บทที่ 159 ผู้เสียหายรวมตัว
ไม่ถึงสัปดาห์ มู่อวิ่นเฉิงก็กลับมาพร้อมกับข่าวที่น่าตกใจ
“เธอเชื่อไหม ว่าฉันพบเหยื่อถึงยี่สิบราย” มู่อวิ่นเฉิงรายงานกับเกาซู “และส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนสนิทของจูหว่านหรงทั้งนั้น”
เกาซูตกตะลึง แม้เธอจะคาดเดาไว้แล้วว่าจูหว่านหรงคงไม่ได้หลอกเธอแค่คนเดียว แต่จำนวนเหยื่อที่มากขนาดนี้ก็ทำให้เธอทั้งโกรธและสะเทือนใจ!
“เราต้องทำอะไรสักอย่าง” เกาซูพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “เราต้องหยุดเธอไว้ก่อนที่จะมีคนถูกหลอกไปมากกว่านี้”
มู่อวิ่นเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันคิดว่าเราควรรวบรวมเหยื่อและไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ”
เกาซูคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันมีแผนแล้ว เราจะบอกหว่านหรงว่าการหย่ามีปัญหา ต้องไปแก้ไขที่สถานีตำรวจ ก่อนอื่น คุณต้องติดต่อและนัดหมายเหยื่อของเธอก่อน”
“เป็นแผนที่ดี” มู่อวิ่นเฉิงเห็นด้วย “ถ้าเป็นแบบนี้ เธอจะไม่ระแคะระคายเลย”
วันรุ่งขึ้น เกาซูเข้าไปหาจูหว่านหรงที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น
“หว่านหรง” เกาซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล “เมื่อกี้อวิ่นเฉิงมาบอกที่หน้าบ้านว่า เอกสารการหย่ามีปัญหา เราต้องไปแก้ไขที่สถานีตำรวจ”
จูหว่านหรงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ที่สถานีตำรวจเหรอ? ทำไมต้องที่นั่นล่ะ?”
เกาซูแสร้งทำเป็นสับสนเช่นกัน “ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่พวกเขาบอกว่าต้องไปที่นั่น บางทีอาจจะเกี่ยวกับการยืนยันตัวตนหรืออะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง”
จูหว่านหรงถอนหายใจ แต่ก็พยักหน้ายอมรับ “ก็ได้ ถ้าจำเป็นก็ต้องไปล่ะนะ”
ทั้งสองออกเดินทางไปยังสถานีตำรวจ ระหว่างทาง จูหว่านหรงดูกังวลเล็กน้อย แต่เกาซูพยายามทำให้เธอรู้สึกสบายใจด้วยการคุยเรื่องทั่วไป
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ เกาซูรู้สึกใจเต้นแรง เธอรู้ว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของจูหว่านหรงจากหน้ามือเป็นหลังมือ
พวกเธอเดินเข้าไปในอาคาร และทันทีที่เข้าไปในห้องโถง จูหว่านหรงก็ชะงักกึก เธอเห็นใบหน้าคุ้นเคยหลายคนยืนอยู่ที่นั่น ทั้งหมดเป็นเพื่อนสนิทของเธอ และทุกคนกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาโกรธแค้น
“นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จูหว่านหรงถามด้วยเสียงสั่นเครือ หันไปมองเกาซูด้วยความสับสน
เกาซูยืนนิ่ง สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “หว่านหรง เธอคงคิดไม่ถึงใช่ไหมว่าวันนี้จะมาถึง?”
จูหว่านหรงถอยหลังไปหนึ่งก้าว “เกาซู… เธอ… เธอหมายความว่ายังไง?”
“เธอคิดว่าเธอจะหลอกทุกคนได้ตลอดไปเหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคน เป็นหญิงสาวที่จูหว่านหรงจำได้ว่าเคยหลอกเอาเงินไป “เธอโกงฉันไป 200,000 หยวนเชียวนะ!”
“และฉันอีก 300,000!” อีกคนตะโกนขึ้น
เสียงโวยวายดังขึ้นจากทุกคนในห้อง ต่างคนต่างระบุจำนวนเงินที่ถูกโกงไป จูหว่านหรงยืนตัวสั่น หน้าซีดเผือด
“ไม่… ไม่จริง… นี่มันไม่ใช่…” เธอพยายามปฏิเสธ แต่เสียงของเธอแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ
เกาซูก้าวเข้ามาใกล้ “หว่านหรง เราทุกคนรู้ความจริงหมดแล้ว เธอไม่ใช่แค่โกงฉัน แต่เธอโกงทุกคนที่ไว้ใจเธอ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย!”
จูหว่านหรงทรุดลงกับพื้น น้ำตาไหลพราก “ฉัน… ฉันขอโทษ… ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
แต่คำขอโทษของเธอไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกสงสาร ตำรวจเดินเข้ามาหา และเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“คุณจูหว่านหรง คุณถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงประชาชน” ตำรวจนายหนึ่งประกาศ พร้อมกับเตรียมจะนำตัวจูหว่านหรงไป ทว่า เธอขัดขืนอย่างแรง พร้อมกับหันมามองเกาซูด้วยสายตาผิดหวัง
“เกาซู เธอทำแบบนี้ได้ยังไง? เราเป็นเพื่อนกันนะ เธอหลอกฉันทำไม”
เกาซูหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เพื่อนเหรอ? เธอถามตัวเองก่อนเถอะ ว่าทำไมถึงทำกับฉันได้ลงคอ? หึ ทีนี้เข้าใจความรู้สึกหรือยัง? ว่าการถูกคนที่ไว้ใจหักหลังมันรู้สึกยังไง ต่อไปนี้ถือว่าฉันกับเธอไม่รู้จักกัน!” พูดจบ เกาซูก็บ่ายหน้าหนีอย่างเหลืออด
ตลอดทั้งวัน เธอต้องให้การกับตำรวจ รวมถึงพูดคุยกับผู้เสียหายคนอื่น ๆ จนในที่สุด ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ที่เหลือก็แค่ให้กฎหมายจัดการจูหว่านหรงต่อไป
เกาซูกลับมาถึงบ้านในสภาพที่อ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ เธอทรุดตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น สีหน้าหม่นหมองและห่อเหี่ยว มู่อวิ่นเฉิงที่ตามมาติด ๆ ก็รีบเข้ามานั่งข้างเธอทันที
“เป็นยังไงบ้าง?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
เกาซูถอนหายใจยาวเหยียด “ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าควรรู้สึกยังไง อวิ่นเฉิง ในที่สุดเราก็จัดการจูหว่านหรงได้แล้ว แต่…”
มู่อวิ่นเฉิงโอบกอดเกาซูไว้แน่น “ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เกาซู เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คนทำผิดสมควรแล้วที่ต้องได้รับโทษ จูหว่านหรงทำร้ายเธอและคนอื่น ๆ มามากมาย เธอต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเธออยู่แล้ว ต่อให้เธอไม่เป็นคนเปิดโปง สักวันจูหว่านหรงก็ต้องใครสักคนทำแบบนี้ ถือว่าเธอเก่งมากที่จับได้ก่อน”
เกาซูซบหน้าลงบนอกของมู่อวิ่นเฉิง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา “ฉันเหนื่อยจริง ๆ… ฉันก็แค่อยากมีธุรกิจ อยากสำเร็จ ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเจอแบบนี้!”
มู่อวิ่นเฉิงลูบหลังเกาซูเบา ๆ “ใจเย็น ๆ เธอเป็นคนดี เกาซู… ตอนนี้เธอก็ได้บทเรียนแล้ว ต่อไปเราทำกันเองเถอะ ฉันจะสนับสนุนและช่วยเธอเอง”
หญิงสาวแหงนหน้ามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเป็นประกาย “จริงเหรอ? คุณพูดจริงเหรอ?”
“อืม ถึงฉันจะไม่ได้มีความรู้เรื่องเสื้อผ้าก็เถอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องจัดการ ฉันน่าจะพอช่วยได้”
“ได้จังเลย! อวิ่นเฉิง แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้ว ขอบคุณนะ! ฉันดีใจที่สุดเลย!”
ทั้งสองนั่งกอดกันอยู่บนโซฟาเป็นเวลานาน ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของเกาซูที่ดังขึ้นเป็นระยะ มู่อวิ่นเฉิงคอยปลอบโยนเธอด้วยการลูบหลังและกอดเธอไว้แน่น
เวลาผ่านไปจนถึงดึกดื่น เกาซูก็ค่อย ๆ สงบลง เธอเงยหน้าขึ้นมองมู่อวิ่นเฉิง ดวงตายังคงแดงก่ำด้วยน้ำตา
“อวิ่นเฉิง…” เธอเอ่ยเบา ๆ
“หืม?” มู่อวิ่นเฉิงตอบอย่างอ่อนโยน
“คุณ… คุณจะต้องกลับกองทัพอีกแล้วเหรอ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
มู่อวิ่นเฉิงถอนหายใจเบา ๆ “อืม ฉันต้องกลับไปทำภารกิจต่อ แต่ไม่ต้องกังวล ฉันจะกลับมาหาเธออีกทีสัปดาห์หน้า”
เกาซูกัดริมฝีปาก พยายามตอบรับอย่างเข้าใจ “อื้ม… เรื่องโรงงาน ไว้สัปดาห์หน้าเรามาคุยกันนะ ตอนนี้เรามีเงินมากพอที่จะสร้างโรงงานขนาดเล็กในชนบท ฉันกำลังคิดว่าอยากจะทำที่บ้านเราน่ะ”
มู่อวิ่นเฉิงยิ้มบาง ๆ “ได้สิ ฉันพอจะรู้จักผู้รับเหมาใกล้บ้านที่พอจะช่วยดูที่ทางให้ได้ด้วย เอาไว้จะลองติดต่อให้เขาหาทำเลดี ๆ ให้เลือก”
เกาซูพยักหน้า “ขอบคุณนะ… ถ้าไม่ได้คุณคอยช่วยฉันคงจัดการกับหว่านหรงลำบาก”
มู่อวิ่นเฉิงมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน “อย่ามัวแต่ขอบคุณเลย มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำในฐานะสามีและทหารคนหนึ่งอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาจูบเกาซูอย่างอ่อนโยน เธอตอบสนองด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความต้องการ
จูบที่เริ่มต้นอย่างนุ่มนวลค่อย ๆ ทวีความเร่าร้อนขึ้น มือของทั้งสองเริ่มสำรวจร่างกายของกันและกัน สัมผัสที่คุ้นเคยแต่แฝงไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
มู่อวิ่นเฉิงอุ้มเกาซูขึ้นในอ้อมแขน พาเธอเข้าไปในห้องนอน วางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะทาบทับร่างของเธอ จูบของเขาเริ่มเคลื่อนจากริมฝีปากลงมาที่ลำคอขาว ทำให้อีกฝ่ายส่งเสียงครางเบา ๆ ด้วยความสุขสม
เสื้อผ้าถูกถอดออกทีละชิ้น เผยให้เห็นผิวกายที่เปล่งประกายใต้แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา มือของมู่อวิ่นเฉิงสัมผัสทุกส่วนของร่างกายเกาซูอย่างทะนุถนอม ราวกับว่าเธอเป็นสิ่งล้ำค่าที่แตกหักได้
เกาซูรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เธอโอบกอดมู่อวิ่นเฉิงไว้แน่น ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความปรารถนา เสียงหอบหายใจและเสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นในความมืด
ทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เคลื่อนไหวในจังหวะที่สอดประสานกันอย่างลงตัว ความรู้สึกเสียใจและความกังวลทั้งหมดถูกกลืนหายไปในห้วงแห่งความสุข
เวลาผ่านไปเกือบค่อนคืน เสียงครางอันแผ่วเบาดังขึ้นในความเงียบ ก่อนที่ทั้งคู่จะทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างกัน หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าแต่เปี่ยมไปด้วยความพอใจ
MANGA DISCUSSION