บทที่ 158 จะฟ้องหย่า
หลังจากคุยรายละเอียดกันอีกสักพัก ทุกคนก็ตกลงกันว่าจะจัดงานเลี้ยงในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ถึงวันงานเลี้ยง บ้านตระกูลหลู่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม แขกเหรื่อทยอยมาถึงทีละคน
จูหว่านหรงมาถึงพร้อมกับหลู่ตงเริ่น เธอสวมชุดราตรีสีแดงสด ดูสวยสะดุดตา ทุกคนในบ้านต้อนรับเธออย่างอบอุ่น ไม่มีใครแสดงท่าทีผิดปกติออกมา
และงานเลี้ยงก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น เกาซูคอยสังเกตจูหว่านหรงอยู่ห่าง ๆ รอจังหวะที่เหมาะสม
เมื่อเห็นว่าจูหว่านหรงกำลังยืนอยู่คนเดียว เกาซูจึงเดินเข้าไปหาและชวนดื่ม
“หว่านหรง มาดื่มด้วยกันไหม?” เกาซูชวนด้วยรอยยิ้มสดใส
จูหว่านก็ยิ้มตอบพร้อมกับรับแก้วเครื่องดื่ม “ได้สิจ๊ะ ก็เราเป็นเพื่อนสนิท แถมยังเป็นเพื่อนรักอีกต่างหาก”
ทั้งสองดื่มคุยกันอย่างสนุกสนาน เกาซูพยายามให้จูหว่านหรงดื่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด อีกฝ่ายก็เริ่มมีอาการมึนเมา
“ฉัน… ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย… เหมือนว่าโลกกำลังหมุนอยู่แหนะ!” จูหว่านหรงพูดเสียงเบา ฟังแทบไม่ได้ศัพท์
เกาซูรีบทำท่าห่วงใย “งั้นฉันพาไปนอนพักก่อนดีไหม?”
เธอพาจูหว่านหรงไปที่ห้องรับรองแขก วางนอนบนเตียงอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็ออกมาให้สัญญาณกับทุกคน
แผนการเริ่มดำเนินไปตามที่วางไว้ ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ร่วมแผนถูกจัดให้เข้าไปนอนข้าง ๆ จูหว่านหรง ทุกคนต่างรอด้วยความตื่นเต้นและกังวล
จนเช้าวันรุ่งขึ้น เสียงคำรามด้วยความโมโหดังขึ้นจากทางห้องรับรองแขก
“เสี่ยวหว่าน! เธอ… เธอทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!?”
จูหว่านหรงนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง มองชายแปลกหน้าที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าตกใจ
หลู่ตงเริ่นเดินเข้าไปในห้อง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
“ที่รัก… นี่… นี่ไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะ” จูหว่านหรงพยายามอธิบายด้วยน้ำตาคลอเบ้า
แต่หลู่ตงเริ่นยกมือปราม “พอได้แล้ว เสี่ยวหว่าน ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เราหย่ากันเถอะ!”
จูหว่านหรงตกใจ น้ำตาไหลพราก “ไม่นะ ฉันไม่หย่า”
“เธอทำกับฉันขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมหย่าอีกเหรอ!? เสี่ยวหว่าน ฉันจะฟ้องศาลทหารเพื่อขอหย่ากับเธอ นับจากนี้ไป เธอไม่ใช่คนของตระกูลหลู่อีกแล้ว!”
หลู่ตงเริ่นยืนกรานในการตัดสินใจของเขา เขาหันไปมองเกาซูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาสำนึกผิดในความเลวทรามที่ภรรยาของเขาทำไว้
เกาซูรู้สึกเศร้าใจแทนหลู่ตงเริ่น แต่ก็รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
จูหว่านหรงมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยแววตาสับสน เธอไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไรดี แต่ในขณะที่เธอกำลังหน้ามืดไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ตนเองไม่ได้สติ อยู่ดี ๆ เกาซูก็โผเข้ากอดเธอไว้
“เกา… ซู…” ทันใดนั้น เกาซูก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนออกไปก่อน เหลือไว้เพียงเธอและจูหว่านหรงเพียงสองคน
“ใจเย็น ๆ นะหว่านหรง เกิดอะไรขึ้น พอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหม?”
เธอแสร้งทำเป็นรับฟัง และการทำเช่นนี้ในตอนที่อีกฝ่ายกำลังรู้สึกเคว้งคว้างอยู่นั้นก็ได้ผลเป็นอย่างดี
จูหว่านหรงกอดเธอไว้แน่น พรางสะอึกสะอื้นอธิบาย
“ฮึก… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันอาจจะเมามากจนไม่ทันรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปบ้าง เกาซู ช่วยฉันหน่อยได้ไหม… ช่วยพูดกับตงเริ่นให้หน่อยว่าฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น… ฮือ…”
เกาซูได้แต่กำหมัดไว้แน่น เธออยากจะกระชากศีรษะอีกฝ่ายจนผมหลุดเต็มกำมือ แต่ก็ต้องข่มความแค้นเอาไว้ให้ลึกจนสุดใจ
รอก่อนเถอะ อีกไม่นาน เธอก็จะได้ร้องไห้อีกแน่!
เธอได้แต่นึกในใจแล้วปั้นหน้าสลดหดหู่ต่อไป “มันก็ยากที่จะเชื่อนะ หว่านหรง… พูดตอนนี้ก็มีแต่จะโมโหทั้งสองฝ่าย เอาอย่างนี้ดีไหม เธอไปพักที่บ้านฉันก่อน แล้วฉันจะให้อวิ่นเฉิงช่วยพูดอีกแรง… หรือไม่… เธอควรจะรีบหย่าไปเลยซะตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่เขาจะฟ้องศาลทำให้เธอต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”
ฟังแล้วจูหว่านหรงก็อดคิดไม่ได้ เธอไม่มั่นใจเลยว่าตนเองกับชายคนนั้นไปถึงขั้นไหนแล้วบ้าง หากเธอถูกฟ้องหย่าที่ศาลทหารขึ้นมา นอกจากเธอจะต้องหย่ากับตงเริ่นในที่สุดแล้ว เธอยังต้องทนอับอายที่ถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงชั่วคบชู้สู่ชายแน่ ๆ
ถึงอย่างไร ตอนนี้เธอก็หมดใจที่มีให้หลู่ตงเริ่นแล้ว ต่อให้หย่าไป อย่างมากก็แค่เสียบ่อเงินบ่อทอง เรื่องแค่นี้เธอไปเกาะที่ใหม่เสียก็สิ้นเรื่อง
“ฮึก… ฉัน… ฉันจะหย่า… เธอช่วยไปคุยกับตงเริ่นหน่อยได้ไหม ว่าช่วยหย่ากันเงียบ ๆ อย่าถึงขั้นฟ้องศาลทหารเลย ส่วนสินสมรส ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรเลย ฉันยินดียกให้เขาทั้งหมด”
เกาซูดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดอีกครั้ง ทว่าเบื้องหลัง เธอกลับอมยิ้มด้วยความพอใจ
เท่านี้ก็เริ่มแผนการถัดไปได้แล้ว
สามวันหลังจากเหตุการณ์ในงานเลี้ยง บรรยากาศในบ้านของเกาซูเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเงียบเหงา
จูหว่านหรงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก สายตาเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่เกาซูเดินวนไปมาในห้องครัว แกล้งทำเป็นยุ่งกับการเตรียมอาหาร
“หว่านหรง วันนี้เธอต้องไปที่สำนักงานเขตนะ” เกาซูเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล พยายามทำให้น้ำเสียงฟังดูเห็นอกเห็นใจ
จูหว่านหรงหันมามองเกาซูด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เธอพยักหน้าเบา ๆ “ฉันรู้… ฉันแค่… ไม่อยากเชื่อว่ามันจะจบลงแบบนี้”
เกาซูเดินมานั่งข้าง ๆ จูหว่านหรง แล้ววางมือลงบนไหล่ของอีกฝ่าย “ฉันเข้าใจเธอนะ แต่บางทีมันอาจจะเป็นโอกาสให้เธอได้เริ่มต้นใหม่ก็ได้”
จูหว่านหรงพยักหน้าอีกครั้ง น้ำตาเริ่มไหลออกมา เกาซูต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงความรังเกียจออกมา เธอโอบกอดจูหว่านหรงไว้ ปลอบโยนด้วยคำพูดที่ฟังดูจริงใจ ทั้ง ๆ ที่ในใจกำลังนับถอยหลังรอเวลาที่จะได้เห็นอีกฝ่ายได้รับผลกรรม
ที่สำนักงานเขต หลู่ตงเริ่นรออยู่ก่อนแล้ว สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดและเศร้าหมอง เมื่อเห็นจูหว่านหรงเดินเข้ามาพร้อมกับเกาซู เขาพยักหน้าทักทายเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร
กระบวนการหย่าดำเนินไปอย่างเงียบงัน ทั้งสองฝ่ายลงนามในเอกสารโดยไม่มีการโต้เถียงใด ๆ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น หลู่ตงเริ่นรีบเดินออกไปทันที โดยไม่แม้แต่จะหันมามองจูหว่านหรงเป็นครั้งสุดท้าย
เกาซูพาจูหว่านหรงกลับบ้าน ระหว่างทางเธอทำทีแวะส่งไปรษณีย์ แต่ความจริงแล้วแอบโทรไปหามู่อวิ่นเฉิงที่อยู่บ้านตระกูลหลู่ บอกว่าขั้นตอนแรกเสร็จสิ้นแล้ว
คืนนั้น หลังจากที่จูหว่านหรงเข้านอนไปแล้ว เกาซูก็มานั่งคุยกับมู่อวิ่นเฉิงในห้องอ่านหนังสือ
“ตอนนี้เราต้องเริ่มตามหาคนอื่น ๆ ที่ถูกหว่านหรงหลอกแล้วล่ะ” เกาซูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
มู่อวิ่นเฉิงพยักหน้า “ฉันเริ่มสืบหาข้อมูลบ้างแล้ว จากที่รู้มา เธอมักจะหลอกคนที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว โดยเฉพาะเพื่อนสนิท”
“งั้นเราก็ต้องเริ่มจากวงสังคมของเธอสินะ” เกาซูครุ่นคิด “แต่เราต้องระวังอย่าให้หว่านหรงรู้ตัวด้วย”
มู่อวิ่นเฉิงยิ้มมุมปาก “ไว้ใจฉันได้เลย ฉันจะจัดการอย่างระมัดระวังที่สุด”
ในช่วงหลายวันต่อมา มู่อวิ่นเฉิงทำงานอย่างหนักในการสืบหาข้อมูล เขาใช้เครือข่ายของเขาในกองทัพและในวงสังคมชั้นสูงเพื่อติดต่อกับคนที่อาจเป็นเหยื่อของจูหว่านหรง
ในขณะเดียวกัน เกาซูก็คอยดูแลจูหว่านหรงอย่างใกล้ชิด แสร้งทำเป็นเพื่อนที่คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ในใจกำลังวางแผนการต่อไปอยู่
MANGA DISCUSSION