บทที่ 8 พิสูจน์ไหมล่ะ
เมื่อราตรีมาเยือน ทั้งหมู่บ้านล้วนตกอยู่ในความเงียบสงัด
ได้เวลาเข้านอนแล้ว แต่มู่อวิ่นเฉิงก็ยังไม่เข้ามาในห้องสักที
เกาซู นอนพลิกกายไปพลิกมาด้วยความกระวนกระวายใจ คิดไม่ตกว่ามู่เฟินจะไปพูดอะไรกับมู่อวิ่นเฉิงเกี่ยวกับเรื่องที่เห็นปานบนหน้าอกของเธอหรือไม่
ยิ่งคิด เกาซูก็ยิ่งทนไม่ไหว เธอจึงลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ห้องของมู่เฟินและแนบหูฟังที่หน้าประตู
เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมา เป็นเสียงของมู่เฟินจริง ๆ!
“เสี่ยวเฉิง แม่ว่าเรื่องที่ไอ้หวงเทามันพูด มันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ อย่าปิดบังแม่เลย ลูกไม่รู้เหรอว่า เมียตัวเองมีปานหรือไม่มี?”
“…”
มู่อวิ่นเฉิงไม่ตอบ
แน่นอนสิ! เกาซูคิดในใจ เขายังไม่เคยแตะต้องตัวเธอเลยสักครั้ง แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอมีปานหรือไม่มี?
“นี่แม่ยังไม่ได้พูดอะไรต่อนะ! ต่อหน้าคนอื่น ลูกจะปกป้องชื่อเสียงของครอบครัว ต่อยไอ้หวงเทาจนมันไม่กล้าพูดอะไรก็ย่อมได้ แต่เรื่องแบบนี้ เราแม่ลูกเปิดอกคุยกันเองได้ ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องปิดบังหรอกนะ” มู่เฟินยังคงพยายามคะยั้นคะยอต่อ “แม่แอบไปดูมาแล้ว เกาซูมีปานจริง ๆ ถ้าไม่ได้มีอะไรกับไอ้หวงเทา แล้วมันจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“แม่ พอได้แล้ว!” มู่อวิ่นเฉิงตัดบทเสียงเย็นชา
“เรื่องแบบนี้จะให้แม่เงียบได้ยังไง! ตอนที่ลูกอยู่บ้าน พวกนั้นไม่กล้าพูดจาเลอะเทอะ แต่ถ้าลูกไม่อยู่ล่ะ? แม่กับพ่อไม่โดนคนอื่นนินทาลับหลังจนหน้ามุดดินหรอกเหรอ!”
มู่อวิ่นเฉิงนิ่งเงียบไปอีกครั้ง
“พูดอะไรบ้างสิ! จะทนต่อไปไม่ได้นะ! มีเมียแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับรับผีเข้าบ้าน คนอะไรช่างเอาแต่ใจ วัน ๆ เอาแต่ทุบหม้อข้าว ด่าทอคนโน้นคนนี้ พวกเราพยายามอดทนกันมาเพราะลูกไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่เรื่องนี้มันร้ายแรงเกินไป! สมัยก่อน ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็ต้องโดนจับถ่วงน้ำตายเลยเชียว!”
“…”
ไม่ว่ามู่เฟินจะพูดอย่างไร มู่อวิ่นเฉิงก็เอาแต่เงียบ กระทั่งผู้เป็นแม่เอ่ยประโยคแทงใจดำขึ้นมาอีกครั้ง “ลูกยังไม่รู้อีกเหรอ? ตอนไปดูตัวน่ะ เกาซูเธอไม่ชอบลูกด้วยซ้ำ เธอชอบผู้ชายหน้าหวาน ผิวขาวแบบไอ้หวงเทามากกว่า ถึงไอ้หวงเทามันจะเลว รูปร่างจะดูท้วม แต่หน้าตามันก็ใช้ได้อยู่นะ เกาซูก็เลย…”
ไม่รู้ว่าประโยคนี้ไปสะกิดต่อมอะไรในใจของมู่อวิ่นเฉิง ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากพูดออกมา แต่เป็นประโยคสั้น ๆ ว่า “แม่ พอได้แล้ว!” ก่อนจะมีเสียงเก้าอี้จะล้มตึง และเสียงฝีทางกำลังมุ่งหน้ามาทางประตู
เขากำลังจะออกมา!
เกาซูรีบวิ่งกลับเข้าห้อง ขึ้นไปนอนบนเตียง ความรู้สึกน้อยใจและเสียใจตีรวนอยู่ภายในอก สิ่งที่มู่เฟินพูดออกมา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น เธอไม่เคยชอบมู่อวิ่นเฉิง และยังชอบผู้ชายหน้าตาดี แต่ตอนนั้นมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ในตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว…
ในตอนแรกที่ได้ยิน เกาซูก็เคืองกับคำพูดของแม่สามีจริง ๆ แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ เธอก็ไม่ได้โกรธที่มู่เฟินพูดแบบนั้นแล้ว
มู่เฟินเป็นแค่หญิงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นคนหัวอ่อน เชื่อคนง่าย และเพราะความอ่อนโยนของเธอ จึงทำให้ชาติที่แล้ว เกาซูสามารถทำอะไรตามใจชอบในบ้านได้โดยไม่โดนต่อว่า แม้กระทั่งตอนที่มู่อวิ่นเฉิงเขียนพินัยกรรมยกเงินชดเชยทั้งหมดให้เธอ มู่เฟินก็ไม่ได้ออกมาโวยวาย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น…
เกาซูแค่คิดว่า ชาติที่แล้ว เธอใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลมู่อย่างสุขสบาย เกาซูก็ไม่คิดถือโทษโกรธเคืองมู่เฟินกับคำพูดร้าย ๆ เหล่านั้นเลย อีกอย่าง สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง วันเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่า ใครกันแน่ที่จริงใจกับเธอ เพียงแต่ตอนนี้ เกาซูต้องทำให้แน่ใจว่า มู่อวิ่นเฉิงคิดอย่างไรกับเรื่องนี้…
แกร็ก! เสียงเปิดประตูดังขึ้น ในขณะที่เกาซูกำลังครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ
ตอนแรกหญิงสาวได้แต่คาดเดาว่า คืนนี้ มู่อวิ่นเฉิงจะไปนอนกับจงอี้ที่ห้องข้าง ๆ หรือว่าเขาจะมาเคลียร์ใจกับเธอเรื่องหย่า
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เธอจะไม่ยอมตกเป็นแพะรับบาปของเรื่องนี้อย่างแน่นอน…
แต่แล้ว… มู่อวิ่นเฉิงก็เดินเข้ามาในห้อง ปูฟูกนอนบนพื้นเช่นเดียวกับคืนก่อนหน้า
เขาไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรเธอเลย ทั้งยังทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันยิ่งสร้างความกระวนกระวายให้กับเกาซู จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจ
เขาคิดอะไร อยากจะพูดอะไร ทำไมไม่มาถามกับเธอตรง ๆ ทำไมจะต้องเก็บเงียบไม่พูดไม่จาแบบนี้ด้วย
หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นถามเขาในความมืดว่า “นี่คุณ… ไม่เชื่อใจฉันใช่ไหม?”
“…”
ความเงียบของเขาคือคำตอบอย่างนั้นเหรอ?
เกาซูกัดริมฝีปากแน่น ลุ้นระทึกอยู่นาน
แต่จนแล้วจนรอด อีกฝ่ายก็ยังนิ่งเฉยไม่ไหวติง เธอจึงลงจากเตียงแล้วเปิดไฟถามอย่างคาดคั้น “ฉันถามก็ตอบมาสิ! คุณไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ?”
เวลานี้ ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำ เคล้ากับเสียงสั่นเครือด้วยความน้อยใจ
มู่อวิ่นเฉิงมองภรรยาตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย นัยน์ตาสีนิล มันช่างยากจะคาดเดาความรู้สึกที่แท้จริงของชายหนุ่ม
เกาซูตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน เธอกระชากเสื้อของตัวเองออก กระดุมหลุดร่วงกระจายไปคนละทิศละทาง และเม็ดหนึ่งก็กระเด็นไปโดนหน้าของมู่อวิ่นเฉิง
ตอนนี้ สัดส่วนเรือนร่างของเกาซู ปรากฏสู่สายตาของเขาอย่างชัดเจน
“ดูนี่สิมู่อวิ่นเฉิง! ฉันมีไฝอยู่จริง ๆ เหมือนกับที่ไอ้หวงเทามันพูด คุณคิดว่าฉันไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นจริง ๆ ใช่ไหม?” ดวงตาของเกาซูฉายแววตัดพ้อ
ในที่สุด มู่อวิ่นเฉิงก็เสียอาการ เขารีบเบือนหน้าหนี คว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอไว้อย่างรวดเร็ว “อย่าเล่นแบบนี้ นอนได้แล้ว!”
“ไม่นอน! ถ้าคืนนี้ฉันไม่ได้คุยกับคุณให้รู้เรื่อง ฉันจะไม่นอน”
เพราะการกระทำของมู่อวิ่นเฉิง ทำให้ตอนนี้ ร่างกายของเกาซูถูกห่อหุ้มอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเขา ร่างกายทั้งคู่แนบชิดราวกับจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
กว่ามู่อวิ่นเฉิงจะรู้ตัว ทุกอย่างก็สายเกินแก้แล้ว
เกาซูใช้โอกาสนี้ขยับเข้าหาอีกฝ่าย เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ จนริมฝีปากแนบชิดข้างหู ก่อนจะกระซิบอย่างแผ่วเบา “ฉันพิสูจน์ได้นะว่า ฉันกับไอ้หวงเทาไม่ได้มีอะไรกัน ฉันสะอาดบริสุทธิ์ มู่อวิ่นเฉิง… มาพิสูจน์ดูสิ”
ริมฝีปากนุ่มนิ่มของเกาซู คลอเคลียอยู่ข้างใบหูของชายตรงหน้า ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดอยู่ที่ซอกคอเขา ทำให้ร่างกำยำของมู่อวิ่นเฉิงถึงกับแข็งเกร็งขึ้นมาในทันที
“เกาซู! อย่าเล่นแบบนี้!” เขาสั่งเสียงต่ำ
แต่เกาซูไม่ตอบ เธอสอดแขนโอบรอบเอวสอบของเขาอย่างยั่วยวน แม้จะถูกเสื้อผ้าหลายชั้นกั้นกลาง แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่อยู่ใต้ฝ่ามือ
“อย่าหาเรื่องใส่ตัวนะ!” มู่อวิ่นเฉิงคว้าข้อมือของภรรยาเอาไว้แน่น พลางจ้องหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง? จะให้ฉันพิสูจน์ตัวเองยังไง? แม่ก็ไม่เชื่อฉันแล้ว ถ้าแม้แต่คุณก็ไม่เชื่อ แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน? ตอนนี้… ฉันทำได้แค่ให้คุณลองพิสูจน์ร่างกายของฉันเท่านั้น” เธอพูดพลางทำทีสะอื้นไห้น่าสงสาร ปลายจมูกแดงก่ำ คิ้ว ตา แก้ม ทุกอย่างล้วนแต่งแต้มด้วยสีชมพูระเรื่อ ราวกับดอกท้อที่ถูกลมฝนซัดกระหน่ำ บอบบางราวกับจะแหลกสลายลงตรงหน้า
ชายหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ คนแข็งกร้าวไม่รู้จักโอนอ่อนให้ใครอย่างเกาซูน่ะหรือกำลังร้องไห้? ไม่ว่าจะมองอย่างไร เธอคนนี้ก็กำลังแสดงละครอยู่ชัด ๆ!
มู่อวิ่นเฉิงเกือบจะหลุดขำออกมาอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงสีหน้าเคร่งขรึมเอาไว้ได้ ก่อนจะเอ่ยเสียบเรียบ “เกาซู ไม่นึกเลยนะว่าตอนกลางวันต่อปากต่อคำกับชาวบ้านได้ขนาดนั้น แต่พอตกดึกจะอ่อนแอแบบนี้”
เกาซูเบิกตากว้างตะลึงงันกับสิ่งที่สามีพูด
“ว่ายังไงนะ!?”
MANGA DISCUSSION