บทที่ 21 สะใภ้จอมผลาญเงิน
มู่เยี่ยนฟางจึงทิ้งตัวลงนั่งลงร้องไห้บนกองเสื้อผ้า ห้ามไม่ให้เกาซูซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ ไม่งั้นเธอจะส่งโทรเลขไปฟ้องน้องชาย!
แต่ตอนนี้ เกาซูไม่มีเวลามาสนใจมารผจญ มู่เยี่ยนฟางกระชากแขนเสื้อของเกาซูไว้ไม่ให้ไป ก่อนจะร้องไห้โวยวายว่า “สามีเธอเป็นมหาเศรษฐีหรือไง อวิ่นเฉิงก็เป็นแค่ทหารธรรมดา ถึงจะมียศผู้กอง แต่ก็ไม่ได้สูงส่งอะไรนะ เธอคิดจะผลาญเงินโดยที่ไม่สนใจความยากลำบากของคนที่มาหางั้นเหรอ หยุดเลยนะ ถ้าไม่หยุด ฉันจะไปฟ้องมู่อวิ่นเฉิงว่าเธอใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย”
ได้ยินแล้วเกาซูชักเริ่มหงุดหงิด เธอสะบัดแขนเสื้อแล้วพูดกับตู้เหลียงว่า “จัดการเมียคุณด้วย!”
ชาติที่แล้ว เกาซูก้าวขึ้นมาเป็นถึงประธานบริษัทอาหาร ในด้านการงานเธอเป็นคนเด็ดขาดและเฉียบแหลม พอได้ย้อนกลับมาใหม่ น้ำเสียงของเธอจึงแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามโดยไม่รู้ตัว
ตู้เหลียงถูกเกาซูตวาดใส่ก็ถึงกับผงะ แถมยังเริ่มเดาได้ลาง ๆ ว่าเกาซูต้องการทำอะไร เขาจึงดึงมู่เยี่ยนฟางออกจากเกาซู แล้วตะคอกใส่เมียตัวเองว่า “อย่าเสียงดังสิ! สุดท้ายแล้วนั่นมันก็เงินเธอกับสามีนะ ยังไงเรื่องนี้เราไม่เกี่ยวอยู่แล้ว”
มู่เยี่ยนฟางเป็นคนที่เชื่อฟังคำพูดของตู้เหลียงมาตลอด ถึงจะโกรธแค่ไหน พอถูกตู้เหลียงคัดค้านก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กลืนน้ำตา ร้องไห้ตามเกาซูไปด้วยความแค้นในใจ ไม่ใช่ว่าเธอริษยาน้องสะใภ้ที่ได้ใช้เงินเป็นเทน้ำแบบนี้ แต่เธอเป็นห่วงน้องชายที่ประจำการในกองทัพจนผิวกร้านต่างหาก
แต่ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องปล่อยไปก่อน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เธอจะเอาเรือเล็กไปขวางน้ำเชี่ยวได้ ต้องรอกลับไปเอาเรือใหญ่สิ ถึงจะถูก!
เกาซูมาถึงยังฝ่ายขายเพื่อกับผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ย
“ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ย นี่คุณเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายขายโรงงานเสื้อผ้า ทำไมถึงมาหลอกลวงประชาชนแบบนี้ล่ะ” เกาซูทำหน้าบึ้งแล้วชิงพูดขึ้นก่อน
ผู้จัดการฝ่ายขายทำสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะถามกลับว่า “เธอพูดเรื่องอะไร”
เกาซูโยนเสื้อผ้าในมือลงบนพื้น “ดูเอาเองสิ! เสื้อผ้าพวกนี้มันคุณภาพแบบไหนกัน”
เสื้อที่ถูกโยนลงพื้นล้วนขึ้นราแล้วทั้งสิ้น
“โรงงานใหญ่โตขนาดนี้ จะขายของไร้คุณภาพให้พวกเรางั้นเหรอ” เกาซูแสร้งโกรธจนหน้าแดงก่ำ “หรือเห็นว่าพวกเราเป็นชาวบ้านตาสีตาสา ถึงได้หลอกกันง่าย ๆ แบบนี้”
“จะบ้าเหรอ! ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง” เห็นเสื้อผ้าขึ้นราอยู่ตรงหน้า ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยก็เริ่มใจเสีย
“คุณเห็นว่าพวกเราเป็นคนต่างอำเภอ แถมยังเป็นผู้หญิงด้วย ถึงได้รังแกกันแบบนี้สินะ! ดูสิ เสื้อผ้าพวกนี้มันของปีก่อน ๆ ทั้งนั้นเลย!” เกาซูต่อว่า พร้อมกับบีบน้ำตาจนคลอเบ้า
ตู้เหลียงถึงกับงุนงง
ผู้หญิง!? แล้วฉันเป็นตัวอะไรล่ะ?
ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยถูกเกาซูต้อนเสียขนาดนี้ ก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง จึงได้แต่พูดแก้ตัวไปว่า “คุณผู้หญิง พวกคุณอยากได้เสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาวของปีนี้เรายังผลิตไม่เสร็จนะครับ จะมีก็แต่ของปีที่แล้วเท่านั้นแหละ”
“พวกนี้ไม่ใช่ของปีที่แล้วหรอกนะ!” เกาซูยืนยันอย่างหนักแน่น
“ถ้าอย่างนั้น… พวกคุณจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้หรือเปล่าล่ะครับ หรือว่าจะรอของใหม่” ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยจำเป็นต้องถามตามหน้าที่
“ถ้ารอของใหม่พวกเราก็ไม่ทันใช้สิคะ!” เกาซูแกล้งทำเป็นคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดว่า “พวกเราก็ยังอยากได้อยู่หรอกนะ แต่… เรื่องราคาก็ต้องลดให้พวกเราหน่อยสิคะ เพราะมันเป็นของเก่าค้างคลัง ทิ้งไว้ก็ขายไม่ออก สู้ขายราคาถูกให้พวกเราก็ยังได้กำไรอยู่ดี”
ผู้จัดการฝ่ายขายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบรับอย่างง่ายดาย “อืม ถ้าอย่างนั้นก็ได้”
สุดท้าย เกาซูก็ได้เสื้อผ้ามาในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เสื้อโค้ตขนสัตว์หนานุ่มราคาแค่ตัวละหยวนเดียว ส่วนตัวอื่น ๆ ก็ถูกจนต้องตกใจ
เกาซูซื้อมาทุกรูปแบบ รวมแล้วก็ประมาณ 700 ตัว
คราวนี้ก็มาถึงปัญหาเรื่องการขนส่ง
ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยอำนวยความสะดวกให้ถึงที่สุด ตกลงให้พวกเขานำเสื้อผ้ากลับไปก่อน 150 ตัว ส่วนที่เหลือ เขาจะหารถไปส่งให้ที่อำเภอเอง
เกาซูดีใจจนเนื้อเต้น ขอบคุณผู้จัดการฝ่ายขายยกใหญ่
ผู้จัดการฝ่ายขายเซี่ยได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ “ถ้าไม่ช่วย ก็กลัวว่าพวกคุณจะมองว่าผมรังแกผู้หญิง ถือว่าผมทำเต็มแล้วนะครับ”
ตู้เหลียงถึงกับงงงวยอีกครั้ง
แล้วฉันที่อยู่ตรงนี้ก็ถูกรวมว่าเป็นผู้หญิงด้วยงั้นเหรอ!?
เสื้อผ้า 150 ตัว พวกเขาทั้งสี่ช่วยกันแบกก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องงานบ้านงานเรือนที่ตู้เหลียงขี้เกียจตัวเป็นขน แต่พอเป็นเรื่องซื้อเสื้อผ้ากับเกาซู เขากลับขยันขันแข็งขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมยังแบกเสื้อผ้าได้เยอะที่สุดอีกต่างหาก
ทั้งสี่คน แบกเสื้อผ้า 100 ตัว นั่งรถต่อรถหลายต่อหลายทอด พอมาถึงตัวอำเภอก็ยืมรถเข็นไม้มาช่วยกันเข็นเสื้อผ้ากลับหมู่บ้านจวีกง โดยที่มีเสียงบ่นของมู่เยี่ยนฟางตามมาเป็นระยะ พอกลับถึงบ้านตระกูลมู่ ก็เป็นเวลาที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ดับไฟนอนกันหมดแล้ว
แม้แต่พ่อแม่ของสามีเธอก็เข้านอนแล้วเช่นกัน
ทว่าทั้งสองได้ยินเสียงดังจึงรีบสวมเสื้อผ้าออกมาดู พอเห็นเสื้อผ้ามากมายกองพะเนินอยู่ก็ตกใจจนตาแทบหลุดออกมากองที่พื้น
มู่เยี่ยนฟางจึงดึงมู่เฟินเข้าไปคุยกันในบ้าน
เธอไม่กล้าพูดต่อหน้าเกาซู แถมตู้เหลียงเองก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เธอจึงไม่กล้าขัดคำพูดของสามี พอเข้ามาในบ้านก็เล่าเรื่องที่เกาซูผลาญเงินจนหมด ซื้อเสื้อผ้ามา 700 ตัวให้มู่เฟินฟัง
มู่เฟินฟังแล้วถึงกับเดือดดาล
“น้าเฟิน อวิ่นเฉิงโดนอะไรบังตาเข้านะ ทำไมถึงยอมให้เมียตัวเองเป็นคนเก็บเงินไว้แบบนี้ เมียเขาก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเกินไปแล้ว! นี่มันใช่คนที่จะมาช่วยกันทำมาหากินงั้นเหรอ!” ยิ่งคิด มู่เยี่ยนฟางก็ยิ่งมีอารมณ์ เธอปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง
มู่เฟินโกรธจนทนไม่ไหว รีบพุ่งตัวออกไปนอกบ้าน พอเห็นเกาซูกับน้องสาว และตู้เหลียงกำลังช่วยกันดูแลกองเสื้อผ้าอยู่ เธอก็คว้ากรรไกรแล้วพุ่งเข้าไปหาเกาซูทันที
ยัยลูกสะใภ้คนนี้! ที่ผ่านมาไม่เคยถูกด่าทอจึงได้กำเริบเสิบสาน เธอจะต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว
เงินที่ลูกชายของเธอหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ถูกผู้หญิงใช้เงินเปลืองคนนี้ผลาญไปจนหมด เธออายุขนาดนี้แล้วไม่เคยเห็นใครใช้เงินเก่งเท่านี้มาก่อน!
มู่เฟินยกกรรไกรขึ้นหมายจะตัดเสื้อผ้าเหล่านี้ให้ขาดวิ่น
แต่เกาซูเห็นก่อน เธอตกใจรีบร้องห้ามว่า “แม่คะ แม่จะทำอะไร” เสียงของเธอทำให้แม่สามีได้สติกลับมา ถ้าเธอตัดมันทิ้งไป ไม่ใช่แค่ไม่ได้เงินคืน แต่เสื้อผ้าก็ยังสูญเปล่าไปอีก!
แต่ชาวบ้านอย่างพวกเขา จะเอาเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้ไปทำอะไรกัน!?
มู่เฟินรู้สึกสิ้นหวัง ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โฮบนพื้น แล้ววิงวอนขอให้บรรพบุรุษยกโทษให้
“ฮือ… แบบนี้ฉันจะมีหน้าไปเจอโคตรเหง้าได้ยังไง หาลูกสะใภ้มาได้ แทนที่จะช่วยกันทำมาหากิน แต่กลับมาช่วยกันผลาญเงินแบบนี้ ฮือ… ให้อภัยลูกด้วย ลูกผิดไปแล้ว ลูกไม่รู้จริง ๆ”
“แม่คะ…” เกาซูพยายามจะอธิบายให้มู่เฟินฟัง
แต่มู่เฟินไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น เธอหันไปหาพ่อของมู่อวิ่นเฉิงแล้วโวยวาย “คุณคะ ทำยังไงดี พูดอะไรสักอย่างสิ เราต้องจัดการอะไรบ้างแล้วนะ สะใภ้เราทำเรื่องใหญ่แบบนี้ พาเธอไปคืนเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว!”
มู่เยว่พ่อสามีได้แต่พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงใหญ่ พร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ
ส่วนน้องสาวของเกาซูได้แต่นิ่งเงียบ เธอเชื่อฟังคำพูดของพี่สาวมาโดยตลอด พี่สาวบอกให้ทำอะไรเธอก็จะทำอย่างนั้น ตอนนี้ เห็นท่าไม่ดีก็รู้สึกกลัว จึงได้แต่ขยับเข้าไปใกล้ ๆ พี่สาว
MANGA DISCUSSION