บทที่ 91 ใครกันแน่ที่ทำร้ายเขา
“เฮอะ! ให้เขาจัดการเหรอ?” เกาซูยิ้ม เธอตบกระเป๋าเบา ๆ “แค่จดหมายฉบับนี้หลุดออกไป ตัวเขาก็เอาตัวรอดยากจะตายแล้ว! ยังจะหวังมีอนาคตที่ดีอีกอย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! ต่อให้เป็นพ่อเธอก็ช่วยเขาไม่ได้หรอกนะ! ถึงตอนนั้น พ่อเธอยังคิดจะอยากได้ลูกเขยที่หาเรื่องหาราวมาให้หรือไง”
จางเซียวเหม่ยถึงกับน้ำตาคลอ แต่เธอก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้ แล้วแกล้งทำเสียงดุใส่เกาซู “เธอ… เธอมันเป็นผู้หญิงสารเลว! ทำไมถึงใจร้ายกับพี่เฉิงแบบนี้? พี่เฉิงดีกับเธอมากขนาดนี้ เธอกลับทำได้ลงคอเชียวเหรอ?”
“ฉันทำร้ายเขาเหรอ? เป็นฉันหรือเธอที่ทำร้ายเขากันแน่? ไม่ใช่เธอหรอกเหรอที่ทำลายชีวิตแต่งงานของทหารอย่างมู่อวิ่นเฉิง ทำผิดศีลธรรมจนทำให้อนาคตของเขาต้องพังทลายเอง ยังมีหน้ามีโทษฉันที่เป็นเหยื่ออีก” เกาซูหัวเราะเยาะ
“ฉัน… ฉันไม่ได้… คือ…” จางเซียวเหม่ยชะเง้อมองไปด้านหลังของเกาซู จู่ ๆ เธอก็หยุดร้องไห้ จากนั้นก็เอ่ยเรียกหญิงที่เดินมาทีหลัง “แม่คะ”
เกาซูหันหลังไปมองก็เหยียดรอยยิ้มพอใจขึ้นมา
หึ เจ้าของบ้านกลับมาแล้วสินะ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทั้งสองคนถึงมายืนอยู่ตรงนี้?” คุณนายจางถาม
จางเซียวเหม่ยรีบพูดขึ้นทันที “คือว่า พี่เกาซูกำลังจะกลับน่ะค่ะ หนูเลยออกมาชวนพี่เขากินข้าวด้วย แต่เชิญยังไงพี่เขาก็ไม่ยอมอยู่ จนหนูเกือบจะร้องไห้อยู่แล้ว” เธอพูดพลางมองเกาซูด้วยแววตาสำนึกผิด
“ขี้แยจริง ๆ เลยเด็กคนนี้ แบบนี้แสดงว่ายังไม่โตสินะ” สายตาของคุณนายจางมองมาที่เกาซู เธอยิ้มแล้วพูดว่า “คุณเกาซูนี่เอง อุตส่าห์มาแล้วทำไมไม่กินข้าวด้วยกันก่อนล่ะคะ มาเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันคงเสียน้ำใจแย่” พูดจบ เธอยังเข้ามาจับมือเกาซูไว้ พร้อมกับส่งสายตาที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ใจออกไป
เกาซูได้แต่ถามตัวเองว่าควรจะดีใจไหมนะ?
ขณะที่เธอกำลังสับสน ด้านหลังของคุณนายจางก็มีหญิงวัยเดียวกันตามมาอีกหลายคน
หญิงวัยกลางคนกลุ่มนั้น รวมถึงเพื่อน ๆ ของจางเซียวเหม่ยที่อยู่ในห้องรับแขกต่างก็แต่งตัวดูมีฐานะ
ท้ายที่สุด เกาซูก็พ่ายแพ้ให้กับสายตาเว้าวอนของคุณนายจาง แม้ว่าลูกจะนิสัยไม่ดี แต่แม่ก็มีความเป็นคนอยู่ เกาซูพยายามมองข้ามความขุ่นเคืองใจที่มีต่อจางเซียวเหม่ย เธอนั่งลงอย่างสบายใจในที่ที่คุณนายจางจัดเตรียมไว้ให้
ในที่สุด จูหว่านหรงก็มาถึง
เมื่อจูหว่านหรงเห็นเกาซู เธอก็รีบเข้ามาทักทายอย่างดีใจ และนั่งลงข้าง ๆ เกาซูทันที ส่วนไฉ่หงที่มาด้วยกันก็ทักทายเกาซูอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“พวกเขาไม่ได้รังแกเธอหรอกใช่ไหม?” จูหว่านหรงกระซิบถามข้างหูเกาซูเบา ๆ
เกาซูส่ายหน้า คิดในใจว่า คนพวกนั้นไม่มีค่าพอให้เธอใส่ใจหรอก
จูหว่านหรงยังพูดอีกว่า “ความจริงฉันก็ไม่อยากมาหรอก แต่พี่เหยาหลี่ยืนกรานให้ฉันมา แถมบอกว่าเธอก็จะมาด้วย กลัวคนอื่นจะรังแกเธอ ฉันถึงได้มานี่ไง” จูหว่านหรงกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ โดยไม่สนใจสายตาคนอื่น
คุณนายจางยิ้ม แล้วพูดว่า “จูหว่านหรงสนิทกับคุณเกาซูมากเลยสินะ?”
“ใช่ค่ะ! ผู้กองมู่กับหลู่ตงเริ่นสนิทกัน ฉันกับเกาซูก็เป็นเพื่อนสนิทกันด้วยค่ะ” จูหว่านหรงตั้งใจถูกถึงมู่อวิ่นเฉิง
ทั้งคุณนายจางและจางเซียวเหม่ยต่างก็หน้าเจื่อนลงทั้งคู่
เมื่อเกาซูจับสังเกตดูดี ๆ ก็ได้รู้ว่า ที่แท้คุณนายจางไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด แต่เพราะเธอเกิดมานาน จึงสามารถซุกซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนต่างหาก
ดูเหมือนว่า ผู้ใหญ่ในตระกูลจางจะสนับสนุนให้ลูกสาวของตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตคู่ของคนอื่นจริงๆ …
ดูเหมือนคุณนายจางจะไม่อยากพูดถึงชื่อของมู่อวิ่นเฉิงอีก เธอจึงเปลี่ยนเรื่องคุย โดยเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้าซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้
ค่อนข้างบังเอิญ ที่วันนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่เลือกใส่เสื้อผ้าที่เกาซูเป็นคนออกแบบ โดยไม่ได้รู้เลยว่า แบบเสื้อผ้าที่พวกเธอชื่นชมกันว่าสวยงามที่สุดในช่วงนี้นั้น แท้จริงแล้วเป็นงานที่ออกแบบโดยคนที่พวกเธอดูถูกดูแคลนว่าเป็นพวกบ้านนอก
คนในเมืองกำลังสวมชุดที่คนบ้านนอกทำ… ช่างน่าขำจริง ๆ
หากพวกเธอรู้ คงจะอ้าปากจนกรามค้างกันแน่!
หญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยแซวไฉ่หงว่า “ปีนี้ร้านของเธอคงทำกำไรได้เยอะเลยสินะ? เสื้อผ้าขายหมดเกลี้ยงทุกรอบเลย!”
“ใช่เลยค่ะ ฉันมีเสื้ออีกสองแบบที่ชอบมาก ตอนนั้นไม่ได้ซื้อ พอมาเห็นคนอื่นใส่แล้วสวย เลยอยากจะซื้อบ้าง แต่ปรากฏว่าหมดแล้วนี่สิ! น่าเสียดายจัง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หญิงสาวหลายคนก็แสดงสีหน้าเสียดายเช่นกัน
“เสื้อโค้ตฤดูหนาวก็ซื้อไม่ทัน! ฉันอุตส่าห์จะขอซื้อต่อจากดารารุ่นพี่ แต่เธอบอกว่า ชุดนั้นเป็นชุดที่เธอชอบที่สุด เลยไม่ยอมขายน่ะ” หลินฮุ่ยฟาง ดาราสาวเอ่ยขึ้นด้วยความเสียดาย
ไฉ่หงยิ้ม “แหม เข้าหน้าร้อนแล้ว ยังจะนึกถึงเสื้อกันหนาวอีก ทำไมไม่สนใจแบบใหม่ล่าสุดล่ะคะ”
“นั่นสิ! จะพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วทำไม… นี่… ผู้จัดการไฉ่คะ ชุดคอลเลคชันถัดไป ฉันขอไปเลือกดูคนแรกได้หรือเปล่า แต่ถ้ามีแบบร่างก็ส่งมาให้ดูก่อนได้ไหม ฉันจะได้สั่งจองเป็นคนแรก ๆ เลยยังไงล่ะคะ” จางเซียวเหม่ยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ไฉ่หงยิ้มแล้วพูดว่า “แหม… เป็นเกียรติจริง ๆ ที่คุณหนูจางอ้อนวอนถึงขนาดนี้ ทั้งที่ใส่ชุดแบรนด์ดังระดับโลกอยู่แท้ ๆ แบบนี้… นิโคล สปินฟอสจะไม่น้อยใจแย่เหรอคะ”
“นิโคล สปินฟอสมันเริ่มตกยุคไปแล้ว ฉันก็แค่ใส่ทิ้งทวนก่อนที่มันจะล่มสลายเท่านั้นแหละ ชุดที่กำลังเป็นที่นิยมตอนนี้ต่างหากที่น่าจับตามอง แถมยังเป็นฝีมือของคนในประเทศอีกต่างหาก เราควรสนับสนุนให้กิจการในประเทศของเราเจริญก้าวหน้าไม่ใช่เหรอคะ”
คำแก้ตัวของจางเซียวเหม่ยฟังดูดีไม่หยอก คำตอบนี้ทำให้ไฉ่หงถึงกับพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ
“ฉันเป็นแค่ผู้จัดการจะไปให้อภิสิทธิ์ใครได้ล่ะคะคุณหนูจาง ทำไมไม่ลองขอกับเจ้าของแบบเองเลยล่ะ ไม่แน่นะ… ถ้าลองพูดดี ๆ ด้วย เธออาจจะเมตตาก็ได้…” ไฉ่หงส่งสายตาไปยังเกาซูซึ่งฟังอย่างเงียบ ๆ
นาทีนั้น เกาซูรู้สึกว่า ไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับคนพวกนี้เลยจริง ๆ
จางเซียวเหม่ยเห็นท่าทีของไฉ่หงแล้วก็เกิดความสงสัย จึงถามขึ้นเป็นคนแรก “ใครคะ? ผู้จัดการไฉ่สนิทกับเธอเหรอ? แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างสิคะ!”
“ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้จักเธอนะ แต่ทุกคนในที่นี้ต่างก็เคยเห็นเธอแล้วทั้งนั้นค่ะ!” ไฉ่หงเอ่ยด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม คำพูดของเธอทำให้สาว ๆ บนโต๊ะอาหารต่างก็ฮือฮากันยกใหญ่
ทุกคนต่างถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใครเหรอ!?” ก่อนจะมองตามสายตาของไฉ่หงไปยังใครคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ… เกาซู!
แต่ทุกคนต่างมองผ่านเกาซูไปที่จูหว่านหรง เพราะไม่มีใครคิดว่าคนคนนั้นจะเป็นเกาซู
“พี่หว่านหรง เป็นพี่เองเหรอ?” เสียงของจางเซียวเหม่ยอ่อนหวานราวกับน้ำผึ้ง
จูหว่านหรงรีบโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน “ไม่ใช่ฉันนะ… ไม่ใช่ฉัน… ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก”
“ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ?” จางเซียวเหม่ยเริ่มกันไปประจบประแจงไฉ่หงอีกครั้ง “ตกลงเป็นใครกันแน่คะผู้จัดการไฉ่!”
ไฉ่หงพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จูหว่านหรง ‘คุณเกาซู’ นั่นแหละค่ะ เสื้อผ้าที่ขายดีที่สุดในร้านของฉันทั้งหมดเป็นฝีมือการออกแบบของเธอ”
จางเซียวเหม่ยหน้าชาขึ้นมาทันที ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินทั้งสิ้น
MANGA DISCUSSION