บทที่ 34 วันแดงเดือด
ในที่สุด มู่อวิ่นเฉิงก็ไม่อาจปกปิดสีหน้าเอาไว้ได้ เขาเหยียดรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมา “มีความสุขสิ”
เกาซูแทบไม่อยากเชื่อหู เขามีความแน่เหรอ แต่เมื่อครู่เขาไม่มาตลอดเลยนี่ แถมยังเอาแต่ตำหนิเธอเสียงเข้มอีกต่างหาก
เกาซูพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เสียงหิมะตกกระทบหน้าต่างดังขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกว่าค่ำคืนกำลังล่วงเลยเข้าไปทุกที
ถึงเวลานอนแล้ว
คืนนี้เป็นคืนพิเศษ เกาซูรู้สึกตื่นเต้น สีหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและความมั่นใจ
คืนนี้แหละ! เธอต้องได้ตัวเขามาครอบครอง!
ถึงอย่างนั้น เกาซูก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำตัวเหมือนคนร้ายอย่างไรชอบกล
ทว่า ความมั่นใจทั้งหมดของเธอกลับมลายหายไปหมด หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็กลับมาพร้อมกับท่าทางอ่อนล้า ไร้ชีวิตชีวา
มู่อวิ่นเฉิงเห็นเข้าก็ตกใจ คิดว่าเธอคงจะเป็นหวัด จึงเข้ามาแตะหน้าผากเธอเบา ๆ แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า?”
เกาซูส่ายหน้าปฏิเสธ
“แล้วเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อกี้เธอยังดูสดใสร่าเริงอยู่เลย
“มู่อวิ่นเฉิง!” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยเหมือนจะร้องไห้ “ฉัน… ฉันมี… เอ่อ… วันแดง… เดือด…”
มู่อวิ่นเฉิงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น
แดงอะไร? อะไรเดือด?
“อะไรนะ? แดงเหรอ? เสื้อแดง? เธออยากได้เสื้อสีแดงเหรอ?” เขาถามด้วยความสับสน
“ไม่ใช่!” เกาซูกระทืบเท้า “มันคือวันแดงเดือด… คือวันที่ประจำเดือนฉันมา… ก็คือ… ฉันมีรอบเดือนน่ะ…”
มู่อวิ่นเฉิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจในที่สุด
เขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาก่อน จึงได้แต่ถามด้วยความกังวลว่า “มัน… เจ็บมากไหม? ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
เกาซูแทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความโมโห!
เรื่องนั้นมันสำคัญตรงไหนกัน! ที่สำคัญคือความฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอกำลังพังทลายลงไม่มีชิ้นดีต่างหาก!
ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว!
แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี!
เกาซูหันหลังให้มู่อวิ่นเฉิง เหลือเพียงท้ายทอยให้เขามอง
ถึงแม้มู่อวิ่นเฉิงจะไม่ค่อยไวต่อความรู้สึกเท่าไรนัก แต่เขาก็รับรู้ได้ว่า อาการแบบนี้ของเธอหมายถึง ‘กำลังไม่พอใจอย่างมาก’
เขาเป็นคนที่มีระเบียบและตัดสินใจเด็ดขาดเสมอ จึงรีบรวบรวมสติ แล้วนั่งลงตรงข้ามกับเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เกาซู เมื่อเจอปัญหา เราต้องวิเคราะห์และแก้ไขมัน ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของผู้หญิงเท่าไหร่ เธอบอกฉันมาได้เลย ถ้าต้องการอะไร ฉันจะไปซื้อให้ ถ้าต้องกินยาด้วย ฉันจะไปขอที่ห้องพยาบาล ถ้าไม่สบายใจก็พูดออกมา ฉันจะช่วยเธอคิด”
เกาซูได้ยินดังนั้นก็ได้แต่คิดในใจว่า ผู้ชายคนนี้มันสมองกลวงหรือเปล่าเนี่ย!
“ฉันก็แค่ไม่สบายใจนี่แหละ!” เกาซูบ่นพึมพำ
“งั้นก็บอกมาสิว่าเรื่องอะไร” เขายังคงทำท่าเตรียมพร้อมรับฟังและช่วยเธอคิด
เกาซูยิ่งโมโหขึ้นไปอีก เธอพุ่งเข้าไปหาเขา ก่อนจะทุบไหล่เขาแรง ๆ “ฉัน… มีประจำเดือนแบบนี้… ก็เลยไม่สามารถ… กับคุณได้…”
เธอโอบคอเขาไว้ แล้วกระซิบคำพูดที่เหลือเบา ๆ ที่ข้างหู “ฉันเสียดาย…”
มู่อวิ่นเฉิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะมองหน้าเธอ แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เกาซูมองเขาด้วยสีหน้าเคียดแค้น “มันน่าขำมากเลยเหรอ”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณไม่ได้ตั้งตารอเรื่องนี้เลย? คุณมีความสุขที่ไม่ได้ทำแบบนั้นกับฉันงั้นเหรอ… อ๋อ… เพราะแบบนี้สินะ คุณถึงไม่เคยยิ้มเลย เพราะคุณไม่เต็มใจที่จะมีฉันเป็นเมียใช่ไหม”
มู่อวิ่นเฉิงเห็นท่าทางของเธอแล้วก็ยิ่งขำ แต่ก็พยายามกลั้นไว้ “เกาซู ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นจริง ๆ นะ!”
“ไม่คิดจริงเหรอ?” เกาซูขมวดคิ้วจนใบหน้าย่น
“ฉันไม่รู้ว่าเธออยาก…” พูดมาถึงตรงนี้เขาก็หยุดไป ไม่ได้พูดต่อ เขาเหลือบไปเห็นยาบนโต๊ะ น้ำเสียงจึงเปลี่ยนเป็นเข้มงวดขึ้นทันที “เธอกินยาหรือยัง?”
เกาซูถึงกับหน้าถอดสี
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ยังไม่ได้กินใช่ไหม”
หญิงสาวไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร จึงได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน “แหะ ๆ” จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอน และแกล้งหลับ
“เกาซู อย่าคิดว่าแกล้งหลับแล้วจะรอดตัวไปได้นะ!”
“เกาซู! ตื่นมากินยาเดี๋ยวนี้!”
เกาซูคลุมตัวเองด้วยผ้าห่ม เสียงของเธอดังอู้อี้ออกมา “ฉันไม่ได้กินแค่คืนนี้เองนะ…”
“งั้นจะกินตอนไหน?” เสียงของเขาแฝงไปด้วยความเข้มงวด “ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ตอนที่เกาซูค่อย ๆ มุดออกมาจากผ้าห่มอย่างเชื่องช้า เขาก็ยืนตระหง่านอยู่ข้างเตียงแล้ว
หญิงสาวยื่นมือออกไปปิดใบหน้าของเขาทั้งหมด “ห้ามดุนะ! คุณดุแล้วไม่หล่อเลย! ไม่หล่อเลยสักนิด!”
มู่อวิ่นเฉิงหยุดชะงัก ก่อนจะดึงมือเธอออก “กินยาก่อน”
เกาซูจ้องเขม็งไปที่เขา “ฉันลืมกินยาก็เพราะคุณนั่นแหละ คุณกลับมาตอนนั้นพอดี ฉันเลยดีใจจนลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท”
เขากลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ แล้วยัดยาใส่มือเธอพร้อมกับส่งน้ำตามไป “เก่งจริง ๆ เรื่องโยนความผิดให้คนอื่น”
“ก็จริงนี่นา!” เกาซูรับน้ำ แล้วดื่มจนหมด ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง ซุกตัวในผ้าห่มอย่างอ่อนแรง “นอนเถอะ! ฉันไม่สนุกแล้ว”
มู่อวิ่นเฉิงหลุดขำออกมา “สนุกอะไร? ต้องเรื่องนั้นถึงจะเรียกว่าสนุกเหรอ?”
เมื่อเธอได้ยินสามีเปิดประเด็นมาแบบนั้น ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที
“ดูหน้าเธอสิ!” มู่อวิ่นเฉิงพยายามกลั้นขำ “พอแล้ว ไปนอนได้แล้ว!”
เกาซูส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันหลังให้เขา
มู่อวิ่นเฉิงเองก็นอนลงเช่นกัน ทั้งสองคนยังคงใช้ผ้าห่มแยกกัน
ความรู้สึกหดหู่ยังคงวกวนอยู่ในใจของเกาซู จนกระทั่งเสียงทุ้มของเขาดังขึ้นท่ามกลางความมืด “คืนนี้ไม่หนาวเหรอ?”
“หนาวสิ” เกาซูตอบเสียงแผ่ว “ช่วงนี้ฉันขี้หนาวง่ายกว่าปกติด้วย”
จากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวจากด้านหลัง ราวกับจำใจยอมทำอะไรบางอย่าง ตามมาด้วยแขนแกร่งที่สอดเข้ามาในผ้าห่มของเธอ
ทันใดนั้น ร่างของเธอก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น “ถ้าหนาว ทำไมไม่ขยับเข้ามาหาฉันล่ะ?” ขาของเขาสัมผัสกับเท้าของเธอ ความเย็นจากปลายเท้าของเธอทำให้เขารู้สึกได้
นิ้วมือของเกาซูลูบไล้ไปตามแผงอกแข็งแกร่งของเขาอย่างแผ่วเบา พึมพำว่า “ก็ฉันกลัวว่า… ถ้าฉันขยับเข้าไปใกล้กว่านี้ ฉันจะควบคุมตัวเองไม่อยู่…”
มู่อวิ่นเฉิงถึงกับพูดไม่ออกกับคำพูดของเธอ ความรู้สึกทั้งโมโหและขบขันแล่นผสมปนเปกันอยู่ในอก “เกาซู เธอช่วยพูดจาให้มันเหมือนคนเรียบร้อยหน่อยได้ไหม?”
“ฉันก็เป็นแบบนี้นี่ จะทำไม?” เธอพูดพลางสอดมือเข้าไปใต้เสื้อของเขา สัมผัสกับกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งใต้ฝ่ามือ
“อย่าซนได้ไหม รีบ ๆ หลับเถอะ” เขาจับมือเธอไว้แน่น
เกาซูรู้สึกไม่พอใจ เลยกัดเข้าที่ไหล่ของเขาอย่างแรง แต่ไหล่ของเขากลับแข็งราวกับหิน เธอจึงอดบ่นไม่ได้ “กัดไม่เข้าเลยแฮะ!”
“เธอกัดฉันไม่เจ็บหรอก ระวังฟันของเธอจะแตกซะเอง!” เขากดศีรษะด้านหลังของเธอเบา ๆ “อยู่นิ่ง ๆ แล้วว่าง่าย ๆ หน่อยได้ไหม?”
เกาซูจึงเริ่มสงบลง
มู่อวิ่นเฉิงชวนเธอคุย ถามไถ่ว่าตอนกลางวันทำอะไรบ้าง อยู่คนเดียวหรือเปล่า เบื่อไหม
เธอตอบคำถามเขาเป็นข้อ ๆ
ในขณะที่คุยกันไปมา เกาซูก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
รุ่งเช้า เสียงแตรรถทหารปลุกเธอให้ตื่น แต่เปลือกตายังคงหนักอึ้ง
เมื่อเธอฝืนตัวเองลุกขึ้น ในห้องก็ว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยของเขาเหมือนเช่นเคย
เมื่อคืนเขาถามเธอว่า ตอนกลางวันทำอะไรบ้าง อยู่คนเดียวเบื่อไหม พูดกันตามตรง แม้ในยุคนี้จะไม่มีทั้งโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยสักนิด
หิมะตกหนักตลอดคืน โลกภายนอกถูกย้อมเป็นสีขาวโพลน สว่างจนแสบตา
เช้าวันนั้น เธอใช้เวลาอยู่ในห้อง วาดรูปและเขียนงาน ออกแบบเสื้อผ้าชุดใหม่ ๆ
เธอมาที่นี่หลายวันแล้ว คงทำให้ตู้เหลียงและมู่เยี่ยนฟางเป็นห่วงแย่ พอกลับไป อย่างน้อยต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปฝากพวกเขาบ้าง
เสียงเด็ก ๆ เล่นกันดังขึ้นในช่วงบ่าย ที่นี่มีบ้านพักทหารอยู่หลายหลัง เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นปาหิมะกัน คงจะเป็นลูกหลานของทหารแถวนี้
MANGA DISCUSSION