บทที่ 31 ฉันกำลังจะตายใช่ไหม
มู่อวิ่นเฉิงตกใจกับคำถามของเธอ “ฉันก็กลับมาแล้วนี่ไง”
คราวนี้ถึงคราวเกาซูงงบ้าง “งั้น… งั้นคุณจะไปไหนอีกล่ะ?”
“ฉันจะไปหาน้ำอุ่นมาให้เธอกินยายังไงล่ะ”
เกาซูรู้สึกอายที่ตัวเองเข้าใจผิด จึงนอนลงไปอีกครั้งและใช้ผ้าห่มคลุมหัวหนีอาย
แต่มู่อวิ่นเฉิงกลับดึงผ้าห่มของเธอออก “อย่าคลุมไว้แบบนั้นสิ เดี๋ยวก็หายใจไม่ออก”
“อืม…” เกาซูพยักหน้า “คุณไปเถอะ”
เมื่อมู่อวิ่นเฉิงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จู่ ๆ เธอก็ดึงชายเสื้อของเขาไว้ แล้วชำเลืองมองเขาสองสามครั้ง ก่อนจะถามเสียงเบาว่า “แล้ว… คืนนี้… คุณจะนอนที่นี่ใช่ไหม?”
มู่อวิ่นเฉิงมองมือเล็ก ๆ ขาวนวลที่กำลังจับชายเสื้อของเขาอยู่ แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบในที่สุดว่า “อืม”
เพียงแค่ได้ยินคำตอบนั้น หญิงสาวก็ยิ้มดีใจ แล้วพลิกตัวกลิ้งไปนอนด้านในของเตียง และหันหลังให้เขา
มู่อวิ่นเฉิงยืนอยู่ข้างเตียงสักพัก คราวนี้เขาก็ออกไปได้อย่างราบรื่นเสียที
เมื่อกลับเข้ามา ในมือของชายหนุ่มก็ถือกระติกน้ำร้อนมาด้วย เขามองดูเกาซูบนเตียงด้วยแววตาสงสัย
เมื่อครู่ยังซุกซนอยู่เลย ตอนนี้กลับเงียบสนิทเชียว ถึงขนาดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากลับมาแล้ว
“เกาซู” เขานั่งอยู่ข้างเตียง เรียกชื่อของเธออย่างแผ่วเบา
เพียงชั่วครู่เดียว เธอก็หลับสนิทไปแล้ว
เนื่องจากมีไข้สูง ใบหน้าของเธอจึงแดงก่ำ ที่หางตายังมีน้ำตาเอ่อคลออยู่ ริมฝีปากแห้งผาก จนลอกเป็นขุย
หญิงสาวหายใจหนักหน่วง
“เกาซู?” เขาประคองคอของเธอ แล้วพยุงให้ลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
เกาซูปรือตาขึ้นอย่างอ่อนแรง เปลือกตาเธอร้อนผ่าวราวกับถูกรนด้วยเปลวไฟ ความรู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะทำให้เธอเอนกายซบไหล่ของสามี
“มู่อวิ่นเฉิง…” เธอพึมพำชื่อของเขาเบา ๆ ลมหายใจที่เป่ารดออกมาปะทะผิวที่ต้นคอของเขา มันร้อนเสียจนน่าตกใจ
“กินยาก่อนเถอะ” มู่อวิ่นเฉิงนำแก้วน้ำมาแตะที่ริมฝีปากของเธอ ต้องการให้ริมฝีปากของเธอชุ่มชื้นเสียก่อน
แต่เกาซูกลับยังซบไหล่ของเขา แล้วก็จมลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
“เกาซู? เกาซู?”
ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ปลุกเธอไม่ตื่น มู่อวิ่นเฉิงลูบหน้าผากของเธอ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
หากปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีแน่ เขาจะต้องปลุกเธอให้ตื่นให้ได้!
“เกาซู?” เขาตบหน้าเธอเบา ๆ
อาจเป็นเพราะมือของเขาเย็นเกินไป ร่างกายที่ร้อนระอุของเธอจึงรู้สึกสบายเมื่อสัมผัสกับมือของเขา เลยเอนตัวเข้าหาอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัว
ใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเธอถูไถกับฝ่ามือของสามีราวกับแมวน้อยที่กำลังร้องขอความรัก
“ตื่นเถอะ! กินยาได้แล้ว! เกาซู…” เขาตบตัวเธอพลางตะโกนเสียงดัง
ในที่สุดเธอก็ยอมตื่นขึ้นมา แล้วส่งเสียงครางเบา ๆ ก่อนจะอ้าปากงับยาที่อีกฝ่ายป้อนให้
อาจเพราะตอนนี้เธอมึนเบลอไม่น้อย จึงไม่ค่อยมีแรงจะทำอะไร แม้กระทั่งกลืนยา ผลลัพธ์คือในวินาทีถัดมา ใบหน้าของเธอก็บิดเบี้ยวราวกับถูกป้ายด้วยบอระเพ็ด
“ขม…” เธอบ่นเบา ๆ พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น พยายามจะคายยาออกมาอย่างงุนงง
“ห้ามคายออกมานะ!” เขาออกคำสั่งเสียงขุ่น พร้อมกับรีบยกแก้วน้ำมาป้อนที่ปากของเธอทันที
เกาซูก้มหน้าดื่มน้ำอึกใหญ่ ทำให้กลืนยาในปากลงไปได้ แต่รสขมยังคงไม่จางหาย จึงร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ขมจัง… นี่มันยารักษาหรือยาพิษกันแน่เนี่ย”
มู่อวิ่นเฉิงหยิบน้ำตาลก้อนเล็ก ๆ ใส่เข้าไปในปากของเธอ เพื่อที่ว่าอีกฝ่ายจะได้หยุดบ่นเสียที
ท้ายที่สุด การป้อนยาเด็กดื้อก็ผ่านไปได้ด้วยดีเสียที
ตอนที่มู่อวิ่นเฉิงวางเธอลงบนหมอน เกาซูก็ถามอย่างงัวเงียว่า “มู่อวิ่นเฉิง คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ชอบความขม?”
เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างสงวนท่าที พอดีได้ยินมาน่ะ”
เกาซูพลิกตัวหลับไป แต่ในห้วงความคิดก็เผลอนึกไปว่า ก็จริงอย่างที่มู่อวิ่นเฉิงพูด หนึ่งปีที่เธอแต่งเข้าตระกูลมู่ ชื่อเสียงของเธอในหมู่บ้านนั้นไม่ค่อยดีนัก เช่น เรื่องกลัวความขม กลัวความเหนื่อยอะไรพวกนี้ คงจะถูกเล่าลือมาถึงหูเขาแล้วสินะ?
“มู่อวิ่นเฉิง… อย่านอนบนพื้นนะ มันหนาว…” เธอพึมพำเตือนเขาอย่างไม่รู้ตัว
“อืม”
เมื่อมู่อวิ่นเฉิงตอบรับ เธอก็วางใจแล้วหลับลงไปได้จริง ๆ
เขาจึงหยิบผ้าห่มอีกผืนออกมาจากตู้ ปูลงข้าง ๆ ตัวเธอแล้วเอนกายลงนอนบ้าง
มู่อวิ่นเฉิงเป็นคนตื่นง่ายอยู่แล้ว ยิ่งคืนนี้มี ‘ภารกิจดูแลคนป่วย’ ที่หมอจวิ้นมอบหมายให้ด้วยแล้ว เขาจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แล้วใช้มืออังหน้าผากของคนข้าง ๆ ก็ตรวจสอบอุณหภูมิ
แทนที่จะร้อน แต่ตอนนี้ หน้าผากของเกาซูกลับเย็นเฉียบ…
พอสำรวจลงไปอีก คอของเธอก็ยังอุ่น ๆ อยู่ ตอนนี้ไข้ลดลงแล้ว แต่เหงื่อออกมากขนาดนี้ ราวกับนอนแช่น้ำมา จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ?
เขามองเกาซูด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย โชคดีที่ในกระติกน้ำร้อนยังมีน้ำเหลืออยู่ เขาจึงเอามาเช็ดตัวให้เธอ แล้วหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้
อากาศค่อนข้างหนาว เขาจึงทำทุกอย่างใต้ผ้าห่ม แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสัมผัสผิวของเธอ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันช่างนุ่มลื่นเนียนใส
ก่อนที่จะไม่สามารถข่มอารมณ์ได้อีกต่อไป มู่อวิ่นเฉิงรีบสวมเสื้อผ้าให้เธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับลอบคิดในใจว่า ในที่สุดก็จะได้พักเสียที
ทว่า…
ทันทีที่เขาทิ้งหัวลงหมอน อีกฝ่ายกลับลุกจากเตียง แล้วแทรกกายเข้ามาในผ้าห่มของเขาด้วย
“มู่อวิ่นเฉิง ฉันหนาว…”
ชายหนุ่มนึกถึงร่างกายของเธอที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่รู้ว่าผ้าปูที่นอนและผ้าห่มจะเปียกด้วยหรือเปล่า…
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีบางสิ่งที่เย็นเฉียบมาสัมผัสกับขาของเขาใต้ผ้าห่ม
หญิงสาวใช้ขาของตนเองพันขาของสามีไว้แน่น ไม่เพียงแค่นั้น อ้อมอกของเขาก็ถูกความเย็นเติมเต็มเสียจนหายใจไม่ทั่วท้อง
มู่อวิ่นเฉิงรู้สึกเหมือนกำลังกอดก้อนน้ำแข็งก้อนใหญ่เอาไว้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อาจผลักก้อนน้ำแข็งก้อนนี้ออกไปได้อีกแล้ว จึงได้แต่โอบรัดเธอไว้แน่น
ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง มู่อวิ่นเฉิงจึงรู้สึกว่าก้อนน้ำแข็งในอ้อมกอดของเขาเริ่มอุ่นขึ้น
ส่วนเกาซูนั้น ก็เริ่มจมสู่ห้วงความฝัน
เธอฝันว่าตัวเองกำลังจะตาย เธอป่วย นอนอยู่บนเตียงไม่สามารถขยับตัวได้ หลานชายของเธอก็มาเยี่ยม พร้อมกับรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัว
ตอนแรกเกาซูคิดว่าเขามาดูแลเธอ แต่ผลปรากฏว่า หลานชายตัวร้ายกลับมีสีหน้าโหดเหี้ยม และเอาแต่พูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าอยากให้เธอตาย
ในขณะที่หลานรักกำลังจะเอาหมอนปิดหน้าของเธอ เกาซูก็เห็นหน้ามู่อวิ่นเฉิงแวบขึ้นมาในความทรงจำ
เป็นภาพของมู่อวิ่นเฉิงในวัยหนุ่ม เขาหน้าตาหล่อเหลา สง่างาม และดูกำยำ
ชายหนุ่มคนนี้กำลังเดินเข้ามาหาเธอ แววตาของเขาแลดูอ่อนโยน และเต็มไปด้วยความห่วงใย
หญิงสาวน้ำตาคลอ เรียกชื่อเขา แล้วเอ่ยถามว่า “มู่อวิ่นเฉิง ฉันกำลังจะตายใช่ไหม?”
เธอถามในความฝัน แต่ในความเป็นจริง มู่อวิ่นเฉิงที่กำลังกอดเธออยู่กลับได้ยินมันอย่างชัดเจน
เขาได้ยินเสียงละเมอของเธอ และรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่เปียกชื้นซึมเข้าไปในเสื้อของเขา
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วแน่น “พูดจาเหลวไหลอะไรของเธอ? แค่เป็นหวัดมีไข้เท่านั้นเอง จะตายได้ยังไง?”
MANGA DISCUSSION