บทที่ 77 เห็นเพชรในโคลน
เป่าเจียงซานรีบเขี่ยเสื้อผ้าเหล่านั้นลงพื้นพลางยิ้มประจบ “ของพวกนี้เป็นสินค้าตำหนิของโรงงานเรา ไม่น่าดูเอาซะเลย! ไม่ต้องดูหรอกครับ ดูไปก็เสียสายตา!”
ฟู่จิงซือก็เสริมขึ้นมา “ใช่แล้ว! ของแบบนั้นไม่ควรเอามาวางโชว์ให้อุจาดตา เป็นฝีมือของป้า ๆ จากชนบทที่มาทำงานในโรงงานเราชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีใครสนใจหรอก! ดูพวกนี้สิ นี่คือสินค้าคุณภาพเยี่ยมของโรงงานเราครับ เป็นแบบที่ขายดีที่สุดในงานนี้เลย!”
“จริงเหรอ?” หลู่เหยาหลี่ถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ!” ฟู่จิงซือตบกองใบสั่งซื้อบนโต๊ะให้พวกเธอดู “ดูสิครับ! ดูสิ! คุณไม่เชื่อที่พวกเราพูด แต่ยอดสั่งซื้อมันไม่โกหกหรอกนะ”
หลู่เหยาหลี่พยักหน้า “อืม จะว่าเยอะก็เยอะอยู่นะ”
เป่าเจียงซานดีใจมาก “ใช่ไหมล่ะครับ ดังนั้น…”
“ดังนั้น… ฉันไม่เอาด้วยหรอก” หลู่เหยาหลี่พูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ
“อะ… อะไรนะ?” เป่าเจียงซานงุนงงกับเหตุผลนี้ชั่วขณะ เพราะได้รับความนิยมมาก จึงไม่เอาอย่างนั้นเหรอ? ห้างนี้ไม่อยากทำเงินแล้วหรือไง?
“ใช่แล้ว” หลู่เหยาหลี่ตอบ “ฉันอยากได้อะไรที่แตกต่าง ดังนั้น ฉันอยากดูต้นแบบของเจ้าพวกนี้”
สิ่งที่หลู่เหยาหลี่ชี้ คือตัวอย่างเสื้อผ้าของเกาซูที่ถูกโยนลงบนพื้น
“นี่… มันคือของที่เกิดจากความผิดพลาด จะเอาไปขายได้ยังไง!” เป่าเจียงซานคัดค้านอย่างเดียว
จริง ๆ แล้วผู้จัดการโรงงานจิ้งและผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยอยากช่วยเกาซู แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะนำเสื้อผ้าเหล่านี้ออกมาให้คนดู เพราะมันไม่สวยจริง ๆ
มู่เยี่ยนฟางและตู้เหลียงมีความมั่นใจอยู่ลึก ๆ พวกเขาเก็บเสื้อผ้าจากใต้โต๊ะขึ้นมาแสดงบนโต๊ะ เป่าเจียงซานและฟู่จิงซือยังพยายามขัดขวาง แต่ถูกหลู่เหยาหลี่ห้ามไว้
“เดี๋ยวก่อน!” หลู่เหยาหลี่กดเสื้อผ้าเหล่านี้ไว้ รอยยิ้มของเธอดูมั่นใจมาก “ฉันอยากดูเสื้อผ้าพวกนี้แหละ”
“นี่มัน…” เป่าเจียงซานอยากขัดขวาง แต่ก็จนใจแล้ว
หลู่เหยาหลี่คลี่เสื้อผ้าแต่ละชิ้นออกมาดูอย่างละเอียด แล้วขมวดคิ้วแน่น
เป่าเจียงซานเห็นท่าทางแบบนั้น ก็สะกิดเธออีกครั้ง “เห็นไหมล่ะ? ผมบอกแล้วว่าเสื้อผ้าพวกนี้มันไม่ได้เรื่อง! ใช้ไม่ได้จริง ๆ! มันทำลายศีลธรรมอันดีงามของประเทศเรานะ!”
หลู่เหยาหลี่วางเสื้อผ้าไว้ตรงนั้น ก่อนจะหันมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอถามหน่อยว่าใครเป็นคนออกแบบเสื้อผ้าพวกนี้?”
หลู่เหยาหลี่ถามประโยคนี้ออกมา เป่าเจียงซานและฟู่จิงซือก็รีบผลักเกาซูไปข้างหน้าทันที “คนนี้ครับ!”
“ผมลืมบอกไปว่า เธอเป็นแค่สาวบ้านนอก รสนิยมก็เลยดูประหลาด คงจะไม่เคยได้ออกมาเห็นโลกกว้าง อย่าถือสาเธอเลยนะครับ!” เป่าเจียงซานยังแสร้งทำเป็นปกป้องเกาซู
“ใช่ ๆ พวกคุณเป็นคนมาจากเมืองหลวง เคยเห็นโลกกว้างมาเยอะ อย่าไปถือสาคนบ้านนอกอย่างพวกเธอเลย” ฟู่จิงซือก็พูดเสริมพี่เขย
ผู้จัดการโรงงานจิ้งและผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยถึงกับเดือดดาล สองคนนี้เอาแต่พูดจาให้ร้ายเกาซู แถมพอถึงเวลาก็ยังโยนขี้ให้อีกฝ่าย หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่างคงไม่มีหน้าไม่เจอบรรพบุรุษแน่ เพราะเกาซูถือเป็นผู้มีพระคุณ สร้างคุณงามและทำกำไรตั้งมากมายให้แก่โรงงาน เมื่อผู้มีพระคุณถูกทับถมเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะทนอยู่เฉยได้
แต่ยังไม่ทันที่ผู้จัดการทั้งสองจะได้อ้าปากพูด หลู่เหยาหลี่ก็มองเกาซู แล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ฉันอยากฟังความคิดของเธอ”
นานแล้วที่เกาซูไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ล่าสุดที่เธอนำเสนอผลงาน ก็คือชาติที่แล้ว ซึ่งตอนนั้น เป็นช่วงที่เธอเพิ่งเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ เมื่อต้องมายืนพูดแบบนั้นอีกครั้ง ก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เธอกำลังจะอธิบายเรื่องชุดให้กับคนที่เชี่ยวชาญเรื่องเสื้อผ้าฟัง และคนคนนั้นก็คือคนที่เธอเพิ่งจะทานข้าวและพูดจาสนุกสนานกันเมื่อวันก่อน
เกาซูยืนเผชิญหน้ากับหลู่เหยาหลี่ และเล่าถึงแนวคิดเบื้องต้นในการออกแบบเสื้อผ้าทั้งหมดให้ฟัง
หลู่เหยาหลี่มองเธอนานมาก แล้วพยักหน้าเป็นระยะ จากนั้น ก็หันกลับไปพูดกับชายหญิงอีกสองคนที่อยู่ข้าง ๆ “ฉันตัดสินใจแล้ว พวกคุณล่ะ?”
ทั้งสองคนนั้นยังลังเลอย่างเห็นได้ชัด
หลู่เหยาหลี่เห็นท่าทางไม่มั่นใจนั้นแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้ จึงพูดออกมาว่า “พวกคุณอยากจะเอาด้วยไหมฉันไม่สนหรอกนะ แต่ถ้าฉันสั่งมาแล้วผลตอบรับดี แล้วถ้าพวกคุณอยากจะได้ทีหลังต้องจ่ายเพิ่มอีกสามเท่านะ!” จากนั้นก็เปลี่ยนไปพูดกับคนของโรงงานเหมาเหมา “ใครเป็นผู้จัดการที่นี่คะ?”
ผู้จัดการโรงงานจิ้งกำลังนิ่งอึ้ง พร้อมกับคิดในใจว่า เห็นชุดเละ ๆ แค่นี้ บวกกับคำอธิบายของเกาซูก็ยอมซื้อแล้วเหรอ? เธอจะไม่ดูตัวอย่างจริงของเสื้อผ้าก่อนเหรอ? ไม่กลัวโดนหลอกหรือไง?
“หรือคุณเป็นผู้จัดการ?” หลู่เหยาหลี่มองเกาซูอีกครั้ง
เกาซูยิ้มแล้วผลักผู้จัดการโรงงานจิ้งไปข้างหน้า
ในตอนนั้นเอง ผู้จัดการโรงงานจิ้งจึงตื่นจากภวังค์
แต่แล้ว เขาก็ยิ่งอึ้งกว่าเดิม
เพราะว่า ยอดคำสั่งซื้อที่หลู่เหยาหลี่เขียนมา มันมากกว่ายอดรวมที่เป่าเจียงซานสั่งไปในช่วงหลายวันนี้ถึงสามเท่า!
ผู้จัดการเซี่ยที่ดูแลฝ่ายขาย เห็นตัวเลขแล้วก็อ้าปากค้าง เขากังวลนิดหน่อยว่า จะขายออกหรือเปล่านะ?
ผลคือ ไม่ใช่แค่หลู่เหยาหลี่ที่บ้า ชายหญิงที่มาด้วยกันก็บ้าไม่แพ้กัน พวกเขาสั่งซื้อในจำนวนเท่ากันเลย แถมยังพูดว่า “พวกเราจะแพ้เธอได้ยังไงล่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”
ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยอ้าปากค้างจนน้ำลายแทบไหล
นี่มันอะไรกัน? พวกเขาทำธุรกิจอยู่ไม่ใช่เหรอ แต่กลับพูดทีเล่นทีจริงราวกับกำลังเล่นขายของแบบนี้ ถ้าขายไม่ออกก็เป็นเงินทั้งนั้นเลยนะ!
ตอนที่จะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ ผู้จัดการโรงงานจิ้งและผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยได้เห็นจดหมายแนะนำตัวและตราประทับของพวกเขา จึงได้รู้ว่าคนหนึ่งมาจากเมืองหลวง อีกสองคนมาจากเมืองใหญ่ทางตอนเหนือ
ผู้จัดการโรงงานจิ้งเป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมา เขายังพูดอีกว่า “พวกเราจะรับผิดชอบในการจัดหาสินค้า แต่ถ้าหากยอดขายไม่ดี พวกคุณสามารถคืนสินค้าที่เหลือมาได้เลย”
จริง ๆ แล้วผู้จัดการโรงงานจิ้งค่อนข้างไว้ใจเกาซู ถ้าล็อตนี้ขายไม่ดีแล้วถูกส่งกลับมา พวกเขาก็แค่แก้ไขมัน แล้วขายใหม่ก็เท่านั้น คนที่ต้องแบกรับความเสี่ยงไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นคนเหล่านี้ที่มาขอสั่งซื้อต่างหาก
“วางใจได้เลย ถ้าฉันมองอะไรว่าดีแล้ว หมายความว่าสิ่งนั้นต้องสร้างกำไรให้ฉันได้แน่ ๆ เพราะฉะนั้น วันนั้นไม่มีทางมาถึงหรอก!” หลู่เหยาหลี่พูดอย่างมั่นใจมาก
หลังจากเซ็นสัญญากันเสร็จ สีหน้าของเป่าเจียงซานก็ดูไม่ดีเลย เขามองเกาซูด้วยสายตาราวกับว่าเธอไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษของเขา แล้วปลุกวิญญาณขึ้นมาตบหน้าทีละคน
นาทีนั้น ฟู่จิงซือก็ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธ “นี่มันไม่ชอบมาพากล! ฉันสงสัยว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กัน!”
เกาซูได้ยินแล้วก็แทบจะหัวเราะออกมาจนขาดอากาศตาย ตัวเองทำชั่ว ก็เลยคิดว่าคนอื่นจะทำแบบเดียวกันอย่างนั้นสิ!?
เป่าเจียงซานที่ได้ยินน้องเขยพูดขึ้นมา ก็รีบเสริมทัพในทันที “ใช่แล้ว! เรื่องนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ! คุณไม่ได้ดูตัวอย่างชุดด้วยซ้ำ แค่ฟังเธอพูดจาเหลวไหลไม่กี่คำ ก็สั่งซื้อแล้ว แบบนี้ เป็นใครก็ต้องสงสัยกันทั้งนั้นแหละ”
หลู่เหยาหลี่เตรียมจะเดินออกไปแล้ว พอได้ยินคำพูดนี้ก็หันกลับมา “คุณว่ายังไงนะ?”
MANGA DISCUSSION