บทที่ 41 ใบสั่งซื้อที่เยอะที่สุด
อารมณ์ของเกาซูหม่นลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบเลี่ยง ๆ ว่า “ค่ะ คุยกันแล้ว แต่พวกเราอยู่ด้วยกันน้อยมาก เขาต้องไปทำภารกิจบ่อย คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ”
มู่เฟินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสบายใจ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็ดี ถึงอย่างไรสักวันก็ต้องมีเจ้าตัวน้อยให้เธออุ้ม อีกอย่าง ทั้งคู่ยังหนุ่มยังสาว ถ้าเร่งรัดมากเกินไปคงเกิดผลเสียมากกว่า
เกาซูกลัวว่าแม่สามีจะถามต่อ จึงขอตัวไปพักผ่อน แล้วกลับเข้าห้อง
เธอหยิบแบบร่างเสื้อผ้าออกมาปรับปรุงแก้ไขด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น
ในชาติก่อน เธอทำธุรกิจใหญ่โต จึงให้ความสำคัญกับการแต่งกายเป็นพิเศษ รู้จักกับนักออกแบบเสื้อผ้าดัง ๆ หลายคน และยังเคยลองออกแบบเสื้อผ้าด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ความรู้เหล่านั้นมาทำธุรกิจ ผลงานที่ออกแบบจึงยังไม่สามารถเทียบเท่ามืออาชีพ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว เรียนผูกเรียนแก้มานักต่อนัก
เกาผิงอันนั่งมองพี่สาววาดรูปด้วยความสนใจ
เกาซูเหลือบมองน้องสาวก่อนจะเอ่ยถาม “อยากลองเรียนรู้ดูเหรอ”
“ค่ะ…” ดวงตาของเกาผิงอันเป็นประกาย เธออยากช่วยพี่สาวทำจริง ๆ
เกาซูเก็บแบบร่าง แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็ตั้งใจเรียนหนังสือ สอบเข้ามหาวิทยาลัย ไปเรียนวิชาออกแบบโดยตรง แล้วค่อยมาช่วยพี่ทำ ถ้าเธอตามพี่มาตอนนี้ ก็ได้เป็นแค่ช่างเย็บผ้าธรรมดา แต่ถ้าเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอจะได้เรียนรู้ทักษะที่แท้จริง และยังได้ความรู้ขั้นสูงที่พี่ไม่สามารถสอนเธอได้”
ไม่ว่าในอนาคตน้องสาวอยากจะเรียนอะไร ก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้เสียก่อน!
เกาผิงอันพยักหน้ารับ ตาเป็นประกาย
ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจสิ่งที่เกาซูพยายามจะสื่อแล้ว…
เช้าวันรุ่งขึ้น ตู้เหลียงและมู่เยี่ยนฟางมารอเกาซูตามที่นัดหมาย เกาซูไม่รีบร้อน ยังคงสอนหนังสือจงอี้ก่อนในช่วงเช้า ก่อนจะออกเดินทางไปยังโรงงานเสื้อผ้า
เธอยังคงติดต่อกับผู้จัดการฝ่ายขายคนเดิม แต่ครั้งนี้ เกาซูต้องการสินค้าคงคลังทั้งหมดของโรงงาน
คำขอนี้ทำให้ผู้จัดการฝ่ายขายตกใจอย่างมาก
แต่เกาซูไม่ได้ต้องการขนสินค้าทั้งหมดไปในคราวเดียว เธอต้องการเสนอแผนร่วมทุน
เกาซูเสนอให้ทางโรงงานนำเสื้อผ้าในสต๊อกทั้งหมดมาปรับปรุงใหม่ โดยจ้างคนงานของโรงงานเป็นผู้ดำเนินการ
มู่เยี่ยนฟางเห็นดังนั้นก็ร้อง ‘อ้อ’ ในใจ
น้องสะใภ้ไม่ได้ต้องการลงมือทำเอง แต่จะจ้างคนงานทำให้ แต่นั่นก็หมายความว่า เกาซูจะไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย มู่เยี่ยนฟางรู้สึกสับสนไม่น้อย
ส่วนผู้จัดการฝ่ายขาย กลับไม่ได้สนใจข้อเสนอนี้เท่าไรนัก เขาคิดว่ามันยุ่งยากเกินไป จะนำเสื้อผ้าในสต๊อกทั้งหมดมาปรับปรุงใหม่มันอาจจะต้องเสียทั้งเงิน และเวลาโดยใช่เหตุ
ถึงอย่างไร โรงงานก็จ่ายเงินเดือนให้เท่าเดิม ไม่ว่าจะขายเสื้อผ้าได้มากหรือน้อย หรือมีสินค้าค้างสต๊อกมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องเหล่านี้
เกาซูคาดไว้แล้วว่า ชายตรงหน้าต้องคิดแบบนี้ จึงเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะติดต่อคนผิดแล้วสินะคะ คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย คงไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องพวกนี้ งั้นฉันต้องไปคุยกับผู้จัดการโรงงานของพวกคุณโดยตรงแล้วล่ะ”
ผู้จัดการฝ่ายขายหัวเราะออกมา “ผู้จัดการโรงงานไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าพบได้ง่าย ๆ นะ เรื่องการขายก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายขายเราอยู่แล้ว เรามีหน้าที่เป็นด่านตรวจด้วยว่า เรื่องไหนสมควร หรือไม่ควรลงทุน”
เกาซูยังรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ ก่อนจะพูดในมุมเหตุผลออกไปอย่างดูมีชั้นเชิง
“ฉันจะพูดให้ฟังแบบนี้ก็แล้วกัน ฉันสามารถทำให้ราคาขายส่งเสื้อผ้าของพวกคุณเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบถึงสิบห้าเท่าได้ สนใจไหมล่ะ? คุณตัดสินใจเองได้หรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ ฉันก็มีวิธีติดต่อผู้จัดการโรงงานด้วยตัวเอง คุณคิดว่าจะหยุดฉันได้เหรอ? หึหึ จะบอกให้รู้ไว้ ว่าฉันน่ะ ‘เจ๋ง’ กว่าที่คุณคิดซะอีก”
เจ๋ง??
ไม่ใช่แค่ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยที่งุนงงกับคำนี้ แม้แต่คนในครอบครัวเองก็ยังไม่เข้าใจที่เธอพูด แต่ละคนต่างก็ขมวดคิ้วทำหน้าเลิ่กลั่กกันยกใหญ่ ภาพนี้ทำเอาเกาซูถึงกับแทบจะหลุดขำออกมา
เมื่อตั้งสติได้ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ “ล้อเล่นใช่ไหม! สิบถึงสิบห้าเท่า?? เป็นไปได้เหรอ”
เกาซูไม่ตอบ แต่เธอใช้วิธีแสดงสีหน้ามั่นใจออกไป เพื่อให้อีกฝ่ายสัมผัสเอาเอง
ทันใดนั้น ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยก็พยักหน้าหงึก ๆ แล้วเอ่ยอย่างร้อนรน
“ตกลง!!! ฉันจะพาพวกเธอไปหาผู้จัดการโรงงานเอง!”
สำเร็จ!!
ทั้งเกาซู มู่เยี่ยนฟาง และตู้เหลียง ต่างก็ลอบยิ้มด้วยความดีใจ ในที่สุด ก็ผ่านด่านแรกไปได้ด้วยดี
ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยนำพวกเขาไปที่สำนักงานของผู้จัดการโรงงานโดยตรง
ผู้จัดการโรงงานเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 กว่าปี เขามีแซ่จิ้ง ค่อนข้างสุภาพอ่อนน้อม ดีกว่าท่าทีหยิ่งยโสของผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยตอนแรกมาก
เมื่อเกาซูอธิบายจุดประสงค์ที่มา ผู้จัดการโรงงานก็งงงวย เพราะไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน!
เกาซูจึงกล่าวต่อว่า “เอาอย่างนี้ดีกว่าแล้วกันค่ะ ฉันพูดปากเปล่า… พวกคุณคงไม่เชื่อ ดังนั้นตอนนี้ ฉันขอแค่คำสัญญาจากพวกคุณ ถ้าฉันนำใบสั่งซื้อมาให้ พวกคุณต้องตกลงเริ่มงานทันที แต่ถ้าฉันหาใบสั่งซื้อไม่ได้ ก็ถือว่าฉันมาพูดเล่น ๆ ให้พวกคุณขำขันก็แล้วกัน”
นี่เป็นเงื่อนไขที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่เกาซูเสนอว่าเธอต้องการส่วนแบ่งจากกำไร 6 ใน 10 ส่วน
จุดนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้จัดการโรงงาน เพราะเธอเป็นคนออกแบบและหาใบสั่งซื้อมา ส่วนแบ่ง 60 เปอร์เซ็นต์จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล
ถึงอย่างไร เสื้อผ้าในโกดังตกยุคพวกนี้ จะต้องถูกนำไปกำจัดในไม่ช้า การที่มีลู่ทางให้ใช้ประโยชน์จากมันได้ย่อมเป็นที่ถูกใจเจ้านายของเขา และหากเขาสามารถทำโครงการที่ให้สำเร็จไปได้ด้วยดี มีหรือที่เจ้านายจะไม่ตกรางวัลให้อย่างงาม อย่างน้อย ๆ ก็คงต้องขึ้นเงินเดือนนั่นแหละ
เมื่อจัดการเรื่องโรงงานเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ต้องรีบเข้าเมืองหลวงเพื่อพบไฉ่หงที่ร้านเป่าเป้ย
พวกเขายังคงไม่สามารถซื้อตั๋วที่นั่งได้ จึงต้องยืนหรือนั่งบนพื้นตลอดทาง แต่เนื่องจากครั้งนี้ไม่ได้นำเสื้อผ้าติดตัวมา และไม่ได้พกเงินสดจำนวนมาก แม้จะเหนื่อย แต่ก็ไม่มีผลกระทบทางจิตใจ
พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองหลวง แต่ตอนนี้ยังคงเป็นเวลาเช้า พวกเขาทานอาหารเช้าแบบง่าย ๆ จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเดินทางไปยังร้านเป่าเป้ยด้วยท่าทางสบาย ๆ
เมื่อเดินเข้าไปในร้านเป่าเป้ย หลังจากแจ้งจุดประสงค์แล้ว ก็มีพนักงานพาพวกเขาไปยังห้องทำงานของผู้จัดการ ส่วนไฉ่หงที่ทราบข่าวการมาเยือนของเกาซู ก็รีบลงมาต้อนรับด้วยตัวเอง
มู่เยี่ยนฟางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนก่อน ที่พวกเธอถูกมองด้วยสายตาดูถูก ราวกับเป็นเพียงคนบ้านนอกไร้การศึกษา ก็ก้มหน้าลง น้ำตาคลอหน่วย
การเจรจากับไฉ่หงเป็นไปอย่างราบรื่น
ไฉ่หงรอคอยการกลับมาของเกาซูตั้งนาน ราวกับรอดูฝนดาวตกที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า การมาครั้งนี้ เธอสั่งซื้อเสื้อผ้าของฤดูหนาว รวมทั้งสิ้น 3,000 ชิ้น ประกอบด้วย แบบที่มีวางขายอยู่แล้ว 1,200 ชิ้น และแบบใหม่ที่ยังไม่ได้เห็นตัวอย่างอีก 1,800 ชิ้น
ไฉ่หงไม่ลืมที่จะยื่นเงื่อนไขบางอย่างเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์มากที่สุด “คุณเกาซู ใบสั่งซื้อของฉันเยอะมากเลย ฉันก็เสี่ยงมากเหมือนกัน ดังนั้น ฉันมีข้อแม้แค่ข้อเดียว คือคุณต้องไม่ส่งสินค้าให้ร้านอื่นอีก ฉันต้องเป็นผู้จัดจำหน่ายแค่รายเดียวเท่านั้น”
เกาซูแกล้งทำเป็นลังเล ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ต้องยอมรับว่า เธอเป็นคนมีประสบการณ์ค่อนข้างมาก จึงไม่แปลกที่จะมีชั้นเชิงขนาดนี้
ไฉ่หงเห็นว่าบรรยากาศการเจรจาเริ่มดูไม่ค่อยดี จึงเสนอทางเลือกใหม่ “แบบนี้คงมากเกินไป ถ้าอย่างนั้น ฉันขอแค่คุณไม่ส่งสินค้าให้ร้านหรือห้างอื่น ๆ ในเมืองหลวงก็พอ และถ้าห้างใหญ่ ๆ ในจังหวัดอื่น ๆ ต้องการสินค้า จะต้องสั่งผ่านฉันเท่านั้น แบบนี้เป็นยังไงคะ”
มีช่องทางอ่านสุดคุ้มที่ Bookfet.com
MANGA DISCUSSION