
ถึงแม้นางจะคิดว่าเด็กหญิงซื้อของเหล่านี้มากเกินไป แต่อย่างไรก็ยังพยักหน้า
คนขายหมูเห็นว่าผู้ใหญ่พยักหน้าแล้ว เด็กบ้านนี้ช่างตัดสินใจเองได้จริง ๆ
เขากล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ได้เลย รอสักครู่ขอรับ!” เขาชั่งน้ำหนักเนื้อที่เหยียนซีต้องการอย่างรวดเร็ว แล้วนำเชือกฟางมัดไว้รอบ ๆ จากนั้นก็ยื่นออกมาให้ “แม่นางถือไว้เถิด ทั้งหมดแปดสิบสองอีแปะ ข้าปัดเศษให้ เหลือแปดสิบอีแปะก็แล้วกัน” กล่าวจบก็นำเนื้อส่งไปตรงหน้านางหวัง
“ซื้อเยอะเพียงนี้ ขอของเพิ่มอีกหน่อยเถิด” เหยียนซีถือคติซื้อของต้องได้แถม จึงชี้ไปยังกระดูกที่อยู่ข้าง ๆ เนื้อด้วยรอยยิ้ม
“สาวน้อย ข้าก็ปัดเศษให้แล้วอย่างไรเล่า…”
“ต่อไปเราก็จะมาซื้ออีก ท่านดูสิว่าพวกข้าซื้อไปตั้งเยอะ”
“ก็ได้ ๆ คนไม่กล้าคงไม่ถามเจ้าของร้าน ข้าจะเพิ่มกระดูกให้ก็แล้วกัน” คนขายกล่าวจบก็นำกระดูกหมูข้าง ๆ ออกมา ใช้ใบบัวห่อไว้ด้วยกัน
เหยียนซีเห็นว่ากระดูกชิ้นนั้นมีเนื้อติดไม่น้อย และเมื่อเห็นว่านางหวังไม่ได้คัดค้าน ก็หยิบเอาเงินแปดสิบอีแปะออกมาจากกระเป๋าผ้าแล้วส่งให้คนขาย
จริง ๆ แล้วตำบลชิงหลงไม่ใหญ่ เพียงถนนเส้นเดียวก็มีภัตตาคาร ร้านขายธัญพืช โรงรับจำนำ ร้านเพชรพลอย… ร้านค้าหลากหลายมากมายเปิดอยู่ตรงทางเข้าถนน ทว่าตามถนนมีคนไม่มากเท่าไรนัก
ทั้งสองเดินผ่านร้านยา เหยียนซีก็ลากนางหวังเข้าประตูไปอีกครั้ง สั่งยาบำรุงอีกสองชนิดให้หลิวเหิง ยาบำรุงแพงมาก ยาสามชนิดก็ราคาหกสิบกว่าอีแปะ ไม่ว่าจะเป็นยุคก่อนหรือยุคปัจจุบัน การหาหมอก็ล้วนแพงนัก
เหยียนซีเดาะลิ้น ควักเงินออกมาจ่ายอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็ไปที่ร้านธัญพืช ครั้งนี้นางหวังทนไม่ไหวแล้ว ข้าวขาวจินหนึ่งน่าจะซื้อข้าวกล้องหรือข้าวโพดได้เกือบสองจิน ไม่ว่าจะมีเงินเพียงใดก็ไม่ควรใช้ฟุ่มเฟือยเพียงนี้
เหยียนซีไม่อาจต้านทานนางหวังได้ เดิมทีอยากซื้อข้าวขาวสักสิบจิน แต่ทำได้เพียงซื้อข้าวขาวมาสี่หิน ข้าวโพดห้าจิน จากนั้นก็ซื้อแป้งคุณภาพต่ำอีกห้าจิน
เส้นหมี่ในยุคโบราณต้องกรองสองรอบ ราคาต่างกันมาก ไม่คุ้มเท่าเส้นใหญ่
เมื่อคิดได้ว่าอีกเดี๋ยวก็จะถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว จึงซื้อข้าวเหนียวอีกสามจิน
เมื่อเดินผ่านร้านขายเครื่องปรุง เธอก็ซื้อซีอิ๊ว จิ๊กโฉ่และเครื่องปรุงอีกมากมาย
เดินซื้อตลอดทางเช่นนี้ เมื่อเดินผ่านร้านขายผ้า นางหวังก็เห็นเหยียนซีมองเสื้อผ้าสวยงามไม่ขยับเขยื้อน กลัวว่านางจะซื้ออีก จึงลากนางเดินกลับบ้านเสีย
MANGA DISCUSSION