บทที่ 65 ฉันชอบคุณนะ
“อวิ่นเฉิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันจะไปตามหมอมาให้!” เกาซูหันหลังจะเดินออกไป แต่มู่อวิ่นเฉิงคว้ามือเธอไว้
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! กลับมานี่!”
เกาซูจึงต้องจำใจเข้าไปช่วยพยุงแขนอีกข้างของเขา
“ฉันไม่เป็นไร แค่พาไปนั่งก็พอ!” เขาขมวดคิ้วแน่น ดื้อรั้นที่จะเดินไปยังเตียงผู้ป่วย
ทว่า หลังจากฝืนเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างกายของเขาก็อ่อนยวบลง ล้มลงบนไหล่ของเสี่ยวอวี้
“มู่อวิ่นเฉิง?” เกาซูตกใจ รีบวิ่งไปตามหมอทันที
หลังจากที่หมอเข้ามาปฐมพยาบาลและตรวจดูอาการแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา
“ผู้กองมู่ ในสมองของคุณยังมีเลือดคั่งอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้คุณเป็นลมได้ และอาจจะมีอาการปวดหัวร่วมด้วย ผมแนะนำว่า ช่วงนี้คุณไม่ควรเคลื่อนไหวมากจนเกินไป ควรนอนพักผ่อนจะดีกว่า” หมอยังออกคำสั่งเด็ดขาดอีกว่า “หน้าที่ของทหารคือการเชื่อฟังคำสั่ง! ในกองทัพ คุณเป็นผู้กอง ลูกน้องของคุณต้องฟังคุณ! แต่ในโรงพยาบาล พวกเราเป็นคนตัดสินใจ คุณต้องเชื่อฟังพวกเรา!”
หลังจากพูดจบ หมอหนุ่มก็มองไปที่เกาซู แล้วเสริมว่า “ตอนที่พวกเราไม่อยู่ ภรรยาของคุณคือผู้นำ! คุณต้องฟังภรรยานะครับ!”
เสี่ยวอวี้ก้มหน้าลง พลางคิดในใจว่า ให้ตายอย่างไรผู้กองของเขาก็ไม่ฟังคำสั่งของหมอหรอก แต่ถ้าเป็นพี่สะใภ้… ก็ไม่แน่
มู่อวิ่นเฉิงโกรธจนกำมือแน่น
เกาซูเห็นดังนั้นก็ค่อย ๆ จับมือของเขาไว้ “อวิ่นเฉิง ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณรู้สึกอึดอัดแค่ไหน คุณยังมีภารกิจที่ค้างคา แต่ร่างกายคือสิ่งสำคัญที่สุดนะ! คุณต้องให้ความร่วมมือกับหมอสิ ถึงจะหายเร็ว ๆ ถ้าคุณยิ่งดื้อ ก็ยิ่งหายช้า ฉันพูดถูกไหม?”
มู่อวิ่นเฉิงไม่พูดอะไร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์
ดีแค่ไหนแล้วที่ตอนนี้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่คนไร้ค่าอีกต่อไป!
ดังนั้น ตอนที่เกาซูยกน้ำมาเช็ดตัวให้เขาอีกครั้ง เขาจึงยืนยันที่จะทำเอง
เกาซูจึงทำหน้าดุ “หมอบอกว่าฉันเป็นผู้นำ คุณต้องฟังฉันสิ!”
แล้วมู่อวิ่นเฉิงก็ถูกเกาซูโจมตีสำเร็จอีกครั้ง ด้วยคำพูดอันน่าตกใจของเธอที่ว่า “ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องอาย ฉันเห็นมันจนชินแล้ว…” เธอโน้มเข้าไปกระซิบข้างหูอีกฝ่าย “ไม่ต้องกลัวฉันล้อหรอก… เพราะจริง ๆ แล้ว… มันไม่ได้น่าอายเลย… คุณก็รู้ตัวนี่…”
มู่อวิ่นเฉิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
แต่ในขณะที่เกาซูกำลังเช็ดตัวให้เขา ก็ค้นพบเรื่องสำคัญ นั่นก็คือ เขาไม่ได้เป็นหมัน หรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอย่างที่เธอเข้าใจ
“เกาซู! นี่เธอ…” ชายหนุ่มเอ่ยเข้ม ชี้หน้าเธอด้วยความตื่นตะลึง
มู่อวิ่นเฉิงหมดคำจะพูด แต่เมื่อเตรียมจะอ้าปากถามอีกฝ่ายก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างกายเสียแล้ว
ดวงตาคมกริบจ้องมองมาอย่างตำหนิ ราวกับเธอทำผิดมหันต์ที่เผลอจ้องมองส่วนต้องห้ามของเขาอย่างเสียมารยาท
“ต่อไปนี้ ฉันเช็ดเอง!” มู่อวิ่นเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ท่าทางระแวดระวังราวกับกำลังปกป้องสมบัติล้ำค่า
เกาซูเห็นดังนั้นก็อดขำไม่ได้ เธอจึงได้แต่เงียบไป ดูพฤติกรรมของเขาด้วยความสนใจ
นับตั้งแต่เธอย้อนเวลามาใหม่ เกาซุก็กลายเป็นฝ่ายรุกคืบเขาอย่างไม่ลดละ ราวกับหมาป่าที่หิวกระหาย แต่เขากลับเป็นฝ่ายหลบหนีและตีตัวออกหากตลอดมา…
เดิมทีเธอคิดว่าเขาคงบาดเจ็บจนไม่สามารถตอบสนองได้ แต่ความจริงกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย…
ที่แท้… เขาก็แค่ไม่อยากทำกับเธอเท่านั้นเอง…
เกาซูยืนนิ่งเงียบข้าง ๆ มู่อวิ่นเฉิง ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ รอยยิ้มที่เคยอยู่บนพลันมลายหายสิ้น
เมื่อมู่อวิ่นเฉิงหันมาพบว่าอยู่ดี ๆ เธอก็ซึม ๆ ไป จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เป็นอะไรไป”
เกาซูสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ก่อนจะตอบเขาด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ “อ้อ… เปล่า..” เธอตอบสั้น ๆ ก่อนจะรีบเดินออกไปเทน้ำ
เมื่อกลับเข้ามาในห้องผู้ป่วย เธอทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินไปที่ข้างเตียง รินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้ พร้อมกับจัดยาให้เขากิน
ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด แทนที่จะพูดคุยเจื้อยแจ้ว และกวนประสาทเขาให้โมโห แต่ตอนนี้กลับเงียบขรึม
เกาซูรอจนเขากินยาเสร็จ จึงเอ่ยถามเพียงประโยคเดียวว่า “อยากพักผ่อนเลยไหม”
มู่อวิ่นเฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ
ขณะที่เกาซูกำลังจะปิดไฟ มู่อวิ่นเฉิงก็คว้าข้อมือเธอไว้แน่น “มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ”
“เปล่านี่…” เกาซูปฏิเสธอย่างอัตโนมัติ
แต่ดูเหมือนเธอเองก็ไม่รู้ตัว ว่าบางครั้งเธอก็ไม่เก่งเรื่องการปิดบังความรู้สึก เมื่อใดที่เธอเศร้าหมอง ท่าทางของเธอก็จะดูห่อเหี่ยว ดวงตาไร้ประกายความสดใส
“พูดความจริงมา!” มู่อวิ่นเฉิงรู้ทัน
เกาซูนิ่งเงียบไป แต่จะให้เธอพูดความจริงได้อย่างไร?
ภายใต้สายตาที่กดดันของเขา สมองของเธอก็ประมวลผลช้าลง จึงพูดตะกุกตะกักว่า “ก็ฉัน… ฉันแค่สับสน…”
“สับสนเรื่องอะไร”
“ก็สับสนเรื่องที่คุณไม่ได้บกพร่องเรื่องนั้น…”
“หา??”
“ช่างมันเถอะ เอาไว้ให้คุณหายดีก่อน ค่อยพาไปตรวจที่แผนกสุขภาพเพศชาย”
“แผนก… อะไรนะ? สุขภาพเพศชาย มันคืออะไร?”
มาถึงตรงนี้ เกาซูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า สมัยนี้ ผู้คนยังไม่ได้มีความรู้เรื่องแผลกเฉพาะทางมากนัก โดยเฉพาะด้านเพศแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่คนยากจะเข้าถึง หรือกล้าที่จะมาหาหมอ
“เอ่อ… คุณไปถามหมอพรุ่งนี้เอาแล้วกัน พักผ่อนเถอะ! ฝันดีนะ!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด พลางหันตัวกลับไป ทำท่าจะปิดไฟ
แต่ยิ่งเธอทำแบบนั้น มู่อวิ่นเฉิงยิ่งอยากรู้ “เกาซู เธอพูดเรื่องอะไรกันแน่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ทำไมฉันต้องไปแผนกนั้น มันมีไว้ทำอะไร” เขาถามอย่างจริงจัง
เกาซูยืนกำชายเสื้อตัวแข็งทื่อราวกับตุ๊กตา เธอคิดอยู่นานว่าจะพูดดีไหม แต่เมื่อตกตะกอนได้ก็ตัดสินใจพูดออกไปตรง ๆ
“มันเป็นแผนกที่รักษาผู้ชายไร้น้ำยังไงล่ะ!”
สิ้นเสียงของเกาซู ห้องพักผู้ป่วยก็ถูกความเงียบเข้าปกคลุม
ผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดของมู่อวิ่นเฉิงก็ดังขึ้นมาแทน “เกาซู! เธอกล้าดียังไงมาหาว่าฉันไร้น้ำยา!”
“แล้วมันจริงไหมล่ะ!” เกาซูปิดไฟอย่างรวดเร็ว แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังเตียงของตัวเอง ก่อนจะห่มผ้าคลุมโปงปิดหัว
ท่ามกลางความมืด เธอได้ยินเสียงของมู่อวิ่นเฉิงดังขึ้นอีกครั้ง “ใคร?… ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?”
มีคนอยู่ข้างนอกจริง ๆ เหรอ?
“เดี๋ยวฉันออกไปดูให้” เกาซูลุกขึ้นอีกครั้ง
เธอเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยออกไป แต่กลับไม่พบใคร…
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ เห็นเพียงประตูห้องของผู้หมวดหลู่ที่เพิ่งปิดลง
“ไม่มีใครนะ” เกาซูกลับเข้ามานอนบนเตียงของตนเองอย่างเงียบ ๆ
แต่เธอก็นอนไม่หลับ สมองยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงประทัดดังขึ้นเป็นระยะ ๆ
โลกภายนอกโรงพยาบาลช่างครึกครื้นเสียจริง!
ก็ไม่แปลกหรอก… เพราะนี่คือวันตรุษจีนที่เป็นจุดเปลี่ยนของยุคสมัย นับจากนี้ไป ปฏิทินจันทรคติก็จะก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 80 แล้ว
เกาซูฟังเสียงประทัด ความมุ่งมั่นที่เคยแน่วแน่เมื่อครั้งที่ย้อนเวลากลับมาก็เริ่มสั่นคลอน เธอรู้สึกสับสนกับอนาคตของตัวเองและมู่อวิ่นเฉิง
ท่ามกลางเสียงประทัด เธอพึมพำเบา ๆ “ฉันชอบคุณนะ มู่อวิ่นเฉิง…” แต่คำพูดของเธอก็ต้องหยุดชะงักลง
เพราะเสียงประทัดเงียบลงทันทีหลังจากที่เธอพูดคำว่า “ฉันชอบคุณ” ดูเหมือนมู่อวิ่นเฉิงจะได้ยินมันเพียงแว่ว ๆ เท่านั้น
“มีอะไรเหรอ?” เขาถามขึ้นมาจากความมืด
เกาซูรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอแก้ตัวอย่างตะกุกตะกัก “มู่อวิ่นเฉิง ฉันแค่อยากจะบอกว่า สุขสันต์วันปีใหม่นะ!”
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ เสียงทุ้มของเขาก็ดังขึ้นมา “อืม สุขสันต์วันปีใหม่”
MANGA DISCUSSION