บทที่ 163 เปิดโรงงาน
เด็กสาวตัวน้อยพยักหน้ารับหงึก ๆ “ใช่ค่ะ พี่อี้บอกว่าคุณครูสอนเก่ง ทำให้พี่อี้เก่งไปด้วย หนูอยากเก่งเหมือนพี่อี้ เหมือนน้าซู อยากเก่งเหมือนพ่อแม่ด้วย! โตขึ้นจะได้มีเงินเยอะ ๆ มาดูแลพ่อแม่ไงคะ!”
มู่เยี่ยนฟางลังเลเล็กน้อย เธอรักลูกสาวมาก และไม่อยากให้เสี่ยวเปาจากไปไกล แต่ก็เข้าใจว่านี่อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับลูก เธอจึงตัดสินใจปรึกษาเรื่องนี้กับเกาซู
เกาซูฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็ยิ้มอย่างเข้าใจ “ฉันสามารถพาเสี่ยวเปาไปสมัครเรียนได้นะคะพี่เยี่ยน และจะดูแลเธอให้เองด้วยถ้าพี่อนุญาต ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ที่นั่นมีพี่เลี้ยงที่อวิ่นเฉิงจ้างมา เธอใจดีและรักเด็ก บางครั้งยังช่วยสอนการบ้านจงอี้ด้วย ถ้ามีเสี่ยวเปาไปด้วย จงอี้คงจะไม่เหงาแน่ ๆ ค่ะ” เธอหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “พี่ไม่ต้องห่วงว่าจะห่างลูกนานหรอกนะคะ เพราะหลังจากฉันกับอวิ่นเฉิงเรียนจบแล้ว เราจะต้องพาเด็ก ๆ ย้ายกลับมาเรียนที่อำเภอนี้ตามเดิม อย่างน้อย ๆ ก็ให้เสี่ยวเปามีพื้นฐานที่ดีคงจะช่วยแบ่งเบาพี่ได้มากเลยค่ะ”
มู่เยี่ยนฟางพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกโล่งใจที่ลูกสาวจะได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดี และในขณะเดียวกันก็ยังจะได้กลับมาในอีกไม่กี่ปีนี้ “ก็ได้ ฉันจะให้เสี่ยวเปาไปเรียนที่เมืองหลวงกับจงอี้ เสี่ยวซู ฉันฝากเสี่ยวเปาด้วยนะ อะไรที่เธอทำไม่ดีก็ช่วยว่ากล่าวตักเตือนได้เลย”
“แน่นอนค่ะพี่เยี่ยน ฉันจะต้องทำให้เด็กสองคนนี้ได้ดีให้ได้ ไม่ต้องห่วงนะคะ”
เมื่อเยี่ยนฟางแจ้งข่าวนี้กับเสี่ยวเปา เด็กหญิงตัวน้อยก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ทุกคนต่างยิ้มให้กับความตื่นเต้นของเธอ
เกาซูและมู่อวิ่นเฉิงพาจงอี้และเสี่ยวเปากลับเมืองหลวง หลังจากการเดินทางอันยาวนาน พวกเขาก็มาถึงบ้านในตอนค่ำคืน
เกาซูรีบจัดการห้องนอนให้เสี่ยวเปาทันที โดยจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่าง ๆ ให้เหมาะกับเด็กหญิงตัวน้อย
วันรุ่งขึ้น เกาซูพาหลานสาวไปสมัครเรียนที่โรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน โชคดีที่เทอมแรกเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือน ทำให้การเข้าเรียนกะทันหันของเสี่ยวเปาไม่มีปัญหาใด ๆ ครูใหญ่ยินดีต้อนรับเด็กหญิงด้วยรอยยิ้ม และรับปากว่าจะดูแลเสี่ยวเปาเป็นอย่างดี
แม้ว่าเกาซูจะต้องแบ่งเวลาไปบริหารงานของตัวเอง แต่เธอก็ยังคงรักษามาตรฐานการเรียนได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยความมุ่งมั่นและการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เธอสามารถสอบได้อันดับที่ 5 ของสาขา ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงวันที่โรงงานเปิดทำการอย่างเป็นทางการ เกาซูและมู่อวิ่นเฉิงพาเด็ก ๆ กลับบ้านเกิดเพื่อร่วมฉลองวันสำคัญนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวัง
เช้าตรู่ เสียงประทัดดังกังวานไปทั่วบริเวณ ควันขาวลอยฟุ้งในอากาศ สร้างภาพที่น่าประทับใจ จากนั้นก็มีการจัดพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษอย่างเรียบง่ายแต่จริงจัง เกาซูและมู่อวิ่นเฉิงคุกเข่ากราบไหว้ ขอพรให้กิจการเจริญรุ่งเรือง
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรม มีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนให้กับบรรดาคนงานทั้งหมด โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารรสเลิศนานาชนิดที่มู่เฟินเป็นผู้ลงมือทำโดยมีลูกมือเป็นหญิงแม่บ้านที่จ้างมาชั่วคราว
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วบริเวณ
ในระหว่างงานเลี้ยง ผู้คนต่างยกย่องเกาซูและมู่อวิ่นเฉิงอย่างไม่ขาดสาย พวกเขารู้สึกซาบซึ้งที่คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นี้กลับมาสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ หลายคนกล่าวว่านี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้
เกาซูลุกขึ้นยืน ยกแก้วขึ้นพร้อมกับกล่าวปราศรัยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่อบอุ่น
“พี่น้องทุกคน วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ของพวกเรา” เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยรอยยิ้ม “เราจะก้าวไปด้วยกัน ประสบความสำเร็จด้วยกัน ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน เพราะความสำเร็จของโรงงานคือความสำเร็จของพวกเราทุกคน”
เธอหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น “ผลตอบแทนที่ดีจะเป็นของทุกคนที่ทุ่มเทให้กับงาน เราจะสร้างชื่อเสียงให้กับท้องถิ่นของเรา ให้ทุกคนได้ภูมิใจว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้… ที่จะไม่กล่าวถึงเลยไม่ได้ ก็คือเรื่องค่าตอบแทน แน่นอนว่านับจากนี้ไป หากทุกคนสามารถทำผลงานออกมาได้มารตรฐานและไร้ข้อบกพร่อง เราจะมีโบนัสพิเศษให้ทุกรอบการผลิต!”
หลังจากที่เกาซูกล่าวจบ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ตามด้วยเสียงโห่ร้องยินดีจากคนงานทุกคน
“เถ้าแก่ใจดีจริง ๆ!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“ขอให้เถ้าแก่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง!” อีกเสียงร้องตาม
ลุงเจี้ยน คนงานอาวุโสที่สุดในกลุ่ม ลุกขึ้นยืนพร้อมชูแก้วขึ้น “พวกเราจะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ให้เถ้าแก่ต้องผิดหวัง ขอให้โรงงานของเราเจริญก้าวหน้า เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ!”
“เถ้าแก่เจริญ! เถ้าแก่เจริญ!” เสียงคนงานทั้งหมดดังขึ้นพร้อมกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความยินดี
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งดึกดื่น เกาซูที่ไม่ค่อยได้ดื่มสุราบ่อยนัก วันนี้ก็ถูกคนงานรุมอวยพรจนเผลอดื่มไปหลายแก้ว ทำให้เธอเริ่มมึนเมา
มู่อวิ่นเฉิงสังเกตเห็นอาการของภรรยา จึงเข้ามาประคองเธอ “พอแล้วเกาซู เรากลับบ้านกันเถอะ”
เกาซูพยักหน้าเบา ๆ พลางยิ้มให้สามี “อืม… กลับกันเถอะ”
ระหว่างทางกลับบ้าน เกาซูเอนศีรษะพิงไหล่ของมู่อวิ่นเฉิง เธอหัวเราะคิกคักเบา ๆ “นี่… คุณคิดว่าพรุ่งนี้โรงงานจะเป็นยังไงบ้าง”
มู่อวิ่นเฉิงยิ้ม ลูบผมภรรยาเบา ๆ “ต้องดีแน่นอน เพราะมีเจ้าของโรงงานที่เก่งกาจอย่างเธอเป็นคนดูแล”
เกาซูหัวเราะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสามี “ฉันโชคดีจังที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ”
เมื่อถึงบ้าน ทั้งคู่เข้าห้องนอนด้วยกัน บรรยากาศอบอุ่นและหวานซึ้ง พวกเขาแสดงความรักต่อกันอย่างลึกซึ้ง เป็นการฉลองความสำเร็จและความหวังใหม่ที่กำลังจะมาถึง
เช้าวันรุ่งขึ้น แม้จะยังรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย แต่เกาซูก็ตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูแลความเรียบร้อยที่โรงงานเป็นวันแรก
เมื่อเธอมาถึง ก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่งที่เห็นทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คนงานทุกคนต่างทำงานอย่างขยันขันแข็ง มู่เยี่ยนฟางกำลังเดินตรวจตราอยู่รอบ ๆ โรงงาน
“อรุณสวัสดิ์เสี่ยวซู” มู่เยี่ยนฟางทักทายด้วยรอยยิ้ม
เกาซูยิ้มตอบ “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เยี่ยน ดูเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยดีนะคะ”
มู่เยี่ยนฟางพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ ฉันได้อบรมคนงานทุกคนเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานไว้ล่วงหน้าแล้ว พวกเขาตั้งใจมากเลยนะ ดูสิ ทำตามแบบแผนเราเป็นอย่างดีเลย”
เกาซูรู้สึกซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยดูแลทุกอย่าง”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง” มู่เยี่ยนฟางตอบด้วยรอยยิ้ม “มาเถอะ ฉันจะพาเธอเดินดูรอบ ๆ โรงงาน ผลจากความพยายามของเธอทำให้เรามีโรงงานที่ดีไว้ทำเงิน ทุกคนที่นี่พร้อมเรียนรู้ ไม่ต่อต้านหรือขี้เกียจเหมือนที่เหมาเหมา เธอต้องปลื้มมากแน่”
ทั้งสองเดินสำรวจโรงงานด้วยกัน เกาซูรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่เห็นทุกอย่างเริ่มต้นได้อย่างราบรื่น
หลังจากตรวจสอบการทำงานของโรงงานเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ และเห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เกาซูและมู่อวิ่นเฉิงจึงตัดสินใจพาเด็ก ๆ กลับไปเรียนต่อที่เมืองหลวง โดยมอบหมายให้มู่เยี่ยนฟางและตู้เหลียงเป็นผู้จัดการโรงงานแทน
“พี่เยี่ยนคะ ถ้ามีอะไร ก็โทรมาได้ตลอดเวลานะคะ เบอร์ที่ฉันให้ เป็นของบ้านตระกูลหลู่ ต่อไปถ้าเรียนจบแล้วทุกอย่างก็คงลงตัว” เกาซูกำชับก่อนจากมา
เมื่อกลับถึงมหาวิทยาลัย ข่าวที่เกาซูเป็นเจ้าของโรงงานก็แพร่สะพัดเพราะเพื่อน ๆ ในหอเอาไปเล่าต่ออย่างรวดเร็ว คนที่เคยเมินเฉยต่อเธอ ต่างพากันเข้ามาทักทายและชวนคุย บางคนถึงขั้นนำขนมหรือของฝากมาให้ แต่เกาซูก็ปฏิเสธไปทุกคน เพราะไม่อยากเป็นหนี้น้ำใจของใคร
โดยเฉพาะหลี่จวิ้น หนุ่มหล่อประจำคณะ ที่เริ่มมาตีสนิทกับเธอ เขามักจะซื้อตะกร้าผลไม้ราคาแพงมาฝากเป็นประจำ แต่เกาซูก็ปฏิเสธทุกครั้ง
MANGA DISCUSSION