บทที่ 151 ขอรางวัลจากการสอบ
มู่อวิ่นเฉิงยังคงจ้องมองเกาซูด้วยความสงสัย น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความกดดันและความต้องการคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น
“เกาซู บอกมาสิ ทำไมเธอถึงคิดถึงฉัน? ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ทำไมเธอถึงดูเหมือนยังมีอะไรที่ปิดบังอยู่?”
เกาซูนิ่งไป หัวใจของเธอเต้นรัวอยู่ในอก ความรู้สึกอึดอัดก่อตัวในใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่กล้ามองหน้าเขาโดยตรง เพราะกลัวจะเผลอเผยความรู้สึกทั้งหมดออกมาในทันที เธอกัดริมฝีปากครุ่นคิด
แต่แล้ว เธอก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฉัน…” ทว่าคำพูดกลับติดขัดอยู่ในลำคอ “คือฉัน…”
มู่อวิ่นเฉิงขมวดคิ้วแน่น ไม่ละสายตาไปจากเธอ ความเงียบระหว่างทั้งสองทำให้บรรยากาศรอบข้างตึงเครียดขึ้น
“ว่ามาสิ” เขารบเร้าอีกครั้ง ดวงตาของเขาเป็นประกายเหมือนจะค้นหาคำตอบที่ซ่อนอยู่ในใจเธอ
ในที่สุด เกาซูก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉัน… ฉันรู้สึกผิด” เธอเว้นวรรคไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “ฉันขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ฉันเคยทำ ฉันรู้ว่าฉันเคยทำตัวแย่… จนทำให้คุณต้องอับอายคนในหมู่บ้าน”
มู่อวิ่นเฉิงนิ่งฟังคำสารภาพนั้นด้วยความสงสัยที่ค่อย ๆ จางหาย เขามองใบหน้าของเกาซูที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่จุกอยู่ในอกของเธอมาเนิ่นนาน
“ฉันพูดจาไม่ดีใส่คุณ พูดอะไรที่ทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจ ฉันรู้ว่าคุณคงเสียใจมาก… และฉันก็เสียใจเหมือนกันที่ทำแบบนั้น…” น้ำเสียงของเกาซูค่อย ๆ แผ่วลง แต่ก็ยังคงชัดเจนพอที่จะสื่อถึงความจริงใจของเธอได้
มู่อวิ่นเฉิงจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น ถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเอื้อมมือไปแตะที่แก้มของเกาซู
“เกาซู” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกว่าก่อนหน้านี้ “สิ่งที่เธอทำ… ฉันเข้าใจว่ามันเป็นเพราะสถานการณ์ในตอนนั้น… และฉันก็ไม่เคยอายชาวบ้านที่มีเธอเป็นภรรยา…”
เกาซูเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน
หัวใจของเธอแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ คำพูดที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเข้าใจของเขาทำให้เธอไม่อยากเชื่อหูตัวเอง น้ำหนักความรู้สึกผิดที่เคยแบกมาตลอดพลันหายไปเหมือนสายลมพัดพา
เธอคิดมาตลอดว่าเขายังคงฝังใจกับสิ่งที่เธอเคยทำในอดีต
เธอมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แววตาที่เคยเรียบเฉยกลับแฝงด้วยความอ่อนโยนที่ไม่คาดคิด
เกาซูรู้สึกว่าสายตาคู่นั้นมองเห็นความรู้สึกทุกอย่างของเธอโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดออกมา
“คุณ… คุณเข้าใจและไม่โกรธฉันจริง ๆ เหรอ?” เกาซูถามเสียงเบา ไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินคำพูดนั้นถูกต้องหรือไม่
มู่อวิ่นเฉิงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ฉันไม่เคยโกรธ” เขาพูดอย่างชัดเจน “เรื่องที่ผ่านมาฉันไม่เคยโกรธเธอเลย”
เกาซูยังคงมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง จนเธอรู้สึกได้ถึงมืออุ่น ๆ ของมู่อวิ่นเฉิงที่ลูบบนศีรษะของเธอ สัมผัสนั้นทำให้ตระหนักได้ว่า เขาไม่ได้แค่พูดไปเท่านั้น แต่เขาหมายความตามนั้นจริง ๆ
บรรยากาศค่อย ๆ กลับสู่ปกติอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเกาซูใจเย็นลงแล้ว มู่อวิ่นเฉิงก็พูดขึ้นมาราวกับเพิ่งนึกได้
“พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว…” ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้เล็กน้อย ท่าทีของเขาเริ่มมีความสนใจมากขึ้น “เธอยังจำได้ไหม คืนที่เราอยู่บนเขา ตอนนั้นเธอขอไว้ว่า ถ้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ จะมาขอรางวัลจากฉัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของเธอก็เป็นประกาย ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดจริงจังนัก แค่อยากตั้งเป้าหมายให้ตัวเองมีกำลังใจ แต่ตอนนี้เมื่อมู่อวิ่นเฉิงพูดถึงมันอีกครั้ง เธอก็ดีใจเป็นอย่างมาก
“คุณ… ยังจำได้เหรอ?” เธอถามเสียงแผ่ว
มู่อวิ่นเฉิงพยักหน้ารับช้า ๆ ดวงตาคมยังไม่ละไปไหนราวกับอยากรู้นักว่าเธอจะขออะไร
“อยากได้อะไรก็ว่ามาสิ” เขาถามพร้อมกับยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก “ถ้าฉันให้ได้ฉันก็จะให้”
เกาซูนิ่งงันไปครู่หนึ่ง คำขอที่เคยวาดหวังไว้มานานกำลังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา ความคิดมากมายตีรวนอยู่ในใจ เธออยากบอกเขาตรง ๆ แต่ความกลัวก็เกาะกินอยู่ทุกครั้งเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาที่เขาอาจจะแสดงออกมาตอนได้ยินเธอพูด
เขาคงไม่ยอมแน่
เธอคิดในใจ เธอรู้ดีว่ามู่อวิ่นเฉิงรักอาชีพทหารมากแค่ไหน การเป็นทหารไม่ใช่แค่งานสำหรับเขา แต่มันคือชีวิตที่เขาเลือกด้วยความภาคภูมิใจ เธอจึงลังเลอย่างหนักว่าจะบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไปยังไงดี
“เกาซู” มู่อวิ่นเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงความกดดันเบา ๆ ที่ทำให้เธอต้องเงยหน้ามองเขา “ทำไมถึงไม่บอกล่ะ? หรือเธอไม่รู้ว่าต้องขออะไรจริง ๆ?”
เกาซูเม้มริมฝีปาก หลุบสายตามองต่ำลง เธอพยายามรวบรวมความกล้า แต่คำพูดนั้นยังติดอยู่ในลำคอ มันยากเหลือเกินที่จะบอกให้เขารู้ว่าเธออยากให้เขาเลือกเธอแทนที่จะเป็นกรมทหาร
เธอไม่อยากให้เขาไปเสี่ยงอันตรายอีกต่อไปแล้ว
มู่อวิ่นเฉิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้เธออีกนิด
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะไหล่ของเธอเบา ๆ ราวกับต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจมากขึ้น
“เกาซู ถ้าเธอไม่บอก ฉันก็ไม่มีทางรู้ว่าเธอต้องการอะไร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความจริงจัง “ฉันสัญญาว่าจะรับฟัง ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจของเกาซูอ่อนยวบลง เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามข่มความกลัวในใจ แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง
“ฉัน…” เกาซูพูดออกมาเบา ๆ เสียงของเธอแทบจะหายไปในอากาศ “ฉันอยากให้คุณลาออกจากกรมทหาร… มาอยู่กับฉัน…”
มู่อวิ่นเฉิงนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินคำขอนั้น ดวงตาของเขาแฝงความตกใจเล็กน้อยที่ไม่อาจปิดบังได้
เกาซูรู้สึกได้ว่าคำพูดของเธอคงกระทบความรู้สึกของเขาไม่น้อย แต่เธอก็ไม่อาจถอยหลังได้อีกแล้ว
“ฉันไม่อยากให้คุณต้องเสี่ยงอันตรายอีกต่อไป…” เธอพูดต่อด้วยเสียงที่สั่นเครือ และน้ำตาเอ่อล้น “ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉันจริง ๆ เราจะได้มีชีวิตที่สงบสุขด้วยกันยังไงล่ะ…”
มู่อวิ่นเฉิงยังคงเงียบ ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความครุ่นคิดอย่างหนัก เกาซูก็รอคอยคำตอบจากปากของเขาอย่างตึงเครียด
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดราวกับรู้ดีว่าคำขอของเกาซูเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะทำให้ได้
“เกาซู…” เขาเอ่ยชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่น “ฉันคงทำตามที่เธอขอไม่ได้หรอกนะ”
เขาหลบสายตาของเธอเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “การเป็นทหารคือสิ่งที่ฉันเลือกแล้ว ฉันมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่ต่อเธอ แต่ต่อประเทศชาติและเพื่อนร่วมรบของฉัน ฉันทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลังไม่ได้หรอก”
คำพูดของเขาเหมือนมีดที่กรีดลงกลางใจของเกาซู น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มทันทีที่เขาปฏิเสธ
“ฮึก!… ฉันไม่สน!” เกาซูสะอื้นเสียงดัง หยาดน้ำตาไหลรินไม่หยุดหย่อน “ฉันทนไม่ได้อีกแล้ว ฉันไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บตัวกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า คุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงทุกครั้งที่เห็นแผลบนตัวของคุณ…”
เธอปล่อยให้ความรู้สึกที่กักเก็บไว้ระเบิดออกมาในคราวเดียว ความกดดันที่สะสมในหัวใจของเธอพังทลายลงเหมือนเขื่อนที่แตกออก ทั้งน้ำตาและคำพูดพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
“ฉันกลัวทุกครั้งที่คุณกลับเข้ากรม กลัวว่าครั้งต่อไปคุณจะไม่กลับมาอีก ฉันไม่อยากอยู่กับความกลัวแบบนี้อีกแล้ว… ไม่อยากเห็นคุณต้องเสี่ยงอันตราย ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉัน อยากมีชีวิตที่สงบสุขด้วยกัน แค่นั้นเอง… ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ล่ะ? หรือว่าคุณไม่ได้คิดอยากจะอยู่กับฉัน?”
MANGA DISCUSSION