บทที่ 162 เถ้าแก่ซู
หลังจากเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่รอช้าที่จะเริ่มดำเนินการขั้นต่อไป พวกเขารีบติดต่อผู้รับเหมาที่เคยพูดคุยไว้ก่อนหน้านี้ และนัดหมายเพื่อเริ่มวางแผนการก่อสร้างโรงงาน
“เราต้องเริ่มจากการยื่นขออนุญาตก่อสร้างก่อนนะครับ” ผู้รับเหมาแนะนำ “ผมจะช่วยประสานงานกับเจ้าหน้าที่กรมที่ดินให้ครับ”
เกาซูและมู่อวิ่นเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย และเริ่มกรอกเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการขออนุญาตก่อสร้าง
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะดำเนินการขออนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งคู่เดินทางไปยังสำนักงานทะเบียนธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อยื่นเอกสารขอจดทะเบียนบริษัท
“เราต้องใช้ชื่ออะไรดีสำหรับบริษัทของเรา?” เกาซูถามมู่อวิ่นเฉิงขณะที่พวกเขากำลังกรอกแบบฟอร์ม
มู่อวิ่นเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ซิงซิงเป็นไงบ้าง? มันสื่อถึงความทันสมัย ชุดของเธอก็ดูดเด่นแปลกใหม่ และทันสมัย เหมาะกับชื่อนี้ดี”
เกาซูยิ้มกว้างและพยักหน้าเห็นด้วย “เยี่ยมเลย! ฉันชอบชื่อนี้ งั้นเอาชื่อนี้แหละ!”
ทั้งสองใช้เวลาหลายวันในการเดินเรื่องเอกสารและติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ แม้จะเหนื่อยล้า แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นกับทุกขั้นตอน เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของความฝันที่กำลังจะเป็นจริง
ในระหว่างนั้น ก็ไม่ลืมที่จะแวะไปหาพ่อแม่ของมู่อวิ่นเฉิงเพื่อรายงานความคืบหน้า มู่เฟินและมู่เยว่ดีใจมากที่ได้ยินข่าวดี และสัญญาว่าจะช่วยเหลือในทุกทางที่ทำได้
“พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกทั้งสองมาก” มู่เฟินกล่าวด้วยน้ำตาคลอ “ขอให้โชคดี และประสบความสำเร็จนะจ๊ะ”
เกาซูและมู่อวิ่นเฉิงกอดพ่อแม่ด้วยความซาบซึ้งใจ พวกเขารู้ว่าการเดินทางนี้อาจจะยาวไกลและมีอุปสรรค แต่ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัวและความมุ่งมั่นของพวกเขาเอง ก็เชื่อว่าจะสามารถผ่านพ้นทุกอย่างไปได้
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งคู่ก็เดินทางกลับเมืองหลวง ผ่านไปหนึ่งเดือนก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนก่อสร้างตามแบบแปลนที่เกาซูเป็นผู้เลือก
ระหว่างที่เธอและสามีไม่สามารถจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองได้ เธอก็ได้มอบหมายความรับผิดชอบในการดูแลการก่อสร้างให้กับพ่อแม่ของมู่อวิ่นเฉิง เธอติดต่อมู่เฟินทางจดหาย อธิบายสถานการณ์และขอความช่วยเหลือ
ทั้งมู่เฟินและมู่เยว่ต่างยินดีรับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ พร้อมส่งโทรเลขสัญญาว่าจะคอยรายงานความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ เกาซูยังมองการณ์ไกลถึงอนาคตของโรงงาน เธอตัดสินใจส่งจดหมายชวนตู้เหลียงและมู่เยี่ยนฟาง คู่สามีภรรยาที่เธอไว้วางใจที่สุด ให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมบริหาร
โดยวางแผนให้ตู้เหลียงดูแลการจัดการภาพรวมและระบบระเบียบภายในโรงงาน ส่วนมู่เยี่ยนฟางจะรับผิดชอบเป็นผู้จัดการฝ่ายตัดเย็บ ซึ่งทั้งสองก็ตอบรับด้วยความยินดีและเริ่มเตรียมตัวสำหรับบทบาทใหม่ทันที
ในขณะที่การก่อสร้างโรงงานกำลังดำเนินไปอย่างคึกคัก เกาซูก็ไม่ได้ละเลยการศึกษาของนเอง
เธอจัดสรรเวลาอย่างเข้มงวด ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออ่านหนังสือและทบทวนบทเรียน ใช้เวลาในห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงอยู่ในห้องสมุดจนดึกดื่นเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อน
ความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จทั้งในด้านการศึกษาและธุรกิจเป็นแรงผลักดันให้เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ
แม้จะมีภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นมากมาย แต่เกาซูก็ไม่ละทิ้งความรับผิดชอบที่มีต่อโรงงานเหมาเหมา เธอยังคงทุ่มเทเวลาและความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเสื้อผ้าใหม่ ๆ ส่งให้กับโรงงานอย่างสม่ำเสมอ
เธอมองว่านี่เป็นโอกาสอันดีในการฝึกฝนและพัฒนาทักษะการออกแบบของเธอเอง อีกทั้งยังเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง เกาซูวางแผนอย่างรอบคอบที่จะนำเงินส่วนแบ่งจากโรงงานเหมาเหมามาเก็บเป็นเงินทุนสำรอง เผื่อไว้สำหรับการชำระหนี้ในปีแรกของการดำเนินกิจการโรงงานใหม่
ทุกคืนหลังจากเสร็จสิ้นภาระการบ้านและการทบทวนบทเรียน เกาซูจะใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงในการร่างแบบเสื้อผ้าและคิดค้นไอเดียใหม่ ๆ เธอมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์งานที่มีเอกลักษณ์และตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกันก็พยายามพัฒนาสไตล์การออกแบบของตนเองให้โดดเด่นและเป็นที่จดจำมากขึ้น
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว การก่อสร้างโรงงานดำเนินไปด้วยความราบรื่น มู่เฟินและมู่เยว่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม คอยรายงานความคืบหน้าและปัญหาที่เกิดขึ้นให้เกาซูทราบอย่างละเอียดและสม่ำเสมอ
ในขณะเดียวกัน ตู้เหลียงและมู่เยี่ยนฟางก็ทุ่มเทเวลาในการเรียนรู้และเตรียมความพร้อมสำหรับบทบาทใหม่ของพวกเขา ทั้งสองศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการโรงงาน กระบวนการผลิตเสื้อผ้าที่ลงลึกกว่าที่เคยทำ และแนวโน้มของอุตสาหกรรมแฟชั่น เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถนำพาโรงงานของเกาซูไปสู่ความสำเร็จได้
เมื่อการก่อสร้างโรงงานใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ทุกอย่างก็ยิ่งใกล้ความจริงมากขึ้น
ผ่านมาเก้าเดือนแล้วนับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโรงงาน ความคืบหน้าของโครงการเป็นไปอย่างน่าพอใจ และในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มู่เยี่ยนฟางและตู้เหลียงได้ทุ่มเทเวลาไปกับการรับสมัครและคัดกรองคนงาน พวกเขาได้คัดเลือกทีมงานที่มีความสามารถและพร้อมที่จะเริ่มงานทันทีที่โรงงานเปิดดำเนินการ
วันหนึ่ง ขณะที่เกาซูกำลังทบทวนบทเรียนในห้องสมุด เธอได้รับโทรเลขจากผู้รับเหมา แจ้งว่าการก่อสร้างโรงงานใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะสามารถส่งมอบให้ได้ภายในเดือนนี้ พวกเขาขอให้เกาซูและมู่อวิ่นเฉิงมาตรวจตราความเรียบร้อยก่อนการส่งมอบโครงการอย่างเป็นทางการ
เกาซูรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าเล็กน้อย เธอรีบแจ้งข่าวนี้กับมู่อวิ่นเฉิงทันที ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดในสัปดาห์หน้า โดยพาจงอี้ลาโรงเรียนไปด้วย
เมื่อถึงวันเดินทาง ทั้งสามคนออกจากเมืองหลวงแต่เช้าตรู่ ระหว่างทางจงอี้ไม่หยุดถามคำถามเกี่ยวกับโรงงานใหม่ด้วยความกระตือรือร้น เกาซูและมู่อวิ่นเฉิงต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข รู้สึกภูมิใจในความสนใจของลูกชาย
เมื่อมาถึงที่โรงงาน ทั้งสามคนได้พบกับมู่เฟิน มู่เยว่ มู่เยี่ยนฟาง และตู้เหลียง ที่รออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเริ่มเดินสำรวจโรงงานทันที
เกาซูรู้สึกตื้นตันใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแบบแปลนที่เธอเลือกไว้ ห้องตัดเย็บกว้างขวาง มีแสงสว่างเพียงพอ พื้นที่จัดเก็บวัสดุและสินค้าถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก
หลังจากตรวจสอบทุกส่วนของโรงงานอย่างละเอียด และพอใจกับผลงานของผู้รับเหมา ทุกคนตัดสินใจกลับไปเฉลิมฉลองกันที่บ้านตระกูลมู่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น
ระหว่างงานเลี้ยง มู่เยี่ยนฟางเข้ามาแสดงความยินดีกับเกาซู เธอยิ้มกว้างพลางพูดติดตลกว่า “ดีใจด้วยนะเถ้าแก่ ต่อไปฉันคงต้องฝากชีวิตไว้กับเถ้าแก่แล้วล่ะ”
เกาซูหัวเราะเบา ๆ ตอบกลับไปว่า “เราจะทำงานร่วมกันเป็นทีม ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของพี่เยี่ยนนะ แน่นอนว่า ถ้าผลประกอบการดีตามคาด พี่ก็จะได้ส่วนแบ่งเยอะแน่นอน ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันตั้งแต่วันแรกค่ะ”
ตู้เหลียงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินบทสนทนานั้น จึงแทรกขึ้นมาอย่างสนุกสนาน “ถ้างั้นฉันก็ต้องระวังตัวหน่อยแล้ว ไม่อยากโดนไล่ออกเพราะทำงานไม่ดีน่ะ หวังว่าเถ้าแก่จะใจดีกับฉันนะ”
ทุกคนหัวเราะกันระงม บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและความหวัง
ในห้องนอนชั้นบน เด็ก ๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน จงอี้นำตุ๊กตาที่ซื้อจากเมืองหลวงมาให้เสี่ยวเปา น้องสาวของเขา เด็กหญิงตัวน้อยดีใจมาก รีบกอดตุ๊กตาไว้แน่น
จงอี้มองน้องสาวด้วยความเอ็นดู แล้วถามขึ้นว่า “เสี่ยวเปา อยากไปเรียนในเมืองหลวงกับพี่ไหม?”
เสี่ยวเปาส่ายหน้า ตอบเสียงแผ่วเบา “หนูไม่อยากไปหรอก หนูกลัว”
จงอี้ยิ้มให้น้อง แล้วเริ่มเล่าถึงความน่าตื่นเต้นของเมืองหลวง “ในเมืองมีอะไรสนุก ๆ เยอะแยะเลยนะ มีรถวิ่งเต็มถนนไปหมด แล้วก็มีของกินแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่น้องไม่เคยเห็นด้วย”
ดวงตาของเสี่ยวเปาเริ่มเป็นประกาย เธอฟังพี่ชายเล่าด้วยความสนใจ
วันรุ่งขึ้น ขณะที่กำลังเตรียมอาหาร เสี่ยวเปาวิ่งเข้ามาหามู่เยี่ยนฟางแต่เช้า “แม่คะ หนูอยากไปเรียนกับพี่อี้ที่เมืองหลวง ได้ไหมคะ?”
“อะไรนะ? เสี่ยวอี้บอกลูกเหรอ?”
MANGA DISCUSSION