บทที่ 32 วันเกิดสามี
เกาซูไม่ได้ยินประโยคนั้นของเขา เธอยังคงอยู่ในห้วงความฝัน
ในนั้น เธอเห็นมู่อวิ่นเฉิงยื่นมือมาหาเธอและพูดว่า “เกาซู กลับบ้านกันเถอะ”
ทันใดนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลพรากออกมาราวกับสายน้ำ หญิงสาวพยักหน้าระรัว แล้ววิ่งไปหามู่อวิ่นเฉิง “อื้ม! มู่อวิ่นเฉิง พาฉันกลับบ้านที! พาฉันกลับบ้าน…”
ในความมืด มู่อวิ่นเฉิงที่กำลังกอดเธอไว้ ได้ยินเสียงพึมพำของเธอว่า ‘มู่อวิ่นเฉิง พาฉันกลับบ้านที’ แล้วชายหนุ่มก็ชะงักไป
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง มู่อวิ่นเฉิงต้องตื่นนอนแล้ว
ทันทีที่ตื่นขึ้นมา ก็รู้ได้ทันทีว่า เกาซูไข้ลดลงแทบจะหายดีแล้; เพราะหน้าผากของเธอแนบชิดกับริมฝีปากของเขาพอดี
ชายหนุ่มไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน จึงได้แต่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นไปครู่ใหญ่
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้น จัดผ้าห่มให้เธอจนเรียบร้อย แล้วล้างหน้าแปรงฟัน และออกไป
เกาซูหลับสบายมาก พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตัวเบาขึ้นมาก เธอก้มลงมองดูตัวเอง เห็นเสื้อผ้าถูกเปลี่ยนใหม่หมดแล้ว ร่างกายก็สะอาดสดชื่น ไม่มีความเหนียวเหนอะหนะหลังจากเหงื่อออกตอนมีไข้ ก็เป็นต้องตะลึงงันอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็นอนลงไปอีกครั้ง
ในผ้าห่มยังมีความอบอุ่นของมู่อวิ่นเฉิงหลงเหลืออยู่ เป็นไออุ่นที่เขาทิ้งไว้…
ช่างน่าเสียดายที่ถูกขัดจังหวะเพราะพิษไข้ ไม่อย่างนั้นเธอจะมีโอกาสได้ไปไหนต่อไหนกับสามีแล้ว
เกาซูนอนเกียจคร้านอยู่อย่างนั้น คิดเรื่อยเปื่อยอยู่ในผ้าห่มสักพัก ก็รู้สึกว่าไม่ควรขี้เกียจต่อไป เธอลุกขึ้นเก็บที่นอนให้เรียบร้อย
แต่สายตากลับเหลือบไปเจอกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ ซึ่งมีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนไว้อย่างชัดเจนและหนักแน่นว่า ‘อย่าลืมกินยา!’
ข้าง ๆ กันนั้น มีถุงกระดาษเล็ก ๆ ใส่ยาวางเรียงกันสองถุง แต่ละชนิดมีวิธีการกินเขียนไว้อย่างละเอียดด้วยว่าคือยาอะไรบ้าง
พอเห็นแบบนี้ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาราวกับลูกมะเขือเทศ คงจะเป็นเหมือนคำพูดที่ว่า ‘เมื่อเรารักใคร ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็จะดูดีไปหมด’
ชาติก่อน มู่อวิ่นเฉิงในสายตาของเธอไม่มีข้อดีเลยสักอย่าง จดหมายที่เขาเขียนถึงเธอ เกาซูก็มักจะขี้เกียจอ่าน เธอเฉยเมยกับอวิ่นเฉิงมาก ถึงขั้นที่พ่อแม่สามียังต้องเอาจดหมายเหล่านั้นไปให้คนอื่นอ่านให้ฟัง แน่นอนว่าในจดหมายก็ไม่เคยพูดถึงเธอเลย
แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่ามู่อวิ่นเฉิงดีไปหมดทุกอย่าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นลายมือของเขา แต่เธอกลับรู้สึกว่าทุกตัวอักษรช่างเขียนได้ดีเหลือเกิน! หรือไม่… เธอก็คงจะถูกความรักบังตาจนเห็นภาพเหล่านี้ดีกว่าที่ควรเป็น
เกาซูตกอยู่ในภวังค์นานเกือบสองนาที แต่เมื่อตั้งสติได้ เธอก็รีบส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป
ไม่ได้การแล้ว! นี่มันสายมากแล้ว เธอไม่ควรมาเสียเวลาอยู่แบบนี้ แต่ระหว่างที่กำลังลุกลี้ลุกลนอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
ตอนแรกเธอคิดว่ามู่อวิ่นเฉิงกลับมา หัวใจจึงพองโตด้วยความตื่นเต้น
หญิงสาวรีบไปเปิดประตูทันที แต่ปรากฏว่าเป็นเสี่ยวอวี้ที่อยู่ข้างนอก
เสี่ยวอวี้มาบอกเธอว่าโรงอาหารของหอพักญาติทหารอยู่ตรงไหน และจะพาเธอไปกินข้าวเที่ยงที่นั่น
เธอหลับไปจนถึงตอนนี้ ไม่เพียงแค่พลาดอาหารเช้า แต่เสี่ยวอวี้ยังมาดูเธอหลายรอบแล้ว แต่เกาซูไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เสี่ยวอวี้ก็ไม่กล้ารบกวน จนกระทั่งถึงตอนเที่ยง เสี่ยวอวี้กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปจึงมาเคาะประตู สบจังหวะกับที่เกาซูกำลังหาที่กินมื้อแรกอยู่พอดี
เสี่ยวอวี้ถือห่อผ้ามาด้วย จากนั้นก็ยื่นให้เธอ “ผู้กองมู่บอกว่าให้ผมเอามาให้พี่สะใภ้ครับ”
เธอเปิดดู พบว่าข้างในเป็นเสื้อนวมลายดอกไม้…
“ผู้กองมู่บอกว่าเป็นของใหม่ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าสกปรกครับ” เสี่ยวอวี้เสริมอีกประโยค
“ดีเลย ขอบคุณนะเสี่ยวอวี้” เธอไม่รู้ว่ามู่อวิ่นเฉิงไปหามาจากไหน แต่เธอต้องการเสื้อผ้าดี ๆ ที่กันหนาวได้สักตัวจริง ๆ
เกาซูสวมมันทันทีโดยไม่พูดอะไร แล้วเดินตามเสี่ยวอวี้ไปที่โรงอาหาร
เกาซูกินมื้อเที่ยงด้วยหัวใจที่ไม่สงบ เพราะเธออยากรู้เหลือเกินว่ามื้ออวิ่นเฉิงจะกลับมาที่บ้านพักหรือไม่ แต่วันนี้เป็นวันเกิดของเขา เกาซูไม่อยากให้เขาต้องทิ้งเธอไว้แบบนี้คนเดียว
หญิงสาวลังเลอยู่สักพัก แต่ก็ตัดสินใจพูดกับเสี่ยวอวี้ว่า “เสี่ยวอวี้ ฉันมีเรื่องหนึ่งจะถามน่ะ ถ้าพูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดนะ แต่ฉันอยากรู้อะไรนิดหน่อย”
“ครับ ถามมาเลย”
“เย็นนี้ ผู้กองมู่จะกลับมากินข้าวที่นี่ไหม?” เกาซูถามอย่างระมัดระวัง ความจริงแล้ว ในชาติก่อนเธอใส่ใจมู่อวิ่นเฉิงน้อยเกินไป และสนใจงานที่เขาทำน้อยเกินไปด้วย
เธอไม่รู้ว่าอะไรถามได้หรือถามไม่ได้ อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ จึงค่อนข้างวางตัวลำบาก
ตอนแรกเสี่ยวอวี้ก็คิดว่าเธอจะถามอะไรสำคัญ จึงทำท่าจริงจังขึ้นมา แต่พอได้ยินคำถามนี้ก็ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ตอนเย็นน่าจะกลับมานะครับ แต่ไม่รู้ว่ากี่โมง”
“ที่นี่มีไว้สำหรับรองรับคนในค่ายและผู้ที่ได้รับอนุญาต ต่อไปพี่สะใภ้มาทานอาหารที่นี่ได้ทุกมื้อเลยครับ ไม่ต้องรอผู้กองมู่” นี่เป็นสิ่งที่มู่อวิ่นเฉิงสั่งเขาไว้ ให้เกาซูไปทานอาหารเองโดยไม่ต้องรอเขา
“ได้ ขอบคุณนะเสี่ยวอวี้” เกาซูพูดพร้อมรอยยิ้ม
คำขอบคุณหลายประโยคติดต่อกัน ทำให้เสี่ยวอวี้รู้สึกเขินอาย เขาจึงกล่าวว่า “ลาก่อนพี่สะใภ้” แล้วก็จากไป
จุดประสงค์ที่เกาซูดูตื่นเต้นที่จะได้มาโรงอาหารไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อต้องการทำเค้กวันเกิดให้มู่อวิ่นเฉิง
ที่จริงแล้ว เหตุผลที่เธอรีบอยากมาเยี่ยมญาติก็เพราะเรื่องนี้
ในชาติก่อน เธอไม่เคยจัดงานวันเกิดให้มู่อวิ่นเฉิงเลย
สิ่งที่ขาดไปในชาติก่อน ชาตินี้ต้องชดเชยทั้งหมด
แน่นอนว่าในยุคนี้ไม่มีเตาอบอย่างสมัยใหม่ แต่มีซึ้งนึ่ง และเค้กนึ่งก็อร่อยเหมือนกัน
เกาซูเดินไปหาคนครัวที่โรงอาหารและบอกความต้องการของตัวเองว่า จะขอยืมใช้ครัวในช่วงบ่าย และยังยืมวัตถุดิบบางอย่างจากครัวด้วย เธอจ่ายเงินให้โรงอาหารตามราคาที่ควรจะเป็น
แต่เดิมเธอตั้งใจจะนึ่งแค่แป้งเค้กก็พอ แต่โชคดีที่ของหลายอย่างพอจะสามารถใช้ทำครีมเค้กได้จึงทำครีมเพิ่มไปอีก
เธอทำขนมอบเก่งมาก แต่ด้วยข้อจำกัดของยุคสมัย ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย เลยไม่สามารถแสดงฝีมือได้เต็มที่ ได้แต่ทำดอกไม้ครีมสีแดงที่ได้จากดอกไม้แดง
แต่โดยรวมก็ถือว่าสวยมากเลยทีเดียว แม้แต่คนครัวเองก็ยังชื่นชมและขอให้เธอสอนทำอีกต่างหาก
ก่อนกลับ เกาซูแบ่งเค้กก้อนเล็กที่เหลือให้คนครัว แล้วเอาเค้กก้อนที่สมบูรณ์ที่สุดกลับมาที่พัก
แต่จนแล้วจนรอด มู่อวิ่นเฉิงก็ไม่ได้กลับมากินมื้อเย็นด้วยกัน เรื่องนี้เกาซูคาดไว้อยู่แล้ว จึงไม่ได้ผิดหวังอะไรมากมายนัก
เธอกินข้าวคนเดียว แล้วก็รอต่อไป แต่ฟ้ามืดสนิทแล้ว ก็ยังไร้วี่แววที่มู่อวิ่นเฉิงจะกลับมา
เธอคว่ำหน้าลงบนโต๊ะ ด้วยร่างกายที่ยังอ่อนเพลียอยู่ แม้ไข้จะลดลงแล้ว แต่ทั้งตัวก็ยังอ่อนเพลียมาก พอคว่ำหน้าลงได้ไม่นาน ก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงซู่ซ่าดังมาจากข้างนอก เธอคิดว่าฝนตก จึงเดินไปที่หน้าต่าง แล้วเลิกม่านขึ้นดู ปรากฏว่าหิมะกำลังโปรยปรายลงมา…
ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะสิ้นเดือนตุลาคมเอง…
เธอพิงหน้าต่าง มองดูพื้นดินด้านนอกค่อย ๆ ถูกปกคลุมด้วยชั้นหิมะบาง ๆ จนเป็นสีขาว
ส่วนสามีที่เธอรออยู่ก็ยังไม่กลับมาอยู่ดี
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดก็มีไฟหน้ารถแล่นเข้ามาสว่างวาบขึ้นเรื่อย ๆ
หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำ เกาซูรีบเปิดหน้าต่างทันที จากนั้น สายลมอันหนาวเย็นก็พัดเข้ามา
เธอจ้องมองรถคันนั้นไม่วางตา มองดูมันจอดลงที่ลานจอดรถ ร่างสูงสง่าคนหนึ่งได้ก้าวลงมาอย่างน่ามอง
เป็นเขาจริง ๆ! เป็นมู่อวิ่นเฉิงจริง ๆ ด้วย!
“มู่อวิ่นเฉิง!” เธอตะโกนเสียงดังจากหน้าต่าง แล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที
MANGA DISCUSSION