บทที่ 176 แก้ไขสถานการณ์
ขณะที่หลายคนกำลังตื่นเต้นกับเจอหลีจวงหลิว จู่ ๆ เกาซูก็โพล่งขึ้นมาเสียงดังลั่น
“ฟ่านเอ๋อร์! เธอพูดเสียงดังเกินไปแล้ว เดี๋ยวคนก็เข้าใจผิดว่าเป็นหลีจวงหลิวอีกหรอก!”
เกาซูแก้ไขสถานการณ์ได้ดีมาก นาทีนั้น หลีจวงหลิวก็อาศัยโอกาสนี้ในการตามน้ำไปกับเธอ
“ขอโทษนะ พอดีฉันฉันตื่นเต้นไปหน่อย” เธอพูดแค่นั้น ก่อนจะหันไปค้อมศีรษะขอโทษคนอื่น ๆ ในร้าน “ขอโทษที่เสียงดังนะคะ”
จากนั้น ผู้คนต่างก็ถอนหายใจอย่างเสียดายที่นึกว่าตนเองเกือบจะได้เจอหลีจวงหลิว
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ผู้จัดการหนุ่มถึงกับยกนิ้วโป้งให้เกาซู
“เก่งมากครับคุณเกาซู” เขากระซิบ “ผมเองยังคิดไม่ทันเลยว่าจะแก้สถานการณ์ยังไงดี”
“ใช่ค่ะ” หลีจวงหลิวพยักหน้าเห็นด้วย “คุณนี่มีไหวพริบจริง ๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ทันคิดหรอกค่ะว่าจะแก้สถานการณ์แบบนี้ได้”
เกาซูยิ้มรับบาง ๆ “ฉันแค่คิดว่าถ้าเป็นคุณจวงหลิว คงไม่อยากให้การกินข้าวมื้อนี้ถูกรบกวนน่ะค่ะ เลยต้องรีบจัดการ”
“ทำได้เนียนมากครับ” ผู้จัดการชม “การที่คุณเกาซูตะโกนเสียงดังแบบนั้น มันเบี่ยงเบนความสนใจของคนได้ดีมาก แล้วพอจวงหลิวแสร้งทำเป็นลูกค้าธรรมดา ก็ยิ่งทำให้คนอื่นเชื่อว่าพวกเขาเข้าใจผิดไปเอง”
“จริงด้วยค่ะ” หลีจวงหลิวพยักหน้า “ปกติถ้าเจอแบบนี้ ฉันต้องรีบลุกหนีแน่ ๆ แต่วิธีของคุณเกาซูทำให้ฉันได้นั่งกินข้าวต่อได้อย่างสบายใจเลย”
อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ทั้งสามคนจึงเริ่มกินข้าวกันอย่างผ่อนคลาย
“คุณเกาซูเป็นคนที่น่าทึ่งจริง ๆ นะคะ” หลีจวงหลิวเอ่ยขึ้นระหว่างกินข้าว “ทั้งเรื่องงาน การจัดการคน แล้วก็การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า… ฉันว่าถ้าไม่มีคุณ วันนี้งานคงไม่ราบรื่นขนาดนี้แน่”
เกาซูรู้สึกซาบซึ้งกับคำชมนั้น “ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวฉันนะคะ แต่ความสำเร็จทั้งหมดนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ได้ร่วมงานกับคนดี ๆ อย่างพวกคุณด้วยค่ะ”
“แหม… พูดแบบนี้ ยิ่งทำให้ฉันอยากร่วมงานกับคุณไปนาน ๆ เลยนะคะ” หลีจวงหลิวหัวเราะเบา ๆ
“งั้นก็ตกลงตามที่คุยกันเมื่อกี้นะครับ” ผู้จัดการสรุป “หลังจากหนังฉาย เราค่อยมาคุยเรื่องการร่วมทุนกันใหม่”
“ค่ะ” เกาซูพยักหน้า “ขอบคุณที่ไม่โกรธเรื่องที่ฉันจะขอดไปก่อนนะคะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่มั่นใจในตัวพวกคุณ แต่ฉันแค่อยากมั่นใจว่าธุรกิจของตัวเองสมควรต้องขยายหรือเปล่าก็แค่นั้นเองค่ะ”
“ฉันจะโกรธไปทำไมคะ ฉันเข้าใจ คนทำธุรกิจ จะตัดสินใจอะไรปัจจุบันทันด่วนก็ถือว่าเสี่ยงมาก อีกอย่าง คุณต้องแบกรับคนงานไม่รู้ตั้งกี่ชีวิต ถ้าก้าวพลาดเพียงนิดเดียวอาจส่งผลถึงชีวิตคนอื่น ๆ ด้วย ฉันเข้าใจค่ะ สบายใจได้เลย”
มื้อค่ำดำเนินต่อไปท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น การที่เกาซูแก้สถานการณ์ได้อย่างฉลาดนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาได้กินข้าวอย่างสบายใจ แต่ยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามคนแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก
ทุกคนต่างรู้สึกว่าพวกเขาโชคดีที่ได้ร่วมงานกับคนที่เข้าใจและเชื่อมั่นในกันและกัน
หลังจากกลับมาถึงอำเภอ เกาซูก็ตรงดิ่งไปที่บ้านทันที
แต่พอไปถึง เธอก็ต้องแปลกใจที่เห็นคนยืนต่อแถวยาวเหยียดอยู่หน้าร้านมากกว่าปกติ บางคนนำปิ่นโตมาใส่อาหารกลับบ้าน บางคนก็ยืนรออย่างใจเย็นเพื่อจะได้นั่งโต๊ะว่าง
“อ้าว! เสี่ยวซูกลับมาแล้วเหรอ!” มู่เฟินร้องทักทันทีที่เห็นเกาซู “ตอนนี้คนเยอะมาก ลูกอยากกินอะไรก็ตักเอาแล้วกัน แม่กำลังยุ่งเลย”
“ทำไมวันนี้คนเยอะจังเลยคะแม่?” เกาซูถามพลางนั่งลงที่โต๊ะด้านใน
มู่เฟินยิ้มกว้าง “ก็เพราะลูกนี่แหละ ตั้งแต่ที่ลูกร่วมงานกับดาราคนนั้น คนก็แห่กันมากินที่ร้านแม่เยอะขึ้นเรื่อย ๆ แต่วันนี้คนเยอะเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาเห็นหลีจวงหลิวใส่ชุดจากโรงงานลูกในนิตยาสารไงจ๊ะ”
“งั้นแม่คงเหนื่อยน่าดูเลยสิคะ” เกาซูมองดูแม่สามีที่ยังคงคล่องแคล่วในการทำอาหาร
“ก็เหนื่อยอยู่หรอก แต่แม่ก็ดีใจ” มู่เฟินวางถ้วยหมูตุ๋นน้ำร้อน ๆ ตรงหน้าลูกค้าโต๊ะข้าง ๆ และปล่อยให้ลูกน้องที่จ้างมารับหน้าที่ต่อ
“เสี่ยวซู แม่มีเรื่องอยากปรึกษา”
“มีอะไรเหรอคะ ว่ามาได้เลย”
“ที่จริงแม่กำลังคิดจะขยายร้านน่ะ ตอนนี้พื้นที่มันแคบไปแล้ว คนต้องยืนรอนาน แม่ก็รู้สึกไม่ดี อีกอย่าง ครอบครัวเราใหญ่ขึ้น รู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันอาจจะคับแคบไป…”
“แบบนี้แม่จะไม่เหนื่อยขึ้นเหรอคะ อันที่จริงแม่ไม่ต้องขยายร้านแล้วก็ได้ ตอนนี้เราทำธุรกิจกันแล้ว แม่จะเลิกทำร้านอาหารหนูก็ไม่ว่าหรอกค่ะ เพราะหนูอยากให้แม่อยู่สบายสักที”
“แม่ไม่เหนื่อยเลย!” มู่เฟินส่ายหน้ารัว ๆ ก่อนจะเล่าด้วยแววตาเป็นประกาย “แม่ชอบมาก การได้เห็นคนกินอาหารที่ตัวเองทำ เป็นความฝันของแม่ตั้งแต่ยังสาว แต่รสมือแม่ก่อนจะได้สูตรอาหารจากลูกมันก็แค่พอกินได้ มาตอนนี้ ได้ทำตามความฝันแล้ว แม่ก็แค่อยากทำให้มันดีขึ้น”
เกาซูได้ยินดังนั้นก็ไม่นึกขัด “ถ้าแม่อยากทำ หนูก็สนับสนุนเต็มที่ค่ะ เอาไว้หนูจะไปคุยกับนายหน้าให้หาทำเลดี ๆ ที่กว้าง ๆ ให้แม่นะคะ ระหว่างนี้ก็ขายตามปกติไปก่อน”
“จริงเหรอจ๊ะ?” มู่เฟินดีใจ “ตอนนี้แม่มีเงินเก็บจากการทำร้านอาหารพอประมาณ คงพอจะซื้อร้านกว้าง ๆ ได้เลย คืนนี้มาหาแม่ที่ห้องนะ แม่จะเอาสมุดเงินฝากให้”
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ” เกาซูจับมือแม่สามี “ถือว่าหนูลงทุนด้วยก็แล้วกัน ยังไงหนูก็ต้องพาคนมากินที่นี่อีกเยอะแยะ ถ้าร้านใหญ่ขึ้น ก็สะดวกดีนะคะ”
“เสี่ยวซู… ลูกนี่ดีจริง ๆ…” มู่เฟินน้ำตาคลอ “แม่ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโชคดีได้สะใภ้อย่างลูกมาร่วมตระกูล”
“พูดอะไรอย่างนั้นคะแม่” เกาซูยิ้ม “หนูก็โชคดีที่ได้แม่สามีแบบนี้เหมือนกัน ถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้เลยนะคะ”
“จ้ะ” มู่เฟินยิ้มอย่างอบอุ่น “งั้นคืนนี้ เรามาบอกข่าวดีกับทุกคนกันเถอะ แม่ขอไปเตรียมอาหารเพิ่มสำหรับพวกเราก่อน ลูกก็พักผ่อนไปแล้วกันนะ”
เกาซูมองดูแม่สามีที่รีบร้อนเดินออกไปด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่แต่งงานมา เธอโชคดีที่ได้ครอบครัวที่อบอุ่นและเข้าใจกันแบบนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร ทุกคนก็พร้อมจะสนับสนุนกันเสมอ แม้จะมีไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ก็ผ่านทุกอย่างมาได้ด้วยดี
หลังจากคุยกับแม่สามีเรื่องร้านอาหารไปได้เพียงห้าวัน เกาซูก็พาครอบครัวไปดูตึกขนาดใหญ่ที่เธอได้ติดต่อนายหน้าไว้
“โอ้โห! สวยจังเลยเสี่ยวซู!” มู่เฟินอุทานด้วยความตื่นเต้นทันทีที่เห็นตึกสามชั้นแบบร่วมสมัย ด้านหน้ามีระเบียงกว้างที่สามารถจัดวางโต๊ะได้หลายตัว ส่วนด้านหลังก็มีส่วนครัวที่กว้างมาก เหมาะแก่การทำร้านอาหารมากที่สุด
“แม่ชอบไหมคะ?” เกาซูถามพลางอุ้มเกาเริ่นที่กำลังซุกซนไว้ในอ้อมแขน
“ชอบมากจ้ะ!” มู่เฟินเดินสำรวจรอบตึกอย่างตื่นเต้น “ดูสิ ห้องครัวก็กว้างขวาง มีอ่างล้างจานแบบร้านอาหารด้วย แถมยังมีห้องเก็บของแยกเป็นสัดส่วน แบบนี้มันครัวในฝันของแม่เลยจ้ะ”
ตู้เหลียงที่เดินตามมาด้วยพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ครับ ผมว่าทำเลดีมาก อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้สำนักงาน เดินทางก็สะดวก ต่อไปคุณป้าเตรียมรับศึกหนักได้เลยครับ ลูกค้าจะต้องมาถล่มร้านแน่ ๆ”
“ดูนั่นสิ” มู่เยว่ชี้ไปที่บ้านหลังใหญ่ข้าง ๆ ที่มีป้าย ‘ขาย’ ติดอยู่ “บ้านหลังนั้นก็กำลังขายอยู่ด้วยนะ”
มู่อวิ่นเฉิงเดินเข้ามาสมทบ “จริงด้วยครับพ่อ ถ้าซื้อไว้ จะได้แยกบ้านกับร้านไปเลย ที่สำคัญที่นี่ก็ใกล้โรงงาน ผมกับเกาซูจะได้เดินทางใกล้ขึ้น แถมเด็ก ๆ ก็ได้จะไปโรงเรียนสะดวกด้วย”
MANGA DISCUSSION