บทที่ 82 น้องสาว?
“อะไรนะ?” มู่อวิ่นเฉิงไม่เข้าใจความหมายของเธอ
“ฮึ!” เกาซูส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออีกครั้ง เธอมองดูท่อนบนของเขาที่ดูเหมือนจะไม่เป็นไร จึงอยากเปิดผ้าห่มดูว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่
มือของเธอเพิ่งแตะผ้าห่ม ก็ถูกมู่อวิ่นเฉิงจับไว้
“ทำอะไรน่ะ? มีคนอยู่เยอะแยะ!” มู่อวิ่นเฉิงดุเบา ๆ
“คุณคิดอะไรอยู่น่ะ? ฉันแค่อยากดูว่าคุณบาดเจ็บตรงไหนอีกไหมเท่านั้นเอง!”
เขามองเธอเป็นคนชอบลวนลามผู้ชายหรือยังไง?
มู่อวิ่นเฉิงยังกดผ้าห่มไว้ “ไม่เป็นไร แค่เจ็บขานิดหน่อย”
มู่อวิ่นเฉิงรู้สึกหดหู่ใจ เขาคิดถึงคำพูดของผู้บัญชาการที่บอกว่า “ไอ้หมอนี่ขาเจ็บแล้ว คงไม่วิ่งเพ่นพ่านไปไหนมาไหนแล้วล่ะ รักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วค่อยกลับมา!”
เขาจะต้องพักรักษาตัวนานแค่ไหนกันนะ?
เกาซูไม่ยอมแพ้ เธอยังคงพยายามจะเปิดผ้าห่มดู “ฉันจะดูให้ได้!”
“เธอไม่ใช่หมอ จะดูทำไม?” มู่อวิ่นเฉิงพูด แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือ
เกาซูมองดูต้นขาของเขาที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล ขาขวาถูกใส่เฝือก ส่วนแผลที่หน้าท้องจากครั้งก่อนก็กลายเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ ทันใดนั้น น้ำตาก็เอ่อคลอหน่วยตา เธอใช้มือสัมผัสแผลเบา ๆ อย่างระมัดระวัง “เจ็บไหม?”
“ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าไม่ให้ดู พอดูแล้วก็ร้องไห้ แบบนี้มันตลกไหมล่ะ” มู่อวิ่นเฉิงดึงผ้าห่มกลับมาคลุมขาตัวเองอีกครั้ง
“ก็ฉันห่วงคุณนี่!”
มู่อวิ่นเฉิงไม่กล้ามองเธอเลย เขาทำได้แค่เบี่ยงหน้าหนี แล้วพูดสั้น ๆ ว่า “ดื้อ!”
“กินข้าวเช้าไหม? หมอไม่ได้ห้ามกินอะไรใช่หรือเปล่า?” เกาซูถาม
“อืม” มู่อวิ่นเฉิงพยักหน้า
เกาซูโน้มตัวเข้าไปใกล้ กระซิบบอกข้างหูเขาเบา ๆ “ห้ามกินของคนอื่นนะ! กินได้แต่ของฉันเท่านั้น!”
มู่อวิ่นเฉิงมองเธออย่างงุนงง “เธอกำลังพูดถึงอะไร?”
“ฮึ!” เกาซูทำเสียงในลำคอ “ฉันพูดเรื่องจริง ฉันเห็นหมดแล้วนะ! คุณคุยกับผู้หญิงคนนั้นซะดิบดีเลย!”
“เธอเห็นอะไรมาถึงได้พูดจาไร้สาระแบบนี้?”
เกาซูไม่อยากจะโต้เถียงกับมู่อวิ่นเฉิงเรื่องคนอื่นแล้ว โดยเฉพาะในตอนที่เขาบาดเจ็บแบบนี้ เธอจึงเลือกที่จะเงียบไป แล้วเริ่มแกะอาหารเช้าที่เตรียมมา จัดวางลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ
คุณป้าที่นอนเตียงข้าง ๆ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หนูมาจากบ้านนอกเหรอจ๊ะ?”
“ค่ะ!” เกาซูยิ้มตอบอย่างไม่เหนียมอาย พลางตักโจ๊กร้อน ๆ ใส่ถ้วย
“คนบ้านนอกนี่จริงใจนะ และมีน้ำใจมากจริง ๆ” คุณป้าเอ่ยชม แล้วถามต่อว่าเธอมาจากหมู่บ้านไหน
เกาซูตอบคำถามไปพลางเป่าโจ๊กในถ้วยให้เย็นลง แล้วยื่นช้อนให้มู่อวิ่นเฉิง
“ฉันกินเองได้” มู่อวิ่นเฉิงพูด มือของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาสามารถดูแลตัวเองได้
แต่เกาซูไม่ยอม เธอยื่นช้อนที่มีโจ๊กไปจ่อที่ริมฝีปากเขาอย่างดื้อรั้น
มู่อวิ่นเฉิงจึงมองหน้าเธอตาปริบ ๆ
“อ้าปากสิ! ไม่ร้อนแล้ว” เกาซูยืนยัน พลางเม้มปากแน่น
“เธอนี่มัน…” เขาถอนหายใจแล้วยอมตามใจเธอ
ในที่สุด เกาซูก็ป้อนโจ๊กชามนี้ให้เขาจนหมด ไข่ก็ปอกเปลือกแล้วป้อนให้เขากิน ส่วนซาลาเปาเนื้อเขากินไปแค่ลูกเดียว เกาซูกินเองอีกหนึ่งลูก
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เกาซูก็เก็บข้าวของ
“กินซาลาเปาแค่ลูกเดียวเองเหรอ? แค่นั้นมันอิ่มที่ไหน” มู่อวิ่นเฉิงถาม “ในตู้เย็นมีผลไม้ และนมผงด้วยนะ”
“ฉันอิ่มแล้ว!” เกาซูตอบเสียงแข็ง พร้อมกับจ้องมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
ไม่ใช่ว่าเธอระแวงจนเกินเหตุ แต่สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกว่า หญิงสาวที่มาเยี่ยมมู่อวิ่นเฉิงเมื่อเช้านี้ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ!
ผลไม้และนมผงพวกนั้น คงเป็นของที่ผู้หญิงคนนั้นซื้อมาให้สินะ? ไม่มีทางที่เธอจะกินมันเด็ดขาด!
มู่อวิ่นเฉิงมองตาเธอ ก็รู้ทันทีว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “นมผงนั่น พี่สาวของหลู่ตงเริ่นเป็นคนซื้อมาให้”
“อ้อ!” เกาซูร้องเสียงหลง “งั้น… ฉันจะไปล้างจานก่อนนะ!”
ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ เกาซูแวะไปหาหมอเพื่อสอบถามอาการของมู่อวิ่นเฉิง
หมอและพยาบาลเพิ่งจะรู้ว่า เธอคือคนรักของเขา
เกาซูรู้สึกได้ถึงสายตาของพยาบาลหลายคนที่มองมายังเธอ ราวกับว่าเธอเป็นตัวประหลาด แววตาของพวกเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หมอรีบอธิบายอาการของมู่อวิ่นเฉิงให้เธอฟังอย่างละเอียด
บาดแผลภายนอกของมู่อวิ่นเฉิงครั้งนี้ไม่น่าเป็นห่วง ขามีบาดแผลค่อนข้างสาหัสและกระดูกหัก ต้องพักฟื้นไปอีกนาน แต่เลือดที่คั่งในสมองจากบาดแผลเก่าครั้งก่อนยังไม่สลายไป ทำให้มีอาการปวดหัวบ่อยครั้ง คราวนี้จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ก่อน จึงจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
เกาซูได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งอก
ฟังดูแล้วไม่น่าจะร้ายแรงเท่าไรนัก
เธอขอบคุณหมอแล้วเดินต่อไปที่ห้องน้ำ นาทีนั้น เธอก็บังเอิญได้ยินเสียงพยาบาลนินทาใครบางคนลอยแว่ว ๆ มา
“ทำไมภรรยาของผู้กองมู่ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”
“ไม่น่าใช่นะ ฉันนึกว่าผู้หญิงที่มาเยี่ยมผู้กองมู่ทุกวันเป็นภรรยาของเขาเสียอีก!”
“ใช่แล้ว ฉันก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น ฉันจำได้ว่าใครพูดนะ มีคนเคยบอกว่าเธอเป็นคู่ของผู้กองมู่ไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงมีอีกคนโผล่มาล่ะ?”
“ดูเหมือนคนนี้จะมาจากบ้านนอกด้วยแหละ!”
เกาซูไม่ได้ฟังต่อ เธอเดินตรงไปที่ห้องน้ำทันที
ในห้องน้ำ เธอก็บังเอิญเจอกับคุณป้าที่นอนเตียงข้าง ๆ กำลังล้างจานอยู่ คุณป้าเห็นเธอ ก็ยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะคุณป้า” เกาซูยิ้มทักทาย
คุณป้าถามด้วยความอยากรู้ “หนูเป็น… น้องสาวของผู้กองมู่เหรอ?”
“…”
น้องสาว?
คิดแล้วก็น่าโมโห เกาซูได้แต่สงสัยในใจ มู่อวิ่นเฉิงแนะนำเธอแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?
เกาซูกำลังคิดว่าจะอธิบายกับคุณป้ายังไงดีว่าเธอไม่ใช่น้องสาว แต่เป็นภรรยาของเขา คุณป้าก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ผู้กองมู่ย้ายมารักษาตัวที่นี่หลายวันแล้ว ที่บ้านของหนูไม่รู้เลยเหรอ?”
“ค่ะ!” เกาซูตอบพร้อมรอยยิ้มฝืน ๆ แต่ในใจเธอ กำลังกัดฟันกรอด ๆ เก่งมากนะมู่อวิ่นเฉิง! ย้ายมารักษาตัวตั้งหลายวันแล้ว! พยาบาลก็บอกว่ามีคนมาดูแลเขาแทบทุกวัน!
แม่นั่นคงจะสัมผัสไปถึงไหนต่อไหนแล้วสิ!
มีญาติคนไข้อีกหลายคนเข้ามาล้างจานในห้องน้ำ เกาซูเลยไม่กล้าพูดอะไรอีก เธอล้างจานเสร็จแล้วก็หันไปพูดกับคุณป้า “หนูขอตัวก่อนนะคะ” จากนั้นก็ถือจานกลับห้องพักผู้ป่วยไป
ทว่าเกาซูเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินคนในห้องน้ำถามว่าเธอเป็นใคร
คุณป้าก็แนะนำอย่างกระตือรือร้นว่าเธอเป็นน้องสาวของผู้กองมู่ เตียงที่ 3
ได้ยินแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด เกาซูเดินกระทืบตึงตังเข้ามา ก่อนจะยืนมองเขาอยู่พักใหญ่
นี่เป็นห้องผู้ป่วยขนาดใหญ่ มีผู้ป่วยอยู่รวมกัน 8 เตียง
สิ่งแรกที่เกาซูทำหลังจากกลับเข้าห้องผู้ป่วยคือนำผลไม้ทั้งหมดออกมาจากตู้ เธอยิ้มแย้มแจ่มใสแบ่งผลไม้ทั้งถุงออกไป วางบนโต๊ะของผู้ป่วยคนละ 2 ถึง 3 ลูก พร้อมกับพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ไม่ต้องเกรงใจนะคะ! พวกเราซื้อมาเยอะมากค่ะ!”
คุณป้ายังคงคุยต่อไปอย่างออกรส “อยู่ห้องเดียวกันก็ถือว่ามีวาสนาต่อกันแล้ว พวกเราเหมือนครอบครัวเดียวกัน ช่วยเหลือกันไป อย่าเกรงใจกันเลยนะจ๊ะ!”
เกาซูแสดงมารยาททางสังคมอย่างเต็มที่ พร้อมกับแจกผลไม้ในตะกร้าให้กับผู้ป่วยและญาติ ๆ จนหมดเกลี้ยง
เธอกลับมานั่งข้างมู่อวิ่นเฉิง มือเปล่า
มู่อวิ่นเฉิงมองเธอด้วยสีหน้างุนงง
เกาซูมองดูน้ำเกลือที่กำลังหยดลงมาทีละหยด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เป็นอะไรเหรอ? อยากกินผลไม้หรือเปล่า? เดี๋ยวฉันไปซื้อให้”
“ไม่อยาก” มู่อวิ่นเฉิงตอบ
เกาซูจ้องมองเขา “แล้วทำไมต้องมองฉันแบบนั้น? ไม่พอใจเหรอ? เสียดายผลไม้นั่นหรือไง?”
MANGA DISCUSSION