บทที่ 37 บทเรียนของคู่รัก
เมื่อได้ยินเสียงเรียก เธอก็รีบเปลี่ยนทิศทาง วิ่งเข้าไปในห้องทันที
เมื่อเข้าไปในห้อง เธอก็ดึงตัวเขาให้หันกลับมา พร้อมกับสำรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียด
“เธอทำอะไรน่ะ?” เขาถึงกับงง นี่เป็นอาการใหม่ของคนมีประจำเดือนงั้นเหรอ? เมื่อครู่นี้ หมอจวิ้นไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยนี่นา?
“คุณ… คุณไม่ได้บาดเจ็บอะไรใช่ไหม?” น้ำตาของเธอคลอหน่วย
“เปล่านี่!” เขามองดวงตาแดง ๆ ของเธอ พลางนึกถึงคำพูดของหมอจวิ้น
ผู้หญิงที่มีประจำเดือนมักอ่อนไหว อารมณ์แปรปรวนง่าย
“ถ้าอย่างนั้น… คุณไปห้องพยาบาลทำไม?” เกาซูรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
“ไป…” มู่อวิ่นเฉิงไม่กล้าบอกความจริงว่า เขาไปถามหมอจวิ้นเรื่องอาการของผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน “เปล่า แค่ไปถามเรื่องทั่วไปนิดหน่อย”
เมื่อลองปะติดปะต่อเรื่องราวดูแล้ว เกาซูก็หาคำตอบให้ตัวเองได้
ที่อีกฝ่ายไปหาหมอมาครั้งนี้ ก็คงเป็นเรื่องนั้นไม่ผิดแน่
“นี่… คุณไม่ต้องกดดันตัวเองหรอกนะ ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ฉัน… ฉันไม่สนใจเรื่องพรรค์นั้นเลยจริง ๆ”
เกาซูยิ่งรู้สึกแย่ ที่แท้สิ่งที่เธอคาดเดาก็เป็นความจริง เขาไปห้องพยาบาลเพราะเรื่องนี้จริง ๆ ด้วย
มู่อวิ่นเฉิงขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องสนใจได้ยังไง?”
หมอจวิ้นบอกว่า ผู้หญิงในช่วงเป็นประจำเดือนต้องระวังเป็นพิเศษ เวลาที่เธอพูดว่า ‘ไม่เป็นไร’ มักจะ ‘เป็น’ เสมอ เวลาที่เธอพูดอะไรออกมา ให้เดาไว้ว่า เธอคิดอีกแบบหนึ่งทุกครั้ง
“แต่ว่า…” น้ำตาของเกาซูกำลังจะไหลออกมาอีกแล้ว “อวิ่นเฉิง ฉันสงสารที่คุณต้องเป็นแบบนี้…”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันจะดูแลเธอเอง” มู่อวิ่นเฉิงซื้อน้ำตาลแดงกลับมาด้วย หมอจวิ้นบอกว่าน้ำตาลแดงนั้นดีกับผู้หญิงที่มีประจำเดือน
“อวิ่นเฉิง! อย่าเลย! ฉันไม่ต้องการแล้ว!”
มู่อวิ่นเฉิงชักเริ่มงงงวย แค่น้ำตาลทรายแดงเท่านั้นเอง จำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ?
“อวิ่นเฉิง คุณวางใจได้ ฉันแค่อยากใช้ชีวิตกับคุณให้ดี ฉันจะไม่รังเกียจคุณหรอก ฉันก็ไม่ต้องการลูกด้วย พวกเรามีจงอี้ก็พอแล้วนะ”
ยิ่งเธอพูดมาแบบนั้น มู่อวิ่นเฉิงก็ยิ่งตกใจ
“มันอาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงขนาดมีลูกไม่ได้เลยงั้นเหรอ?” มู่อวิ่นเฉิงคว้ามือเกาซูไว้ทันที หมอจวิ้นเคยบอกว่าถ้าผิดปกติมาก ๆ ต้องไปหาหมอ
เกาซูมองเขาอย่างแปลกใจ “คุณ… คุณไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง?” มู่อวิ่นเฉิงไม่เคยคิดมาก่อนว่า เขาจะมีลูกไม่ได้ เขาจับมือเธอไว้แน่น “เกาซู ไป… ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
“ไป… ไปโรงพยาบาล? ตอน… ตอนนี้เลยเหรอ?” เกาซูพูดตะกุกตะกัก ถึงจะต้องรักษา แต่มันก็เป็นเรื่องระยะยาวไม่ใช่หรือไง? ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้นี่นา
“แล้วจะให้ทำยังไง? เธอจะรอไปถึงเมื่อไหร่?” จริง ๆ แล้ว มู่อวิ่นเฉิงไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะมีลูกหรือไม่ แต่ถ้ามีปัญหาสุขภาพ ก็ต้องรีบรักษา และต้องตรวจดูว่า มีปัญหาอื่น ๆ ร่วมด้วยอีกไหม
เกาซูรู้สึกงงงวย “ฉัน… ฉันไม่ได้รอสักหน่อย?”
ทำไมเขาถึงบอกว่าเธอรอ?
“ถ้าร่างกายมีปัญหา ก็ต้องรักษาสิ อย่ามองข้ามมันไป เกาซู!”
เกาซูยิ่งงงหนักกว่าเดิม “ฉัน… ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรสักหน่อย? ฉันแค่เป็นหวัด ตอนนี้ก็หายดีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
มู่อวิ่นเฉิงเลิกคิ้ว “แล้วเมื่อกี้ เธอพูดว่าอะไร?”
สายตาของเกาซูที่เดิมมองอยู่ที่ใบหน้าของเขา ก็ค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำ “ฉัน… ฉันหมายถึงคุณต่างหาก? คุณ…”
มู่อวิ่นเฉิงนึกถึงคำพูดของเธอเมื่อครู่
ไม่รังเกียจ ไม่ต้องการลูก มีแค่จงอี้ก็พอแล้ว…
ถ้าอย่างนั้น เธอก็หมายความว่า… เขามีปัญหาทางเพศ? เขาเป็นหมัน?
มู่อวิ่นเฉิงรู้สึกตกใจกับความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัว
เกาซูรู้สึกร้อนรนใจ แย่แล้ว! เธอเผลอพูดออกไปแล้ว เขาต้องเสียใจมากแน่ ๆ
เธอโผเข้ากอดเขา พลางลูบหลังเขาเบา ๆ “อวิ่นเฉิง… อย่าเศร้าไปเลย ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนี้จริง ๆ นะ คุณไม่ต้องเสียใจไปหรอก อย่าคิดมากด้วย แล้วก็อย่าโทษตัวเอง…”
เธอบอกว่า เขาโทษตัวเอง?
“เกาซู!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังลั่น
เสียงตะโกนนั้นทำให้เกาซูตกใจจนถอยหลังออกไปสองก้าว
”เกาซู!” มู่อวิ่นเฉิงถึงกับพูดไม่ออก เขาส่ายหัวหนัก ๆ ก่อนจะเดินวนไปวนมาในห้อง “เก่งจริง ๆ! คิดอะไรแปลกๆ ได้ตลอดเลย!”
“ฉัน…”
“ห้ามพูด!” มู่อวิ่นเฉิงตวาด “เธอคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่?”
“อวิ่น… อวิ่น… อวิ่นเฉิง…” ทั้งหมดนี้ เป็นความผิดของเธอเอง เธอเป็นคนพูดทำร้ายจิตใจเขา จะทำยังไงดี? จะแก้ไขยังไงดี?
“อวิ่นเฉิง… ไม่เป็นไรนะ ถ้าคุณเป็นกังวล พวกเราค่อย ๆ รักษาไปด้วยกันก็ได้.. จริง ๆ นะ… ฉันรู้จักหมอแผนจีนคนหนึ่ง เขาเก่งมาก…”
เธอรู้จักหมอแผนจีนคนหนึ่งจริง ๆ แต่นั่นเป็นเรื่องในอีกหลายปีข้างหน้า แต่ตอนนี้ พวกเขาสามารถไปพบหมอ และทำความรู้จักไว้ก่อนก็ได้นี่!
ความคิดไม่เลว! ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความหวัง “รอคุณหยุดงานคราวหน้า พวกเราไปหาหมอกัน…”
“เกาซู!”
เธอยังพูดไม่จบประโยค ก็ถูกเสียงตะโกนของเขาขัดเสียก่อน
“ไปยืนมุมห้องเดี๋ยวนี้!”
“…”
หญิงสาวถึงกับนิ่งอึ้งไปกับบทลงโทษ
แต่จะทำอย่างไรได้ ก็เธอผิดเองที่ทำร้ายความรู้สึกของคนเป็นหมัน
เอาก็เอา! ยืนก็ยืน!
เธอเดินไปยืนมุมห้องอย่างว่าง่าย เหมือนกับจงอี้ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ หันกลับมาพูดว่า “อวิ่นเฉิง…”
“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ท่องหนังสือให้ฉันฟัง! ห้ามหยุด!
“ท่อง… ท่องอะไรล่ะ?” เกาซูงุนงง
“ท่องอะไรก็ได้! ถ้าฉันไม่บอกให้หยุดก็ห้ามหยุด!” มู่อวิ่นเฉิงพูดพลางเดินวนไปมาในห้องหลายรอบแล้ว
เกาซูคิดอย่างหนัก เริ่มท่องตั้งแต่ ‘ตัวเลข’ ไปจนถึง ‘หน่วยเงิน’ แล้วก็ ‘ตัวอักษร’ ต่อด้วยอีกหลายอย่าง…
คืนนั้น เธอท่องจากมุมห้องไปที่เก้าอี้ แล้วจากเก้าอี้ไปที่เตียง จนกระทั่งเข้านอนก็ยังพึมพำ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว…”
วันรุ่งขึ้น เธอเดินซึม ๆ ไปกินอาหารเช้าที่โรงอาหาร พบกับหวางเฟยอวี้และภรรยาทหารอีกสองสามคน หวางเฟยอวี้ยิ้มทักทายเธอ แล้วเข้ามาใกล้ ๆ อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ถามว่า “นี่เสี่ยวซู เธอร่ำเรียนมาขนาดไหน?”
เกาซูไม่รู้ว่าทำไมหวางเฟยอวี้ถึงถามแบบนี้ จึงตอบว่า “เคยเรียนที่โรงเรียนในหมู่บ้าน…”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น…” หวางเฟยอวี้พูดยิ้ม ๆ “เมื่อคืนพลทหารเหิงบอกว่าได้ยินเธอท่องตำรา”
เกาซูท่องมาทั้งคืน ตอนนี้สมองยังมึน ๆ อยู่เลย พอได้ยินแบบนั้นก็ไม่ทันคิด เธอรีบส่ายหน้าอย่างหมดแรง “อย่าพูดถึงเลยค่ะ ฉันท่องหนังสือมาทั้งคืน จนหัวโตเลยเนี่ย!”
“ทำไมล่ะ?” หวางเฟยอวี้รู้สึกขำ “พวกเธอ… เธอกับผู้กองมู่ อยู่ด้วยกันแล้วรักการเรียนขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ขอโทษที่ฉันหัวโบราณไปหน่อย นี่… อยู่ห่างกันตั้งนาน อุตส่าห์ได้มานอนด้วยกันทั้งที กลับต้องมานั่งเรียนหนังสือด้วยกันแบบนี้เหรอ?”
“ก็… เมื่อวานฉันพูดจาโหดร้าย เลยโดนลงโทษน่ะสิคะ…”
หวางเฟยอวี้หัวเราะลั่น “เสี่ยวซู คนมีการศึกษาอย่างเธอ โดนลงโทษก็ยังไม่เหมือนชาวบ้านเลยนะ!”
เกาซูรู้สึกหน้าแดง แต่อดไม่ได้ที่จะถามหวางเฟยอวี้ด้วยความอยากรู้ “แล้วคุณล่ะ? พลทหารเหิง ลงโทษคุณหรือเปล่า?”
“เรื่องนั้น… อืม… ฮึ ๆ ๆ…” หวางเฟยอวี้ไม่ตอบ ได้แต่หัวเราะคิกคัก
มู่อวิ่นเฉิงรู้สึกได้ว่าวันนี้ทุกคนดูแปลกไป พลทหารเหิงมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ เหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่ยิ้ม พี่น้องคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน ราวกับพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิต แม้แต่เสี่ยวอวี้ก็ดูแปลกเช่นกัน
“เสี่ยวอวี้!” หลังจากการฝึกเสร็จสิ้น มู่อวิ่นเฉิงเรียกเสี่ยวอวี้เอาไว้ “มีอะไรหรือเปล่า?”
เสี่ยวอวี้ไม่กล้ามองหน้าหัวหน้าหน่วย “ไม่มีครับ!”
“มองตาฉันแล้วพูด!”
มีช่องทางอ่านสุดคุ้มที่ Bookfet.com
MANGA DISCUSSION