บทที่ 44 ผู้จัดการฝ่ายขายทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
เกาซูได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับ
“ได้สิ!” เธอไม่พูดอะไรอีก รีบเข้าครัวไปช่วยแม่สามีทำอาหาร
เธอคิดว่าเค้กนึ่งที่ทำให้สามีทานวันนั้นก็ถือว่าได้รับผลตอบรับดี จึงจัดการทำทุกอย่างตามที่เคยทำ เพียงแต่ลดขนาดลงเพื่อให้มันสุกไวขึ้นก็เท่านั้น
ในระหว่างที่รับประทานอาหาร เกาซูสังเกตเห็นว่า จงอี้กินเค้กไปแค่ครึ่งเดียวก็หยุดกินไปเลย
เธอไม่ได้พูดอะไร ทุกคนในครอบครัวรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
โดยปกติหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ผู้ใหญ่ก็จะยุ่งกับการเก็บกวาด ล้างจานชาม ส่วนเด็ก ๆ อย่างจงอี้ ก็จะวิ่งเล่นซุกซนไปทั่วหมู่บ้าน
เกาซูพบว่าจงอี้หายตัวไปพร้อมกับเค้กครึ่งก้อนที่เหลือนั้น
เธอจึงออกตามหาเขาด้วยความเป็นห่วง
แต่ไม่ว่าจะตามเท่าไรก็ไม่พบสักที เธอลัดเลาะไปตามจุดต่าง ๆ ที่คิดว่าเด็กคนนี้จะไปได้ ทว่า… กลับไม่พบเจ้าหนูแม้แต่เงา
โดยปกติแล้ว จงอี้ไม่ใช่เด็กที่ชอบเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกันนัก เพราะเขามักจะถูกรังแกอยู่เรื่อย
ขณะที่เกาซูเริ่มถอดใจ และกำลังจะเดินกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงป้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“หาจงอี้เหรอ ฉันเห็นเขาเดินไปทางโรงเรียนโน่นแหนะ”
“ขอบคุณค่ะ!” เกาซูกล่าวขอบคุณ แล้วรีบเดินไปยังโรงเรียนทันที
ในเวลานี้ ที่โรงเรียนประถมของหมู่บ้าน นักเรียนทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ครูส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พักอยู่ที่โรงเรียน มีเพียงห้องห้องหนึ่งที่ยังคงเปิดไฟอยู่
เกาซูเดินตรงไปยังห้องนั้น ก็พบว่าประตูกำลังปิดอยู่ เธอยืนอยู่ข้างนอก ก็ได้ยินเสียงของจงอี้ดังมาจากข้างใน
“อร่อยไหม? ผมบอกแกแล้วไงว่าแม่ของผมทำอาหารเก่งมาก คุณยังไม่เชื่อผมอีก!”
“ใครจะไปเชื่อล่ะ ก็ก่อนหน้านี้เธอพูดไว้ซะใหญ่โต อย่างกับแม่เธอไม่ใช่มนุษย์” นี่เป็นเสียงที่ค่อนข้างมีอายุ
“ก็เธอทำได้ทุกอย่างจริง ๆ นี่นา!” เสียงของจงอี้เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“พอเถอะ อย่าเอาแต่โม้เลย วันนี้อยากฟังนิทานเรื่องอะไรล่ะ?”
“ไซอิ๋ว เล่าต่อเลย!”
“ทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง? ถ้าไม่เสร็จจะโดนดุอีกนะ?”
“ต้องทำเสร็จอยู่แล้วสิ!”
“ดี งั้นฉันจะเล่าต่อนะ คราวที่แล้วเล่าถึงไหนล่ะ”
เกาซูย่องกลับไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รบกวนคนทั้งสอง
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อทำเค้ก
เมื่อวานเธอไม่ได้ตั้งใจทำมาก ไม่ได้ตกแต่ง แถมยังก้อนเล็กเท่าฝ่ามือ มารอบนี้ เธอใช้เวลากับมันมากกว่าเดิม หนำซ้ำยังทำก้อนใหญ่ ขนาดเค้กวันเกิดเลยทีเดียว
“แม่ เก่งจังเลย!”
เด็กน้อยเห็นเค้กครีมก้อนโตที่ถูกตกแต่งด้วยครีมเป็นรูปดอกกุหลาบก็ถึงกับอ้าปากค้าง ตาเป็นประกาย
“งั้นเหรอ ชมบ่อย ๆ จะทำให้กินอีก”
เกาซูตัดเค้กเป็นชิ้น ๆ ทุกคนในบ้านได้รับคนละชิ้นอย่างเท่าเทียมกัน และยังมีเหลืออีกสองสามชิ้น
จงอี้มองเค้กตรงหน้า แล้วถามอย่างลังเล “แม่ครับ ผมขอเอาไปกินสองชิ้นได้ไหมครับ”
“ได้สิ!”
เธอกะจะให้จงอี้เยอะ ๆ อยู่แล้ว!
ดวงตาของจงอี้เป็นประกาย แล้วก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย
“กินเถอะ กินเสร็จแล้วก็ต้องไปเข้าเรียน ฉันจะสอนเธออ่านตัวอักษร” เกาซูพูดพร้อมรอยยิ้ม
ระหว่างการสอนอ่านเขียน เกาซูนำตัวอักษรที่เคยสอนและยังไม่ได้สอนมาผสมกัน เพื่อทดสอบความรู้ของจงอี้ และพบว่ามีตัวอักษรหลายตัวที่เธอไม่ได้สอน แต่จงอี้กลับรู้จัก
เกาซูไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจใด ๆ เธอสอนตัวอักษรใหม่ให้จงอี้เพียงไม่กี่ตัว ท่องบทกลอนสำหรับเด็กหนึ่งบท และสอนคณิตศาสตร์บทใหม่
เธอมีเวลาอยู่บ้านอีกหนึ่งวัน ก็ต้องเตรียมตัวเดินทางไปที่โรงงานเสื้อผ้าแล้ว
ในตอนกลางคืน เกาซูพูดคุยกับน้องสาว กำชับเรื่องการทบทวนบทเรียนในสัปดาห์นี้
หลังจากวางแผนให้น้องสาวเสร็จแล้ว เกาซูยังกำชับเป็นพิเศษอีกว่า ต่อไปเธออาจจะต้องอยู่ที่โรงงานเป็นเวลานาน กลับมาได้เพียงสัปดาห์ละครั้ง เรื่องการเรียนของจงอี้ ก็ต้องฝากน้องสาวช่วยดูแล ให้สอนจงอี้ทุกวัน ไม่ต้องสนใจว่าเขาจะเรียนรู้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่ให้เขาสร้างนิสัยรักการเรียน เมื่อโตขึ้นจะได้ไม่ลำบากก็เท่านั้น
หลังจากจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ในวันต่อมา เกาซูก็เดินทางไปยังโรงงานเสื้อผ้าพร้อมกับมู่เยี่ยนฟาง
ไม่คาดคิดว่า เมื่อพบกับตู้เหลียง สีหน้าของเขาจะดูไม่ดีนัก ไม่มีความกระตือรือร้น เหมือนตอนที่พวกเขาไปขายของที่เมืองหลวงเลยสักนิด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่เขย” เกาซูถาม
ตู้เหลียงรู้สึกท้อแท้ “สองวันแล้ว เสื้อผ้าที่แก้ไขออกมากลับไม่ตรงตามแบบ มันเบี้ยวไปหมด ฉันบอกแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง ก็ไม่มีใครอยากแก้ไข แถมพวกเขายังทำหน้าไม่พอใจ โยนเสื้อผ้าทิ้ง แล้วก็เดินออกไปเลย”
“แล้วผู้จัดการโรงงานล่ะ” เกาซูถาม
ตู้เหลียงยิ่งรู้สึกท้อแท้มากขึ้น “ผู้จัดการจิ้งไปทำธุระข้างนอก ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยก็จัดการอะไรไม่ได้สักอย่าง”
“ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ย ทำไมถึงได้ไร้น้ำยาอย่างนี้นะ!” มู่เยี่ยนฟางบ่น
ตู้เหลียงมองภรรยาอย่างน้อยใจ “คนงานไม่อยากทำงาน ยังไงก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม”
“ไม่ได้ให้ค่าล่วงเวลาเหรอ” เกาซูขมวดคิ้ว
“คนส่วนใหญ่บอกว่าไม่สนใจ พอมีคนยุยงแบบนี้ ก็ไม่มีใครอยากทำงานกันเลย” ตู้เหลียงกังวลมาก “แล้วจะทำยังไงดีล่ะ”
“ฉันขอไปดูหน่อยแล้วกัน”
เกาซูตามตู้เหลียงไปที่โรงงาน และพบว่าข้างในว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงเสื้อผ้าที่กองระเกะระกะอยู่เต็มพื้น อย่างกับขยะข้างทางอย่างไรอย่างนั้น
ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ย ได้ยินว่าเกาซูมา ก็รีบวิ่งมาอธิบาย “ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ทุกคนกลับไปกินข้าวกันหมดแล้ว”
“งั้น พอถึงเวลาทำงาน ทุกคนก็จะกลับมาทำงานใช่ไหม” เกาซูถาม
“ใช่แล้วล่ะ บ่ายนี้พวกเขาก็จะกลับมา” ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยตอบ แต่พอถึงเวลาทำงานจริง ๆ พวกเขาจะทำงานแบบผ่าน ๆ หรือมานั่งกินเมล็ดทานตะวันเล่น ก็ยากที่จะพูดได้…
“ได้ค่ะ ขอแค่พวกเขากลับมาก็พอ เราจะรอ” เกาซูพยักหน้า
“งั้น ฉันพาพวกเธอไปกินข้าวที่โรงอาหารก่อนก็แล้วกัน” ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยก็รู้สึกปวดหัวเช่นกัน
MANGA DISCUSSION