บทที่ 17 ขายลูกกิน
วันรุ่งขึ้น เกาซูสอนหนังสือให้จงอี้สองราวหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็สั่งการบ้าน แล้วแยกตัวมาทำอาหาร แน่นอนว่าคราวนี้ เธอได้ทำขนมให้เจ้าหนู จากนั้นก็เก็บข้าวของกลับบ้านแม่ตัวเอง
ที่จริงแล้ว เธอมาเพื่อเกาผิงโดยเฉพาะ หญิงสาวตรงไปที่ทุ่งนาอย่างไม่คิดจะทักทายคนอื่นในบ้านเลย
ไม่ผิดจากที่คาดไว้ เกาผิงกำลังทำงานอยู่ในทุ่งนา ร่างเล็ก ๆ ก้มหน้าก้มตาพรวนดินอย่างหนักหน่วงท่ามกลางแสงแดดจ้า ดูแล้วก็น่าสงสาร
“เกาผิง!” เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเรียกน้องสาวด้วยรอยยิ้ม
ผู้ที่เห็นเกาซูเป็นคนแรกคือพ่อของเธอเอง ทันทีที่เห็นหน้าลูกสาวคนโต สีหน้าของเขาก็บึ้งตึงขึ้นมาในทันที ดูท่าทางแล้วแม่ของเธอคงจะใส่ไฟไว้เยอะเลยทีเดียว
แต่เกาซูไม่สนใจ เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกับพ่อ เธอพาน้องสาวไปคุยกันที่ใต้ต้นไม้ท้ายสระ
เกาซูถาม “ที่พี่ให้เตรียมของสำหรับไปเรียน เตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง”
เกาผิงก้มหน้าเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ทันใดนั้น เกาซูก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “หรือว่า… เงินหายไปแล้ว”
เกาผิงสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าซีดเผือดลงไปกว่าเดิม
เกาซูรู้คำตอบในใจทันที เงินที่เธอฝากน้องสาวไว้คงถูกแม่ยึดไปเรียบร้อยแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อมันไม่ใช่ความผิดของน้องสาวผู้อ่อนด้อยประสบการณ์ชีวิต
“ช่างเถอะ เป็นเพราะพี่เองที่ไม่รู้จักระวัง รู้ทั้งรู้ว่าแม่เป็นยังไง แต่ก็ยังจะยัดเงินให้เธอถือ” เกาซูถอนหายใจ เธอยื่นห่อผ้าให้น้องสาว “ข้างในนี้มีเสื้อผ้า หนังสือเรียน แล้วก็อุปกรณ์การเรียนนะ ตั้งใจอ่าน แล้วสอบเข้าให้ได้ อนาคตจะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้”
เกาซูตั้งใจเลือกซื้อเสื้อผ้าสีแดงสดมาให้น้องสาวโดยเฉพาะ ด้วยหวังว่าสีสันที่ฉูดฉาดขนาดนี้แม่ของเธอคงไม่กล้าเอาไปให้ลูกชายสุดที่รักใส่
ทว่าความหวังดีอันแรงกล้าของเธอในครั้งนี้ กลับส่งไปไม่ถึงใจของน้องสาว
เกาผิงกัดริมฝีปาก กอดห่อผ้าไว้แน่น ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยในสิ่งที่พี่สาวไม่คิดว่าจะได้ยิน
“พี่… เรื่องเรียน… ฉันคิดว่า… ช่างมันเถอะ…”
“หา? อะไรนะ?” เกาซูถามเสียงเข้ม
เกาผิงได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งก้มหน้าต่ำลงไปอีก ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูด
เกาซูรู้ดีว่า น้องสาวของเธอเป็นคนอ่อนโยน ในชาติที่แล้ว ถึงได้ถูกเอาเปรียบได้ง่ายดายขนาดนั้น
เกาผิงรวบรวมความกล้า ก่อนจะอ้างเหตุผลที่จะทำให้พี่สาวละความพยายามไปง่าย ๆ “ถึงเรียนไป… ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร… ต่อไปก็ออกเรือนดูแลสามี…”
ได้ยินแบบนี้ เกาซูก็ยิ่งโมโหหนัก เธอรู้ดีว่าน้องสาวชอบการเรียนมากกว่าสิ่งไหน จู่ ๆ เธอมาพูดแบบนี้คงหนีไม่พ้นเหตุผลเดียว นั่นก็คือ…
“แม่ให้เธอมาพูดแบบนี้ใช่ไหม?”
น้องสาวเงียบไปครู่หนึ่ง เป็นการยอมรับในสิ่งที่เธอพูด จากนั้นจึงพูดต่อว่า “อีกอย่าง ฉันจะสอบติดได้ยังไงล่ะ ฉันเป็นผู้หญิงบ้านนอก ไม่ได้มีความรู้ท่วมหัวเหมือนพวกคนเมือง…”
เกาซูเข้าใจความคิดของน้องสาวในตอนนี้ดี ตลอดมา เกาผิงต้องใช้ชีวิตแบบสาวบ้านไร่ โดนเกาเหวินแย่งความรักจากพ่อแม่ไปเสียเต็มที่ สิ่งที่ทำได้ในแต่ละวันก็มีเพียงใช้แรงงานช่วยพ่อทำไร่ทำนา ด้วยความหวังที่ว่า พ่อแม่จะซาบซึ้งในความดีของเธอบ้างก็เท่านั้น
แต่สำหรับคนที่ล่วงรู้เหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเกาซู เธอไม่อาจปล่อยให้น้องสาวดักดานกับทำดีแล้วไม่ได้ดีนี้ต่อไป
เธอไม่พูดอะไรกับเกาผิงอีก ทำเพียงคว้าแขนอีกฝ่ายให้เดินตามมาที่บ้านเพื่อคุยกับแม่ให้รู้แล้วรู้รอด
“แม่!”
หญิงแก่ที่กำลังกำอาหารถึงกับหยุดชะงักแล้วหันมามองยังต้นเสียง
แม้ไม่ต้องเอ่ยถาม ผู้เป็นแม่ก็รู้ว่าเกาซูมาด้วยเรื่องอะไร เธอจึงได้แต่มองด้วยสายตาเรียบเฉยแล้วเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
“คงจะไปฟ้องกันมาล่ะสิ”
ยิ่งเห็นท่าทางเช่นนี้ เกาซูก็ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์
“นี่แม่เป็นแม่ประสาอะไร ถึงไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองมีการศึกษา”
อู๋ซิ่วได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ย แล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะออกมา
“เฮอะ! เป็นผู้หญิงจะเรียนไปเพื่ออะไร! ยังไงก็ต้องแต่งงานออกไปมีลูกมีผัว รู้เท่านี้ก็ดีแล้ว รู้มากไปผู้ชายที่ไหนจะอยากได้ไปทำเมีย!”
“แบบน้องแกน่ะเหรออยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ อย่าหัวสูงนักเลย!”
ความคิดดักดานเช่นนี้ ไม่ใช่แค่บ้านของเกาซูที่เป็น แต่ทั้งหมู่บ้าน ต่างก็เห็นไปในทางเดียวกัน
เมื่อเทียบกับสมัยใหม่ที่ความคิดของคนพัฒนาไปไกล และผู้หญิงก็เก่งเทียบกับผู้ชายได้แล้วนั้น คำพูดของแม่เธอมันช่างน่าขำจริง ๆ
หญิงสาวหัวเราะอย่างประชดประชัน ก่อนจะพูดจี้ใจดำผู้เป็นแม่ “แหม… ทำมาเป็นบอกว่า พวกอยากมีการศึกษาคือพวกหัวสูง แล้วการที่พยายามจะส่งลูกสาวฐานะยากจนไปเกาะผู้ชายรวย ๆ… แบบนี้ไม่เรียกว่าหัวสูง ก็คงเรียกว่าไม่เจียมกะลาหัวตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ”
“แก!!! นังลูกคนนี้!!!” หญิงแก่ตวาดลั่นพร้อมกับวิ่งหน้าตั้งมาทางนี้ ก่อนจะหยุดชะงักลงเมื่อเห็นแววตาที่ดูเด็ดขาดของเกาซู
เธอรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้หัวรั้นไม่ยอมใคร หากเธอลงไม้ลงมือกับอีกฝ่าย ก็มีแต่จะโดนโต้กลับด้วยวิธีเดียวกัน
เมื่อรู้ว่าเถียงกับเกาซูไปก็ไม่ได้ประโยชน์ หญิงแก่จึงหันไปสนใจลูกสาวคนเล็กแทน
“ฉันจะทำให้แกดู ว่าสภาพแบบนี้นี่แหละที่จะได้ผัวรวย”
พูดจบ อู๋ซิ่วก็ดึงแขนเกาผิงมายืนข้างกาย ทว่า ระหว่างฉุดกระชากกันอยู่นั้น ห่อผ้าก็หล่นออกมา
ผู้เป็นแม่คว้ามันขึ้นมาดู “นี่พี่แกซื้อให้เหรอ?”
“ค่ะ” เกาผิงตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
“หึหึ พี่แกก็รู้จักทำประโยชน์อยู่นี่นา! งั้นก็รีบเข้าห้องไปใส่ชุดพวกนี้ซะ!”
เกาซูรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แทนที่แม่จะบ่นด่าเธอว่าซื้อเสื้อผ้าให้แค่น้องสาว แต่กลับยิ้มอย่างพอใจแล้วผลักหลังให้เกาผิงเข้าไปเปลี่ยนชุดเสียได้ แบบนี้มันชัดเจนเกินไปแล้ว
เธอรีบวิ่งผ่านครัวจะตามไปที่ห้องของน้องสาว แต่สายตากลับสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องโถง นั่นคือ ป้าหวังลี่ ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแง่ของการเป็นแม่สื่อแห่งหมู่บ้านเส้าฉิงซึ่งอยู่ถัดไป
ชาติที่แล้ว ก็เป็นเพราะป้าคนนี้ที่เอาแต่พูดจาหว่านล้อมแม่ของเธอด้วยคำพูดสวยหรูเกี่ยวกับครอบครัวตระกูลหงจากหมู่บ้านอื่น จนแม่เธอหลงเชื่อยอมตกลงส่งเกาผิงไปแต่งงาน แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือสินสอดทองหมั้นจำนวน หกร้อย หยวน
ซึ่ง หกร้อย หยวนในยุคนี้ถือว่าเป็นเงินก้อนโต แม่ของเธอก็ไม่คิดเลยสักนิดว่าครอบครัวแบบไหนกันที่จะยอมจ่ายเงินมากมายขนาดนี้เพื่อแต่งงานกับครอบครัวยากจนอย่างพวกเธอ มันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ!
แต่ไม่ว่าจะมันเป็นหลุมพรางหรือไม่ก็ไม่สำคัญอะไร แม่ของเกาซูไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่เธอสนใจมีเพียงเงิน หกร้อย หยวนเท่านั้น
อู๋ซิ่วรีบกำชับให้เกาผิงไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะหันมายิ้มแฉ่งต้อนรับป้าหวังลี่ที่เป็นแม่สื่อ
“ป้าหวัง รอสักครู่นะ ขอเวลาให้ลูกสาวฉันไปแต่งตัวก่อน ระหว่างนี้… เรามาคุยกันก่อนเถอะ”
“รู้ไหมว่าเกาผิงของฉันเนี่ย ขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็งมากเลยนะ ไม่ว่างานบ้านงานเรือนก็ทำได้หมด แถมยังแข็งแรงกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก! เป็นคนเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย ส่วนเรื่องหน้าตาน่ะเหรอ… พูดไปแล้วก็จะหาว่าฉันเอาแต่ชมลูกตัวเอง แต่เกาผิงมันสวยของมันจริง ๆ นะ สวยขนาดที่แม้แต่ผู้ชายในอำเภอข้าง ๆ เห็นยังตามมาสู่ขอถึงที่บ้าน ไม่เชื่อก็ดูสิ เสี่ยวซู พี่สาวคนโตของเกาผิงสวยขนาดไหน ส่วนเกาผิงช่วงนี้ผิวคล้ำไปหน่อยเพราะต้องทำนาตากแดด เดี๋ยวพอเข้าหน้าหนาวก็ขาวผ่องเหมือนเดิมแล้วล่ะ”
เกาซูฟังแม่สาธยายสรรพคุณน้องสาว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ
ขยันขันแข็ง งานบ้านงานเรือนคล่องแคล่ว เรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย หน้าตาสะสวย…
สิ่งที่เรียกว่าคุณสมบัติอันดีงามเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีไว้ดึงดูดผู้ชายที่แม่ต้องการทั้งสิ้น!
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วล่ะ ก็เพราะรู้ว่าหนูเกาผิงน่ะ ดีเลิศประเสริฐศรี ฉันถึงได้ดั้นด้นมาถึงที่นี่ยังไงเล่า ฝ่ายชายเขาตกลงปลงใจแล้วนะ เหลือแค่เกาผิงตอบตกลงเท่านั้น ส่วนสินสอดทองหมั้นก็…” แม่สื่อเว้นวรรคเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาทั้งสองข้าง แล้วชูนิ้วมือถึงหกนิ้ว “หา?? ขนาดนี้เชียวเหรอ!”
MANGA DISCUSSION