บทที่ 18 เราต้องให้เปล่า
ตอนที่นางหวังตื่นขึ้นมา เหยียนซีก็จัดแจงทุกอย่างเสร็จแล้ว กระเช้าดอกไม้เล็ก ๆ ยี่สิบกว่าใบถูกวางไว้ในบุ้งกี๋อย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ดอกไม้ในตะกร้าเสียหาย กระเช้าดอกไม้ล้วนใช้เชือกแขวนเอาไว้ทุกใบ แม้ออกไปไกลถึงยี่สิบสามสิบก้าว กลิ่นดอกไม้ก็ยังลอยมาติดปลายจมูก
นางหวังเอาตะกร้าสะพายหลังมา เห็นว่าในนั้นมีเห็ดเยื่อไผ่สองสามอันที่เหยียนซีใส่เอาไว้ “นี่มันโสมไผ่ไม่ใช่หรือ”
“ไอ้หยา เกือบลืมของดีไปเสียแล้ว”
เมื่อเห็นโสมไผ่นี้ หลิวเหิงก็คิดได้ถึงท่าทางของเหยียนซีที่ดวงตาเป็นประกายในป่าไผ่ เอ่ยหยอกล้อออกมาอย่างหาได้ยาก “ท่านแม่ต้องระวังนะขอรับ ซีเอ๋อร์อยากจะร่ำรวยด้วยโสมไผ่นี้”
“เพียงไม่กี่อันเท่านั้น จะร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างไร” นางหวังยิ้มแล้ววางโสมไผ่ลงบนโต๊ะหิน “แต่หากเอาไปขายที่ร้านยาในตำบล น่าจะพอขายได้สิบยี่สิบอีแปะนะ ซีเอ๋อร์ เจ้าเอามานี่วางแผนจะนำไปขายวันนี้หรือ” ที่ร้านยาล้วนมีแต่เห็ดเยื่อไผ่แห้ง
เหยียนซีส่ายหัวอย่างมีเลศนัย “ไม่เจ้าค่ะ เราจะไม่ขาย! เราจะเอาไปให้เปล่า ๆ เลยเจ้าค่ะ”
นางหวังผงะไปชั่วครู่ “ให้เปล่า ๆ หรือ”
หลิวเหิงเองก็มองเหยียนซีอย่างแปลกใจเล็กน้อย
“อย่างไรก็เอาไปก่อน ดูสถานการณ์เจ้าค่ะ” เหยียนซีวางเห็ดเยื่อไผ่ลงในตะกร้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็ก ๆ อย่างระมัดระวัง นำใบไผ่รองเอาไว้ จากนั้นก็สานฝาเล็ก ๆ ขึ้นมาเป็นพิเศษ
เพียงเปิดฝาออกมา บนใบไผ่สีเขียวก็คือเห็ดเยื่อไผ่สีขาว เห็นได้ชัดว่าสะอาดมาก ตะกร้านี้ใบเล็ก เห็ดเยื่อไผ่เก้าอันจึงถูกวางอัดอยู่ข้างในเบียดเสียด
บรรจุภัณฑ์นี้ สมบูรณ์แบบ! เหยียนซี เจ้าเก่งเกินไปแล้ว
เหยียนซีชื่นชมตนเองในใจ ก่อนจะนำตะกร้าขึ้นสะพายบนหลัง ส่วนนางหวังช่วยเด็กหญิงถือกระเช้าดอกไม้ ทั้งสองคนกำชับหลิวเหิงว่าอย่าลืมให้อาหารไก่ เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว กลัวว่าจะไปสาย จึงรีบเร่งออกจากบ้าน
ตอนที่เหยียนซีและนางหวังรีบเร่งไปถึงวัดชิงหลัง คนที่มาถึงก่อนก็ไม่น้อยแล้ว
ที่ตีนเขามีแผงเกี๊ยวน้ำเล็ก ๆ และแผงขายแป้งทอดก็ตั้งร้านขึ้นมาแล้ว หม้อข้าวใหญ่ล้วนเริ่มมีไอร้อนขึ้นมา
ร้านขายถุงหอมและเข็มกับด้ายก็มีไม่น้อย
ทั้งยังมีร้านขายผัก ผลไม้ และร้านขายปลา ถึงขนาดมีร้านขายรองเท้าฟาง
เหยียนซีทำได้เพียงชื่นชมออกมาคำหนึ่ง คนโบราณช่างคว้าโอกาสทางการตลาดไว้ได้เก่งจริง ๆ
ที่ตีนเขามีพระสงฆ์คอยรักษาความสงบเรียบร้อย นางหวังและเหยียนซี เหมือนกับหญิงแต่งงานแล้วที่พาเด็กมา ทั้งยังนำดอกไม้ป่าตะกร้าหนึ่งมาด้วย รู้สึกว่าสดเป็นอย่างมาก เพียงเหยียนซีพูดจาไพเราะว่า “นายท่านโปรดเมตตา” เพียงไม่กี่คำ ก็ได้พื้นที่ตรงใกล้ประตูขึ้นเขา
นางหวังวางตะกร้าลง เหยียนซีก็เริ่มยุ่งกับงานขึ้นมาทันที เด็กหญิงนำไม้คานแขวนไว้ให้มั่นคงในบุ้งกี๋ ชั้นวางสินค้าก็มีแล้ว จึงนำกระเช้าดอกไม้แขวนไว้ตรงไม้คาน อันที่ใหญ่ ๆ ก็วางไว้ตรงหน้าทั้งสองคน
คนเข้ามาที่วัดค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เสียงเรียกลูกค้าก็เริ่มมีมากขึ้นเช่นกัน
นางหวังเห็นว่าร้านขายกระเป๋าตามทางก็เริ่มเปิดการขายแล้ว ส่วนเหยียนซียังคงพิจารณารอบ ๆ อย่างใจเย็น ทั้งยังวิ่งไปดูของในร้านค้าอื่น ๆ อย่างสบาย ๆ เพื่อสอบถามราคา
ตรงหน้าร้านค้าของพวกนางหวังกลับมีคนสนใจน้อยนิด บางคนยังหยอกล้อว่าทั้งสองคนนำดอกไม้ป่าไร้ราคามาขาย จึงเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “ซีเอ๋อร์ เช่นนี้ไม่ได้การนะ เจ้าไปตะโกนขายของเสียหน่อยดีหรือไม่”
“ท่านป้า ไม่ต้องรีบเจ้าค่ะ เรารอดูก่อน มานี่เจ้าค่ะ ท่านนั่งตรงนี้ ดื่มน้ำเสียหน่อย”
“เจ้าดูสิคนเหล่านี้ล้วนเริ่มเดินเข้าไปในวัดแล้ว” นางวังมองคนที่จะมาจุดธูปล้วนทยอยกันเข้าประตูไป “เจ้าไม่ได้ยินพระท่านพูดเมื่อครู่นี้หรือ นายหญิงแห่งบ้านท่านขุนนางปกครองอำเภอพาคนเข้าไปจุดธูปในยามเฉิน ถึงตอนนั้นไม่อนุญาตให้คนมาเซ่นไหว้คนอื่น ๆ ขึ้นเขาแล้ว” ถ้าหากไม่มีคนมาเซ่นไหว้แล้ว จะขายให้ใครเล่า
“ท่านป้า ข้าได้ยินเจ้าค่ะ เรารอกันอีกหน่อยเถิด” เหยียนซีเห็นว่าเหล่าพระสงฆ์ที่ตีนเขากำลังจัดการถนนกันแล้ว เพื่อให้ทุกคนหลีกทาง
ไม่นานนักพวกนางที่ยืนอยู่ตรงหน้าแผงขายของ ก็เห็นได้ว่าที่ไกล ๆ มีกลุ่มคนกำลังเดินมาตามถนนใหญ่มุ่งหน้าสู่วัดชิงหลง กลุ่มคนตรงหน้าหลีกทางให้รถม้าสามคันค่อย ๆ มาถึง เกี้ยวด้านหลังมุ่งหน้ามาทีละคัน ซึ้งมันมีเกี้ยวมากถึงสิบกว่าคัน
ส่วนแผงขายของตรงตีนเขาที่ตั้งเสร็จแล้ว ก็เริ่มมีคนเดินไปเดินมา ข้างทางมีบางแผงร้านที่กำลังตั้งและทักทายกัน “ไปกัน จะแจกซิ่วท้อแล้ว” เห็นได้ชัดว่าเจ้าภาพมาแล้ว
เหยียนซีเห็นว่านางหวังกำลังกระวนกระวายใจ “ท่านป้า เช่นนั้นท่านไปวิหารขุยซิงเพื่อกราบไหว้เสียก่อนเถิด จากนั้นค่อยไปรับซิ่วท้อ อย่างไรก็คงไม่มีคนมาซื้อ ข้าอยู่คนเดียวก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าอยู่คนเดียวได้หรือ”
“ได้เจ้าค่ะ นี่เป็นลูกท้อธรรมดา ท่านรีบไปรับมาสองลูก เอากลับไปให้พี่เอ้อร์หลางกิน จะได้รับพรไปด้วย”
นางหวังรู้สึกว่าเหยียนซีพูดได้ถูกต้อง “เช่นนั้นเจ้าอย่าไปไหนสักพักนะ อีกเดี๋ยวข้าจะกลับมา”
เหยียนซีพยักหน้า แต่เมื่อนางหวังออกไปแล้ว เธอก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที พลางจัดแจงกระเช้าดอกไม้สักนิด แล้วนำกิ่งไผ่มาจุ่มน้ำสะบัดใส่กระเช้าดอกไม้ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งหมดยังดูสวยงามอยู่
คนที่มาเป็นคนจากครอบครัวขุนนางปกครองอำเภอจริง ๆ คนกลุ่มนี้มาถึงครึ่งทางก่อนขึ้นเขา ทว่ารถม้าขึ้นไปไม่ได้ จึงเปลี่ยนเป็นเกี้ยว แต่ละคันถูกยกขึ้น และมีคน คอยรับใช้ มองดูแล้วล้วนเป็นหญิงในครอบครัว
ที่ตีนเขาเริ่มแจกซิ่วท้อ คนรอบ ๆ ล้วนไปเข้าร่วมความครึกครื้น เหลือเพียงชาวบ้านที่ตั้งร้านค้า เมื่อเห็นนักการที่คอยจัดการทางให้ ก็กลัวว่าจะไปล่วงเกินเหล่าผู้สูงศักดิ์ เสียงที่ตะโกนก็เบาลง
ที่ตั้งแผงของเหยียนซีเป็นที่ที่เหล่าหญิงจากตระกูลใกล้จะมาถึงประตูขึ้นเขา เพื่อมาแสดงถึงความเคารพ ทว่าทุกคนล้วนเดินเข้าไปในวัด
เมื่อเห็นเหล่าฮูหยินและคุณหนูหยุดเกี้ยวกันเป็นแถบ เหยียนซีก็กำหมัดให้กำลังใจตนเอง เงินก้อนแรกต้องรอดูวันนี้แล้ว
เด็กหญิงทำคอให้โล่ง ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดัง “เหตุใดหญิงสาวจึงงดงาม ก็เพราะบูชาพระพุทธเจ้า เหตุใดจึงมีโชคลาภ ก็เป็นเพราะถวายข้าวให้วัด เหตุใดคนเราจึงฉลาดเฉลียว เพราะชาติก่อนสวดมนต์ไหว้พระ เหตุใดคนเราจึงมีรูปลักษณ์ภูมิฐาน ก็เพราะถวายดอกไม้ให้พระพุทธเจ้า”
ตอนนี้มีเสียงตะโกนดังขึ้นทุกที่ เสียงเล็ก ๆ ของเหยียนซีจึงถูกกลบอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ถนนเงียบเชียบแล้ว เสียงของเธอจึงดังฟังชัดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเนื้อหาที่เด็กหญิงตะโกนไม่ใช่การเรียกลูกค้าธรรมดา ถ้อยคำที่พูดจาออกมาเป็นประโยคยาว คล้ายคลึงกับคำพระสั่งสอนเล็กน้อย
อย่าว่าแต่เหล่าผู้หญิงเลย แม้แต่เหล่าพระสงฆ์ที่ออกมารับแขกก็มองมาอย่างสนอกสนใจ
ทุกคนเห็นเด็กหญิงบ้านนอกที่สวมใส่เสื้อผ้าหยาบ ๆ เย็บแปะและทำมวยผม ท่าทางดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก มือข้างหนึ่งถือกระเช้าดอกไม้สองอัน พลางตะโกนเสียงดัง “เหล่าคุณนายและคุณหนู ซื้อกระเช้าดอกไม้ไปไหว้พระเถิดเจ้าค่ะ ใช้ดอกไม้สดไหว้พระจะได้บุญ ดอกท้อช่วยให้งดงาม ดอกทับทิมช่วยให้มีบุตรเยอะ ดอกอวี๋เฉียนจะทำให้ทั้งครอบครัวร่ำรวย”
มือที่ยื่นมาย่อมไม่สบกับผู้ที่ส่งยิ้มให้ ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในหน้าวัด อีกทั้งคำพูดของเหยียนซีก็ชวนให้ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
“คำพูดของเด็กหญิงผู้นี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก” หญิงแก่ที่เพิ่งมาถึงยกยิ้ม “สี่เชว่ ไปเรียกเด็กหญิงคนนั้นมาสิ ดูกระเช้าดอกไม้ที่นางขายเสียหน่อย ได้มาพบกันถือว่ามีดวงชะตาต้องกัน เราเองก็มาทำกิจการกับนางเสียหน่อย”
“อามิตตาพุทธ เหล่าฮูหยินช่างมีเมตตานัก” พระที่ออกมารับแขกได้ยินคำที่เหยียนซีตะโกน ทุกประโยคล้วนโน้มน้าวให้คนไหว้พระ ฟังแล้วก็พึงพอใจอย่างมาก จึงย่อมไม่ไปขัดขวาง
สาวใช้ผู้นั้นเดินมาตรงหน้าเหยียนซี เมื่อเห็นนางแต่งตัวสะอาดมีชีวิตชีวา หน้าตาก็งดงาม ไม่เหมือนเหล่าเด็กสาวบ้านนอกที่ดูมอมแมมก็วางใจ สาวใช้กวักมือเรียกเหยียนซี “เจ้าเด็กสาวช่างพูดผู้นี้ เหล่าฮูหยินของข้าอยากขอดูดอกไม้ของเจ้าหน่อย”
“โธ่ มาสิเจ้าคะ ขอบคุณพี่สาวคนสวย นี่เป็นกระเช้าดอกไม้ที่ข้าสานเองกับมือเจ้าค่ะ” เหยียนซียกไม้คานที่แขวนกระเช้าดอกไม้ขึ้น เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนกลุ่มนั้นห่างไปสิบกว่าก้าว
ระยะห่างนี้ก็ทำให้พวกนางได้เห็นชัดและได้กลิ่นหอมของดอกไม้ ซึ่งไม่ต้องเข้าไปใกล้เกินให้คนดูถูก
เมื่อถูกเหยียนซีชมว่าเป็นคนสวย ถึงแม้จะรู้สึกว่าเปิดเผยเกินไป แต่มุมปากของสาวใช้คนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้น นางเดินมารายงานข้างกายเหล่าฮูหยิน
“เหล่าฮูหยิน เด็กสาวที่ขายกระเช้าดอกไม้มาแล้วเจ้าค่ะ กระเช้าดอกไม้เหล่านั้นของนาง ดูแล้วสดใหม่มากเจ้าค่ะ”
MANGA DISCUSSION