บทที่ 4 ครอบครัวเห็นแก่ได้
แม่ของเกาซูที่เพิ่งมาก็รีบรับหมูและปลาไปเข้าครัว สายตาของเธอซ่อนเร้นความไม่พอใจในของที่ได้เล็กน้อย ส่วนเกาซูก็นั่งคุยกับยายอย่างออกรสอยู่หน้าบ้านโดยไม่สนใจว่าผู้เป็นแม่จะคิดเช่นไร
“ได้ข่าวว่าลูกสาวบ้านลุงอวี่ที่อยู่ท้ายหมู่บ้านได้สามีเป็นคนในเมือง แถมซื้อจักรยานคันใหม่ให้เมียด้วยนะ เห็นแล้วน่าอิจฉาจริง ๆ” คุณยายของเกาซูเปรยขึ้นมาลอย ๆ
“อ้อ” หญิงสาวตอบรับเพียงสั้น ๆ เธอจำได้ดีว่า ในชาติที่แล้ว ยายของเธอก็พูดแบบนี้ จนเธอต้องคะยั้นคะยอให้มู่อวิ่นเฉิงหาซื้อจักรยานมาให้ เพื่อที่เธอจะได้เอาไปให้ครอบครัว และสุดท้ายจักรยานคันนั้นก็กลายเป็นรถของเล่นให้น้องชายของเธอปั่นเที่ยวเล่นไปวัน ๆ
“เกาผิงเองก็ใกล้จะถึงวัยออกเรือนแล้ว ครอบครัวเราฐานะดีขึ้นแบบนี้ คงหาคู่ครองดี ๆ ได้ไม่ยาก…”
ใช่แล้ว น้องสาวของเธอชื่อเกาผิง เป็นอีกคนที่กำลังจะถูกส่งออกไปแต่งงานกับคนมีอันจะกินเพื่อหาเงินค่าสินสอดเข้าบ้าน ทั้งหมดนี้ มันไม่ได้ต่างอะไรกับขายลูกกินเลยแม้แต่น้อย
ชาติที่แล้ว เกาผิงแต่งงานตอนอายุไม่ถึง 20 ปี ได้สินสอดมาห้าร้อยหยวน ถือว่า ‘โชคดี’ กว่าเกาซูเสียอีก
แต่… สามีของเกาผิงเป็นคนพิการ ขาเป๋ แถมยังชอบใช้ความรุนแรง เกาผิงท้องสองครั้งก็ถูกซ้อมจนแท้งทั้งสองครั้ง พอมีลูกไม่ได้ก็ยิ่งถูกซ้อมหนักขึ้น จนสุดท้ายก็เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย…
“เปลี่ยนชื่อให้เกาผิงเถอะ ชื่อแบบนั้นไม่เพราะเลย” เกาซูพูดขึ้น
“เรื่องชื่ออะไรนั่น เล็กน้อยจะตายไป” แม่ของเธอตอบ “จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนสิ แต่ว่า… เรื่องจักรยาน…”
พูดจบ ผู้เป็นแม่ก็หันไปมองมู่อวิ่นเฉิง
“เรื่องนั้น… ผมจะลอง…”
มู่อวิ่นเฉิงกำลังจะตอบตกลง แต่แล้ว…
กึด!
ความเจ็บที่ต้นขา ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจ เมื่อต้นขาของเขาถูกมือเล็ก ๆ หยิกเข้าอย่างแรง!
“เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกที ขนาดหนูกับสามียังไม่มีจักรยานใช้เลย” เกาซูพูดขัดขึ้น ภาพในอดีตที่แม่คะยั้นคะยอให้เธอซื้อจักรยานให้น้องชายก็ผุดขึ้นมาในหัว
ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากตรงนี้! วันนี้ขอจักรยาน จากนั้นก็ขอนาฬิกา ในอนาคตก็คงขอรถ และขอบ้าน ขอทุกอย่างที่เธอมี…
“ว่าแต่… บ้านลุงหวังเขาได้จักรยานมาได้ยังไงกัน หรือว่าเพราะลูกเขยเขาเป็นคนเมือง…”
“แล้วทำไมตอนนั้นแม่ไม่ขายหนูให้คนเมืองล่ะ จะได้ไม่ต้องมาแต่งกับทหารจน ๆ แบบนี้!”
คำพูดตรงไปตรงมาของเกาซูทำให้แม่หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ส่วนมู่อวิ่นเฉิงก็หน้าเสียไปไม่น้อย
เกาซูรู้ดีว่า มู่อวิ่นเฉิงเป็นคนเก่งกาจ หาของพวกนี้ให้ได้ไม่ยาก แต่เธอจะต้องการชื่อเสียงจอมปลอมพวกนั้นไปทำไม? ในเมื่อชาติที่แล้ว เธอก็โง่เขลาหลงใหลในลาภยศจนตัวเองต้องพบจุดจบที่น่าอนาถ เพราะถูกหลานชายแท้ ๆ ฆ่า เพื่อชิงสมบัติ!
แต่มู่อวิ่นเฉิงกลับคิดต่างออกไป เขาเป็นสามี จะให้ตัวเองอับอายต่อหน้าญาติของภรรยาได้อย่างไร
“ถึงจะหายาก แต่…”
กึด!
“อึก!” ยังไม่ทันที่มู่อวิ่นเฉิงจะได้พูดจบ ต้นขาของเขาก็ถูกมือเล็ก ๆ หยิกเข้าให้อีกครั้ง ราวกับต้องการฝังเล็บลงไปในเนื้อด้วยความโมโห
มู่อวิ่นเฉิงได้แต่กลืนคำพูดลงคอไปอย่างช่วยไม่ได้
“หนูขอไปดูพ่อกับเกาผิงที่ทุ่งนาก่อน แล้วจะกลับบ้านเลย ที่บ้านมีงานให้ทำอีกเยอะ” พูดจบ เกาซูก็เตรียมจะลุกขึ้นยืน
มู่อวิ่นเฉิงจึงหยิบซองแดงเตรียมมอบให้
ทว่า…
“อึก!”
ต้นขาของเขากลับโดนจู่โจมเป็นครั้งที่สาม! จนเขาต้องล้มเลิกความตั้งใจไปโดยปริยาย
จากนั้น แม่ของเธอก็พยายามรั้งลูกสาวให้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน “กินข้าวเย็นที่นี่ก่อนสิ เดี๋ยวพ่อกับเกาผิงก็กลับมาแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูจะไปคุยเล่นกับน้องสักเล็กน้อย แล้วจะกลับเลย”
พูดจบ เกาซูก็เดินดุ่ม ๆ ออกไปที่ทุ่งนา ทิ้งให้มู่อวิ่นเฉิงนั่งเกาหัวแกรก ๆ อยู่ที่เดิม เพราะทำตัวไม่ถูก
เมื่อมาถึงทุ่งนาอันทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เกาซูก็เอ่ยปากทักทายพ่อของเธอ ก่อนจะลากเกาผิงไปคุยกันเพียงลำพัง
เกาผิงเหงื่อโทรมกาย ผิวก็หมองคล้ำจากแดด เห็นได้ชัดว่างานไร่งานสวนหนักหนาเพียงใด ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่กำลังวุ่นวายที่สุดของครอบครัว เธอกลับไม่เห็นน้องชายมาช่วยแบ่งเบาแม้แต่เงาเลยด้วยซ้ำ
คิดแล้วมันก็น่าโมโห มีลูกชายขี้เกียจสันหลังยาวขนาดนี้ แต่พ่อแม่กลับยกยอปอปั้นราวกับว่าเจ้าคนไร้ประโยชน์นั่นมันเป็นคนดี
“ไอ้เจ้าเกาเหวินนี่มันก็จริง ๆ เลยนะ รู้ว่าพ่อกับน้องกำลังลำบากกันอยู่แท้ ๆ แต่ยังกล้าไปเที่ยวเล่นไม่รู้เวร่ำเวลาอีก ไม่ช่วยกันสร้าง แต่มาช่วยกิน ฉันล่ะอยากเห็นหน้าเมียในอนาคตของมันจริง ๆ สภาพไม่เอาอ่าวแบบนี้ ใครที่ไหนจะอยากได้เป็นผัว”
เกาผิงได้แต่ทอดถอนใจ เธอเองก็จนปัญญาที่จะเอ่ย เพราะเป็นลูกสาวคนสุดท้อง คำพูดของเธอจึงไม่มีใครฟัง คนที่คอยเป็นที่ปลดทุกข์ให้เธอยามเศร้าก็ออกเรือนไปอยู่บ้านสามี ทำให้สถานะของเธอในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับทาสในเรือนเลยด้วยซ้ำ
“จริงสิ แม่จะให้เธอแต่งงานแล้วใช่ไหม” เกาซูถามขึ้นมาอีกครั้ง
เกาผิงพยักหน้ารับเบา ๆ นัยน์ตาพลันเศร้าหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“เธอห้ามตอบตกลงเชียวนะ!” เกาซูกำมือเล็ก ๆ ของน้องสาวแน่น พลางยัดเงินให้จำนวนหนึ่ง
“เงินก้อนนี้ เธอเก็บไว้ เอาไว้ซื้อสมุดกับปากกา แล้วก็… ลองหาดูว่า จะซื้อหนังสือได้ไหม ถ้าหาไม่ได้ก็บอกพี่ เดี๋ยวพี่หามาให้ เธอต้องตั้งใจเรียนหนังสือ แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้นะ!”
เกาผิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่เด็กนักเรียนในเมืองพูดถึงกันเท่านั้น แต่สำหรับเด็กสาวชาวบ้านนอกอย่างเธอ มันช่างเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม
“เชื่อพี่สิ! ถ้าแม่บังคับให้เธอแต่งงาน เธอต้องปฏิเสธไป ถ้าไม่ได้ผลก็มาหาพี่ที่หมู่บ้านจวีกง พี่จะจัดการให้เอง!”
เกาซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธอมองน้องสาวตัวเล็กผอมแห้งที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานหนักน้ำตาคลอ
ในชีวิตนี้ เธอจะต้องเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเกาผิงให้ได้ และไม่ว่าอย่างไร เธอต้องหาหนทางแก้แค้น ไอ้เด็กเนรคุณที่กำลังจะลืมตาดูโลกเพื่อมาฆ่าเธอที่ป้าแท้ ๆ ให้ได้เช่นกัน
หลังจากคุยกับน้องสาวในสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้ว เกาซูและสามีก็รีบออกเดินทางกลับบ้านเพราะกลัวว่า หากรอให้เย็นย่ำจะมืดจนมองไม่เห็นทาง และอาจโดนโจรดักปล้นเอาได้
ระหว่างทางกลับบ้าน เกาซูก็ยื่นมือออกมาตรงหน้ามู่อวิ่นเฉิง
“อะไรเหรอ” มู่อวิ่นเฉิงมองมือเล็ก ๆ นั้นอย่างงุนงง
“ซองแดงล่ะ?” เกาซูถามเสียงเรียบ
ชายหนุ่มถึงกับอึกอักในลำคอ เพราะเขาให้ซองแดงที่ใส่เงินแปดสิบหยวนนั้นกับแม่ยายไปแล้ว!
“เอามานี่! ได้ยินที่ฉันพูดไหม” เกาซูทำหน้าบึ้ง
แน่นอนว่า มู่อวิ่นเฉิงไม่มีทางเอามาให้ได้… เพราะซองนั่นไม่ได้อยู่ที่เขาอีกต่อไปแล้ว
“ที่ว่าเอามานี่น่ะ ฉันหมายถึง เงินทั้งหมดที่คุณมีติดตัว กับสมุดบัญชีเงินเดือน!” ความจริง ในชาติที่แล้ว มู่อวิ่นเฉิงก็มอบทุกอย่างให้เธอหลังจากกลับเข้าค่ายทหาร
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่อวิ่นเฉิงก็ไม่รอช้า รีบควักเงินทั้งหมดในกระเป๋าออกมาวางไว้ในมือเธอ “สมุดบัญชีอยู่ที่บ้าน ฉันไม่ได้เอาติดตัวมา”
“อืม กลับไปก็เอามาให้ฉันด้วยล่ะ” เกาซูรับเงินมาเก็บไว้ ก่อนจะพูดต่อ “มู่อวิ่นเฉิง ฉันมีข้อตกลงกับคุณอยู่สามข้อ”
MANGA DISCUSSION