บทที่ 90 จัดการกับชู้รัก
งานเลี้ยงที่บ้านตระกูลจางวันนี้เงียบเชียบ แขกผู้มาเยือนมีจำนวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสุภาพสตรี
เกาซูมองสำรวจรอบ ๆ พบว่าไม่มีใครที่เธอรู้จักเลยแม้แต่คนเดียว
จูหว่านหรงก็ยังไม่มา แม้แต่คุณหนูจางเซียวเหม่ยเองก็ไม่อยู่ มีเพียงกลุ่มหญิงวัยเดียวกันที่นั่งพูดคุยอย่างสนุกสนาน
ทันทีที่เกาซูก้าวเข้าไปในห้อง ทุกสายตาก็หันมาจับจ้องที่เธอ พวกเธอมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะประเมิน แววตาที่ส่งมานั้นเต็มไปด้วยความดูแคลน
“นี่… เซียวเหม่ยมาหรือยัง?” หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นเอ่ยขึ้น
จากนั้นไม่กี่อึดใจ จางเซียวเหม่ยก็เดินเข้ามาในชุดเดรสสีสวยสะดุดตา เกาซูประเมินจากสายตาแล้ว ชุดนี้คงมีราคาไม่ต่ำกว่า 500 หยวน
จางเซียวเหม่ย สาวสวยวัย 20 ต้น ๆ เชิดหน้าชูคอ ประหนึ่งว่าตนเองคือเจ้าหญิงอย่างไรอย่างนั้น
“เซียวเหม่ย นี่มันชุดของนิโคล สปินฟอสไม่ใช่เหรอ ได้ข่าวว่ามีในประเทศเราแค่ 10 ชุดเท่านั้น เธอคือหนึ่งในนั้นเหรอเนี่ย? สุดยอดจริง ๆ”
“นี่ก็แค่หนึ่งในคอลเลคชันของฉันเท่านั้นแหละ นิโคล สปินฟอสเหรอ… สำหรับฉันก็ถือว่ากลาง ๆ ล่ะนะ… วันนี้ก็แค่วันเกิดแม่ ไม่จำเป็นต้องจัดเต็มนักหรอก”
คำพูดโอ้อวดของจางเซียวเหม่ยทำให้เพื่อน ๆ ต่างก็มองหน้ากันด้วยสายาไม่พอใจ หากเธอไม่ร่ำรวยแบบนี้ จะมีใครอยากคบด้วยอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อเบื่อจะฟังจางเซียวเหม่ยยกยอฐานะตนเอง หญิงสาวหนึ่งในกลุ่มก็เปลี่ยนเรื่องทันที โดยเบี่ยงสายตามายังเกาซูแทน
“เซียวเหม่ย เธอมาก็ดีแล้ว… บอกให้คนรับใช้ของเธอมาเก็บจานบนโต๊ะให้หน่อยสิ พวกเราอยากเล่นไพ่กันน่ะ”
เกาซูเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองมาแล้วก็อดงุนงงไม่ได้
สาวใช้? ผู้หญิงคนนี้หมายถึงเธอย่างนั้นเหรอ?
จางเซียวเหม่ยหันมามองตาม เมื่อพบว่าคนที่เพื่อน ๆ กล่าวถึงคือเกาซูก็หน้าเจื่อนลงถนัดตา เพราะสภาพของเกาซูในตอนนี้ ดูอย่างไรก็คือคนใช้ดี ๆ นี่เอง
เธออายเกินกว่าจะพูดอะไรออกไปได้ หากเพื่อน ๆ รู้ว่าเกาซูก็คือหนึ่งในแขกที่มาร่วมงานในวันนี้ เธอคงโดนนินทาไปจนตายแน่
“เอ่อ… คือ…”
จางเซียวเหม่ยไม่กล้าอธิบายว่าเกาซูไม่ใช่แม่บ้าน และไม่ได้แนะนำว่าเธอเป็นใคร
ยังไม่ทันที่จางเซียวเหม่ยจะได้เอ่ยอะไร หญิงสาวอีกคนก็ตะโกนขึ้น “นี่! สาวใช้บ้านเธอนี่หยิ่งจริง ๆ นะ เรียกก็ไม่ขานรับสักที”
หญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ ชี้นิ้วไปที่เกาซูอย่างตรงไปตรงมา “เราพูดกับเธออยู่นะ! หูหนวกเป็นใบ้หรือไงยะ? ยังอยากทำงานอยู่หรือเปล่า?”
จางเซียวเหม่ยรีบเข้ามาห้าม เธอทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไว้กลางคัน “พอเถอะ… พวกเธอ…”
แต่เธอกลับไม่พูดต่อ!
“พอเถอะอะไรกัน? คิดจะปล่อยให้แม่บ้านเชิดหน้าชูคอแบบนี้น่ะเหรอ?”
หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นเพื่อปกป้องจางเซียวเหม่ย “เซียวเหม่ย เธอใจดีเกินไปแล้วนะ! แม้แต่สาวใช้เธอยังไม่กล้าเรียกใช้งานเหรอ!”
“นั่นสิ! ถ้าทนไม่ได้ก็ไล่ออกไปเลย เธอร่ำรวยจะตาย จะหาสาวใช้ที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องมาทนจ้างคนขี้เกียจแบบนี้ด้วยล่ะ!” หญิงสาวอีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
แต่จางเซียวเหม่ยก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ยอมอธิบายอะไร เธอมองไปที่เกาซูด้วยแววตาเยาะเย้ยอย่างสะใจ ราวกับกับถากถางเกาซูว่า ‘เห็นไหมล่ะ คนอย่างเธอไม่เหมาะกับมู่อวิ่นเฉิงหรอก’
ในใจลึก ๆ เกาซูไม่อยากมีเรื่องกับหญิงสาวกลุ่มนี้เลย ไม่อย่างไรเธอก็จะเป็นภรรยาของมู่อวิ่นเฉิง เธอหวังดีกับเขา จะไปเป็นศัตรูกับภรรยาในอนาคตของเขาได้อย่างไร?
แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวพวกนี้จะไม่รู้จักประมาณตน
เกาซูไม่ยี่หระสายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนเหล่านั้น เธอยิ้มบาง ๆ แล้วเดินตรงเข้าไปหากลุ่มคนเบื้องหน้า “คิดว่าฉันเป็นสาวใช้งั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่ใช่แล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?” หญิงสาวกลุ่มนั้นตอบกลับทันควันโดยไม่ลังเล
คนทั่วไป เมื่อโดนถามกลับว่า ‘คิดว่าฉันเป็นสาวใช้งั้นเหรอ?’ ก็จะพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่สาวใช้อย่างที่คิด อย่างน้อยก็ต้องแสดงอาการสับสนบ้าง แต่คนพวกนี้จงใจจะแกล้งเธอ
เกาซูหันไปเผชิญหน้ากับจางเซียวเหม่ย “ขอถามหน่อยสิ ฉันเป็นแม่บ้านของบ้านเธอเหรอ?”
จางเซียวเหม่ยถูกจ้องมองจนหน้าแดงก่ำ “มะ… ไม่ใช่…”
หญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ รีบเข้ามาปกป้องจางเซียวเหม่ยทันที เธอหันมาต่อว่าเกาซู “ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไปสิ จะมาคาดคั้นเพื่อนฉันด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?”
จางเซียวเหม่ยทำท่าทางน่าสงสาร ดวงตาของเธอแดงก่ำ น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลรินออกมา
เกาซูรู้สึกขบขัน ตอนนี้มู่อวิ่นเฉิงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอจะมาทำท่าทางน่าสงสารให้ใครดูกัน?
เกาซูวางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะ แล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ฉันได้รับมอบหมายจากมู่อวิ่นเฉิงให้เอาของขวัญมาแสดงความยินดี แต่ในเมื่อพวกเธอดูถูกว่าฉันเป็นคนบ้านนอก งั้นฉันก็จะวางของไว้ตรงนี้แล้วขอตัวกลับก่อนล่ะ ฉันจะไปบอกเขาว่าพวกเธอไม่ต้อนรับคนบ้านนอกอย่างเรา คงไม่สนใจของขวัญที่เขาให้หรอก!”
“เธอ… เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?!” จางเซียวเหม่ยร้อนรนขึ้นมาทันที
เกาซูไม่สนใจเธอ ทำเพียงหมุนตัวเดินออกจากบ้านตระกูลจางไป
จางเซียวเหม่ยรีบวิ่งตามออกมาอย่างร้อนใจ “เดี๋ยวก่อน!”
เกาซูหันกลับมายิ้มอย่างใจเย็น “มีอะไรอีกเหรอ? มีอะไรจะฝากบอกมู่อวิ่นเฉิงก็บอกมา ฉันจะได้เอาไปบอกเขาให้”
“เมื่อกี้เธอพูดบ้าอะไร? ใครรังเกียจพี่เฉิง ฉันรังเกียจเธอต่างหาก!” จางเซียวเหม่ยร้อนใจจนเก็บอาการไม่อยู่
“อ้อเหรอ?” เกาซูยิ้ม “งั้นฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าเธอรังเกียจฉันเพราะดูถูกที่ฉันมันเป็นคนบ้านนอก ดูไม่มีอะไรเลย แบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับดูถูกมู่อวิ่นเฉิงหรอก ทำไมน่ะเหรอ… ก็เพราะเขากับฉันเหมือนกันทุกอย่างน่ะสิ… ไม่ว่าจะเกิดที่บ้านนอก ฐานะไม่ได้ร่ำรวย กระทั่งการศึกษาไม่สูง ทั้งหมดนี้คือเขา เป็นไงล่ะ รู้สึกหรือยัง ว่าเธอกับเขาไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักอย่าง ฉันต่างหากที่เหมาะสมกับเขา!”
“เธอ… เธอมันไร้ยางอาย!” ใบหน้าของจางเซียวเหม่ยแดงก่ำ “แล้วยังไงล่ะ ต่อให้เขาไม่ได้สูงส่ง แต่ฉันนี่แหละที่จะฉุดเขาขึ้นมาเอง เขาจะต้องเป็นของฉัน เพราะเขารักฉันยังไงล่ะ!”
“จริงเหรอ?” เกาซูค้นในกระเป๋าแล้วหยิบกระดาษขาวที่ถูกพับเป็นแผ่นเล็กออกมา “ลืมไปเลยว่าฉันมาที่นี่ทำไม… เจ้านี่น่ะ เธอเป็นแนบมันไว้ในหนังสือใช่ไหม?”
จางเซียวเหม่ยจ้องมองเกาซู แล้วแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย “เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ? ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่พี่เฉิงเขียนให้ฉันยังไงล่ะ!”
เกาซูกระตุกยิ้มเล็กน้อย เธอเก็บกระดาษจดหมายกลับเข้าไปในกระเป๋า “ขอบคุณนะ! พอดีเลย ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจัดการกับชู้รักยังไง ถ้าเธออยากได้เขาก็เอาไปเถอะ แต่ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย คิดจะแย่งสามีคนอื่น ก็รับผลที่ตามมาให้ได้ ฉันจะเอาจดหมายฉบับนี้ไปให้มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ มาดูกันเถอะว่า หากทางมหาวิทยาลัยรู้แล้ว เขาจัดการกับเธอยังไง ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าพ่อของเธอจะใช้เงินช่วยได้ไหม”
คราวนี้สีหน้าของจางเซียวเหม่ยซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด “เธอ… เธอกล้าทำแบบนั้นเหรอ! ฉัน… ฉันจะไปบอกพี่เฉิง… ให้เขา… จัดการเธอ!”
MANGA DISCUSSION