บทที่ 57 กำไรล้นหลาม
รองผู้จัดการโรงงานวัยกลางคนได้แต่ยืนหน้าชา เธอรู้สึกเสียใจมาก แต่ขณะเดียวกันก็อับอายที่ตนเองต้องถูกนายทหารซึ่งอายุอานามน้อยกว่าตนเองเป็นสิบปีมายืนสอนปาว ๆ อยู่แบบนี้ แต่เธอผิดเองแล้วจะโทษใครได้ ดีแค่ไหนแล้วที่เกาซูเป็นหญิงแกร่ง ไม่อย่างนั้น หากอีกฝ่ายทนไม่ไหวจนฆ่าตัวตายขึ้นมา เธอคงได้เสียใจกว่านี้แน่
หลังจากนั้นไม่กี่นาที รองผู้จัดการโรงงานหมี่ก็ออกมาส่งมู่อวิ่นเฉิง ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสุภาพ ก่อนที่มู่อวิ่นเฉิงจะรีบเดินออกไปนอกโรงงาน
รถจี๊ปรออยู่ที่นั่นแล้ว สองนายทหารต่างก็รีบขึ้นรถ
พอมู่อวิ่นเฉิงขึ้นมาได้ ผู้บังคับการต้าและพลทหารเหิงในรถก็มองเขาพร้อมกับอมยิ้ม
พลทหารเหิงเอ่ยแซวเขาไปตรง ๆ ว่า “ได้กอดแล้วหรือยัง?”
พูดจบ พลทหารเหิงก็หัวเราะลั่นอีกครั้ง คราวนี้ผู้บังคับการต้าก็ทนต่อไปไม่ไหว จึงหัวเราะลั่นออกมาบ้าง
มู่อวิ่นเฉิงหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายจากเสียงหัวเราะของเหล่าทหารที่อยู่เบื้องหน้า แต่ก็ยังคงรายงานอย่างมุ่งมั่นว่า “รายงานท่านผู้บังคับการต้า ผมได้เข้าพบรองผู้จัดการโรงงานแล้ว หวังว่าทางโรงงานจะจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมครับ”
ผู้บังคับการต้าโบกมือเป็นเชิงให้หยุดรายงานเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ก่อนเอ่ยปากชมเชยเกาซูว่า “ฉันประทับใจในเด็กคนนี้มาก ท่ามกลางยุคแห่งการพัฒนาที่ประเทศกำลังจะเปิดกว้าง เราต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความกล้าหาญและมุ่งมั่นอย่างเธอ ภรรยาของนายไม่ธรรมดาเลย ผู้กองมู่ เธอต้องอนาคตไกลแน่นอน!”
มู่อวิ่นเฉิงไม่รู้ว่าควรจะยินดีกับคำชมนี้ดีหรือไม่ จึงตอบออกไปด้วยท่าทีนิ่งเฉย “เธอแค่ซนไปหน่อย ไม่นับว่ากล้าหาญหรอกครับ”
ผู้บังคับการต้าหัวเราะลั่น “นายนี่ทั้งเย็นชาและแข็งกระด้างมากเลยนะ ต่างกับภรรยาลิบลับเลย ลองเรียนรู้จากเธอหน่อยเป็นไร ทำไมต้องทำหน้าบึ้งตึงตลอดเวลาด้วย?”
มู่อวิ่นเฉิงรู้สึกอับจนคำพูด
ผู้บังคับการต้ายังคงสงสัย “ผู้กองมู่ นายทำหน้าแบบนี้เวลาอยู่กับภรรยาด้วยหรือเปล่า?”
พลทหารเหิงแทรกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ไม่ใช่แค่หน้าบึ้งนะครับ ตอนกลางคืนยังให้ภรรยาท่องบทเรียนเป็นการลงโทษอีกด้วย!”
มู่อวิ่นเฉิงรีบแก้ต่าง “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
“พี่เหิง อย่าแซวผู้กองนักเลย เขาเขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว!” เสี่ยวอวี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบแทรกแกมหยอก
พลทหารเหิงหัวเราะร่วน “นั่นสินะ ฉันนี่นิสัยไม่ดีจริง ๆ เอาแต่แซวจนผู้กองมู่เขินไปหมดแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ผู้บังคับการต้าระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง “ภรรยาของผู้กองมู่ฉลาดหลักแหลม แถมยังมีความรู้อีกเหรอนี่! น่าสนใจจริง ๆ”
มู่อวิ่นเฉิงรู้สึกหน้าร้อนผ่าว เขาหันไปมองเสี่ยวอวี้ที่นั่งข้าง ๆ อีกฝ่ายก็รีบก้มหน้าหลบสายตาผู้เป็นนาย
เสี่ยวอวี้คิดในใจ ฉันพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ?
วันรุ่งขึ้นหลังจากมู่อวิ่นเฉิงกลับไป ผูู้จัดการโรงงานจิ้งก็เดินทางกลับมา เมื่อรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงงาน เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ผูู้จัดการโรงงานจิ้งเริ่มต้นด้วยการตำหนิรองผู้จัดการก่อน ตามมาด้วยผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ อย่างรุนแรง “พวกคุณไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไง? ผู้ชายตั้งหลายคนรุมรังแกเด็กผู้หญิงอายุแค่ 20 กว่าปี เธออายุน้อยกว่าลูกสาวของพวกคุณบางคนด้วยซ้ำ! พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง? อย่ามาบอกว่าไม่รู้นะ พวกคุณแค่สนุกกับการดูถูกคนอื่น! น่าอายจริง ๆ ที่ยังเสวยสุขอยู่ในตำแหน่งนี้ พวกคุณคิดว่าตัวเองมั่นคงแล้วใช่ไหม? ถึงได้ไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไงในโรงงานนี้ เด็กคนนั้นสามารถขายสินค้าค้างสต๊อกได้ในราคาสูงกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ทำให้เราจ่ายโบนัสสิ้นปีให้พนักงานได้เพิ่มขึ้นตั้งเยอะ นี่มันไม่ดีตรงไหน? มีใครในที่นี้มีความสามารถแบบนี้บ้าง? ก้าวออกมาเลย! ถ้ามี… ฉันจะไล่เสี่ยวซูออกเดี๋ยวนี้แหละ!”
ทุกคนที่ถูกตำหนิพากันเงียบกริบ
ปัญหาต่าง ๆ ที่เกาซูต้องเผชิญนับตั้งแต่เข้ามาทำงานในโรงงานก็จบลงด้วยการปรากฏตัวของมู่อวิ่นเฉิง
การมาของเขาก็ทำให้คนในโรงงานรู้ว่า ‘ที่แท้สามีของเธอเป็นก็ทหาร ตามที่เธอว่าจริง ๆ’ ความเคารพและความรู้สึกสนิทสนมที่คนทั่วไปมีต่อทหารโดยธรรมชาติ ทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงความคิดและรู้สึกว่าเกาซูก็คงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเลย
ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยพาภรรยามาขอโทษเกาซูถึงที่บ้าน พร้อมมอบค่าชดเชย ในการประชุมใหญ่ของโรงงาน ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทำร้ายร่างกายก็ได้ขอโทษอีกครั้งต่อหน้าสาธารณชน
ฟู่จิงซือถูกไล่ออกจากโรงงานเพราะทำลายระบบการผลิต และถูกกักบริเวณโดยตำรวจ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยราวหนึ่งสัปดาห์ แต่น่าเสียดายที่เป่าเจียงซานไม่ได้รับโทษอะไรเลย ฟู่จิงซือรับผิดทุกอย่างไว้คนเดียว เป่าเจียงซานก็ยืนกรานว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
แม้ว่ามู่เยี่ยนฟางและเสี่ยวเจียวจะยังคงรู้สึกไม่พอใจที่เป่าเจียงซานไม่ได้รับโทษ แต่เรื่องราวก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
งานที่เหลือดำเนินไปได้อย่างราบรื่น พวกเธอไม่เพียงสามารถส่งมอบเสื้อผ้า 3,000 ชิ้นได้ตามกำหนด แต่ยังสามารถขายสินค้าค้างสต๊อกทั้งหมดของโรงงานเสื้อผ้าได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้ขยายช่องทางการขายไปยังจังหวัดข้างเคียง และด้วยช่วงเวลาที่ใกล้เทศกาลตรุษจีนแล้ว ผู้คนต่างต้องการซื้อเสื้อผ้าใหม่ โรงงานจึงได้ผลิตเสื้อผ้ารุ่นใหม่ตามแบบของเกาซูออกมาอีกจำนวนมาก ซึ่งขายดิบขายดีเป็นอย่างไม่ต้องสงสัย
คิดเพียงคร่าว ๆ ในช่วงเวลาประมาณห้าเดือนมานี้ โรงงานสามารถขายเสื้อผ้าไปได้ทั้งหมดราว ๆ 10,000 ชิ้น ราคาเฉลี่ยที่โรงงานขายส่งอยู่ที่ตัวละ 15 หยวน เกาซูได้รับส่วนแบ่ง 60 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 9 หยวนต่อตัว เมื่อหักค่าแรงคนงานชั่วคราวตัวละ 2 หยวนแล้ว ก็จะเหลือให้เธอ ตัวละประมาณ 7 หยวน เธอให้มู่เยี่ยนฟางและตู้เหลียงรวมกันเป็น 3 หยวน เมื่อลองคำนวณดูแล้ว ห้าเดือนมานี้ เธอจะได้รับเงินทั้งหมด 40,000 หยวน ส่วนตู้เหลียงกับมู่เยี่ยนฟางจะได้เงินรวมกันไปทั้งสิ้น 30,000 หยวน
เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เท่ากับว่า ครอบครัวของพวกเธอสามารถโกยเงินเข้ากระเป๋ารวมกันได้ถึง 70,000 หยวน!!
ตอนนี้ ทั้งเธอและมู่เยี่ยนฟางก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้แล้ว
มู่เยี่ยนฟางแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มือที่ถือสมุดบัญชีเงินฝากถึงกับสั่นเทา ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะมีเงินมากมายขนาดนี้! และเธอก็รู้สึกว่าเกาซูแบ่งเงินให้เธอมากเกินไปด้วยซ้ำ
“เสี่ยวซู ฉันกับตู้เหลียงแค่ช่วยวิ่งงานเท่านั้นเองนะ แบบเสื้อผ้าทั้งหมดเป็นฝีมือของเธอต่างหาก เธอควรได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้สิ แบบเสื้อผ้าสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีแบบของเธอ เสื้อผ้าในโรงงานจะขายได้สักกี่ตัวเชียว? ก่อนหน้านี้ก็ขายได้แค่ตัวละหยวนเท่านั้นเอง!” มู่เยี่ยนฟางยังคงมองเห็นความจริงได้อย่างชัดเจน
เกาซูส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่เยี่ยน รับเงินไปเถอะ ในอนาคตพวกเรายังต้องร่วมมือกันทำธุรกิจอีกมากมาย ตอนนั้น ฉันแค่คนเดียวคงดูแลไม่ไหวหรอก ต้องพึ่งพาพวกพี่ช่วย ต่อไปเราจะวางกฎระเบียบให้รัดกุมมากขึ้น”
“จะทำให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้อีกเหรอ!” มู่เยี่ยนฟางรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่เคยวาดภาพอนาคตตนเองถึงการเป็นเจ้าของกิจการมาก่อน
“แน่นอนสิคะ! แต่ตอนนี้ พวกเรากลับบ้านไปฉลองปีใหม่กันก่อนเถอะ!” เกาซูพูดอย่างอารมณ์ดี
ทว่า ขณะที่พวกเธอกำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน เกาซูก็พบว่าหน้าประตูห้องพักมีของวางกองอยู่เต็มไปหมดอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่ใช่ขยะ แต่เป็นขนมและของฝากมากมาย
ลูกกวาด ขนมปัง อาหารแห้งหลากชนิด ล้วนเป็นของหายากในช่วงเวลานี้ แถมยังมีนมผงและอาหารกระป๋องอีกต่างหาก!
เสี่ยวเจียวเดินเข้ามาหา เเล้วกระซิบบอกเกาซูว่า “ปีนี้โรงงานแจกโบนัสเยอะมาก ทุกคนดีใจกันใหญ่ พวกเขารู้ว่าเป็นเพราะผลงานของพี่ คนที่เคยมีปัญหากับพี่ก็รู้สึกเกรงใจ ไม่กล้ามาขอบคุณพี่ตรง ๆ เลยเอามาวางไว้ตรงนี้ พี่รับไปเถอะนะคะ ถ้าพี่ไม่รับก็ไม่รู้จะเอาไปคืนให้ใครแล้ว”
เกาซูยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยอย่างเป็นมิตร “งั้นก็ฝากเสี่ยวเจียวไปขอบคุณพวกเขาด้วยนะ”
MANGA DISCUSSION