บทที่ 15 ใครกันแน่ที่เป็นคนนอก
แม่ของเกาซูทำเสียงฟึดฟัดใส่ “เก็บทำไม? พ่อแม่เด็กมันตายไปแล้ว ให้น้องแกกินหน่อยไม่ได้เลยเหรอ? แล้วนี่อะไร ของดี ๆ แบบนี้ทำไมไม่เคยเอาไปฝากที่บ้านบ้าง? เอาแต่ปลาติดไม้ติดมือไปฝากตลอด ในคลองแถวบ้านเรามีเยอะแยะ ใครเขาจะต้องการกันล่ะ?”
เกาซูทำหน้าเรียบเฉย “ขนมอบพวกนี้ มู่อวิ่นเฉิงซื้อมาให้จงอี้กิน”
“แกนี่มันโง่จริง ๆ ถามหน่อยเถอะ แกเข้าไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจคำพูดของฉันกันแน่” แม่ของเธอมองมาด้วยสายตาถากถาง “เด็กป่าเถื่อนคนนี้ คู่ควรที่จะกินของดี ๆ แบบนี้หรือไง? มันก็แค่คนนอกคนหนึ่ง ต่อให้แกขุนมันจนอ้วนท้วมไป แต่พอโตขึ้น เจ้าเด็กนี่มันจะยังจำแกได้อีกหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็มีใบหน้าหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเกาซู นั่นก็คือ เจ้าเกาฉี หลานชายทรยศของเธอ
ใช่แล้ว เด็กคนนี้ก็คือคนนอกคนหนึ่ง
แต่ก็น่าแปลก ตอนที่เธอใกล้ตาย คนนอกคนนี้กลับเป็นคนที่จำเธอได้ และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือเธอ…
แต่กลับกัน… คนที่เธอทุ่มเททุกอย่างให้ กลับไม่ซึ้งในความดีของเธอแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้ว สิ่งที่พวกเขาจำได้ก็คือทรัพย์สินของเธอเท่านั้น…
เธอเห็นจงอี้ที่ถูกตราหน้าว่า ‘เด็กป่าเถื่อน’ กำลังจะเดินหนีไป
เกาซูจึงรีบคว้าแก้วนมจากมือของน้องชายเธอทันที พร้อมกับรวบรวมขนมทั้งหมดบนโต๊ะมาไว้กับตัว
“นี่แกทำอะไร” แม่ของเธอเริ่มไม่พอใจ
หลังจากเก็บของทั้งหมดเสร็จ เกาซูก็หันกลับมาพูดกับแม่อย่างจริงจัง “คำว่า ‘เด็กป่าเถื่อน’ หนูไม่อยากได้ยินอีก! จงอี้เป็นลูกที่มู่อวิ่นเฉิงเลี้ยงดูมาเหมือนลูกแท้ ๆ สำหรับเขาก็ไม่ต่างจากลูกแท้ ๆ หรอก!”
แม่ของเธอพยายามแก้ตัวด้วยท่าทีละล่ำละลัก “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น คนอื่นเขาก็พูดกันมาแบบนี้ คนรู้จักแถวบ้าน ญาติฝั่งโน้นฝั่งนี้ ฉันจะไปห้ามปากใครได้ล่ะ?”
เกาซูยิ้มเยาะ “หนูรู้ว่าห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้ แต่คนแบบนั้นก็อย่าหวังว่าจะเข้าบ้านนี้ได้! ใครหน้าไหนกล้าพูดคำนี้ต่อหน้าหนู หนูจะตบปากให้ฟันร่วงเลยคอยดู!”
แม่ของเธอโกรธจนหน้าแดงก่ำ “นี่แกจะตบปากฉันงั้นเหรอ? จะตบปากฉันเพื่อคนนอก เพื่อ… เพื่อเด็กป่าเถื่อนคนนั้นน่ะนะ?”
เกาซูหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกให้จงอี้ออกไปเล่นข้างนอก รอจนกระทั่งเด็กน้อยเดินลับสายตาไปแล้ว เธอจึงพูดกับแม่ต่อว่า “เพราะแม่เป็นแม่ของหนู วันนี้หนูจะปล่อยไปก่อน แต่ถ้ายังมีครั้งต่อไป ก็ไม่ต้องมาบ้านหลังนี้อีก”
เกาซูรู้ดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ไม่ได้ดีนัก และเธอก็ไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องมาเห็นภาพแบบนี้
แม่ของเธอโกรธจนลุกขึ้นยืนแล้วกระทืบเท้าตึง ๆ เดินออกไป แต่น้องชายของเธอกลับดึงชายเสื้อไว้
ผู้เป็นแม่จึงยอมนั่งลงและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “ช่างเถอะ ใครใช้ให้ฉันเป็นแม่ของแกเล่า แม่ลูกกัน ทะเลาะกันได้ก็คืนดีกันได้อยู่แล้ว”
เกาซูรู้อยู่แล้วว่า แม่ของเธอคงมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงได้ถ่อมาหาที่นี่ เธอจึงนั่งเงียบ ๆ รอให้อีกฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
หลังจากนั้น แม่ของเธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องที่ต้องการ เธอคงถูกใครบางคนยุยงส่งเสริมให้ส่งน้องชายไปเป็นทหาร บอกว่าการเป็นทหารนั้นดีอย่างนั้นอย่างนี้ จึงมาขอให้มู่อวิ่นเฉิงช่วยเหลือ
เกาซูเหลือบมองน้องชายของเธอด้วยสายตาดูถูก ถ้าให้พูดตามตรง หากน้องชายมีความทะเยอทะยานและความสามารถ เธอก็ยินดีสนับสนุนให้เขามีอนาคตที่ดี
แต่เด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนแบบนี้หาได้ยาก ตั้งแต่เด็กจนโต แม่กับพ่อก็รักและตามใจน้องชายมาก ๆ ส่วนเธอกับน้องสาวคนสุดท้อง กลับต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวแทน แม้แต่งานในสวน น้องชายของเธอก็ยังทำไม่เป็น ช่วงฤดูเก็บเกี่ยว แค่ลงไปเกี่ยวข้าวเพียงอึดใจเดียวก็เหนื่อยจนต้องไปนอนหลับใต้ต้นไม้
คนแบบนี้ จะทนความลำบากในค่ายทหารได้จริงเหรอ?
เธอตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “ก็ดีนี่ ลองไปสมัครดูสิ”
“แล้วมู่อวิ่นเฉิง…” แม่ของเธอยิ้มหน้าบาน
เกาซูกล่าวอย่างหนักแน่น “ให้ไปสมัครด้วยตัวเอง ห้ามอ้างชื่อมู่อวิ่นเฉิงเพื่อหาเส้นสายเด็ดขาด! ถ้าหนูรู้ว่าทำแบบนั้น พวกแม่ไม่ต้องมาเหยียบที่บ้านตระกูลมู่อีก!”
สีหน้าของผู้เป็นแม่เปลี่ยนเป็นตกใจในทันที “ไม่ได้นะ! ถ้าไม่ได้รับการคุ้มครองจากมู่อวิ่นเฉิง น้องชายแกจะลำบากมาก เขาไม่เคยชินกับความลำบากแบบนั้นหรอก…”
เกาซูเข้าใจความคิดของแม่เป็นอย่างดี “นี่แม่คิดเหรอว่า การเข้าไปในกองทัพแล้วจะสุขสบาย?”
“ก็แน่นอนสิ เรามีเส้นสายอย่างมู่อวิ่นเฉิงทั้งที จะต้องลำบากไปทำไม? ก็ให้เขาไปอยู่ข้าง ๆ พี่เขย แล้วก็หาตำแหน่งนายทหารเล็ก ๆ ให้…”
แม่ของเธอกำลังฝันกลางวันอยู่หรือไง!
“แม่คิดอะไรอยู่? มู่อวิ่นเฉิงไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในกองทัพสักหน่อย เขาเป็นแค่ทหารธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ไม่มีใครได้รับการยกเว้นหรือได้รับสิทธิพิเศษหรอกนะ ทุกอย่างต้องยุติธรรม ถ้าอยากจะใช้เส้นสาย บอกได้เลยว่าไม่มีทาง!” เกาซูพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เกรงใจแม่
คำพูดของเกาซูทำให้แม่ของเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ฉันเลี้ยงแกมาเปลืองข้าวสุกจริง ๆ!” หญิงแก่ลุกพรวดขึ้น พร้อมกับดึงลูกชายให้ลุกตาม “พอแต่งงานเข้าตระกูลมีเงินหน่อย ก็ลืมกำพืดตัวเองเลยสินะ! ลืมไปแล้วใช่ไหมว่า ถ้าไม่มีพวกเราช่วยพูดให้ แกจะได้แต่งงานกับตระกูลมู่? ไปเถอะ! กลับบ้านกัน! พวกแกมันสูงส่งนัก! ชาวบ้านอย่างพวกเราคงไม่คู่ควรคบค้าสมาคมด้วย! ตั้งแต่วันนี้ไป เราตัดขาดกันไปเลย!”
เห็นแม่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เกาซูก็รู้สึกเศร้าใจ นี่คือแม่แท้ ๆ ของเธอเชียวนะ! ทำไมถึงได้กล้าพูดว่า ‘ตัดขาด’ ออกมาได้ลงคอ
“แม่ใจเย็น ๆ ก่อน หนูว่าให้เกาเหวินตั้งใจอ่านหนังสือสักสองสามปี แล้วลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยดูไม่ดีกว่าเหรอ” เกาซูรู้ดีว่าน้องชายของเธอเป็นคนอย่างไร และการเป็นทหารก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อชาติก่อน เธอก็รู้ดีว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ในชาติที่แล้ว เธอเป็นคนบังคับให้มู่อวิ่นเฉิงฝากฝังกับเพื่อนทหารให้หางานในโรงงานให้น้องชาย ซึ่งน้องชายก็ใช้ชีวิตไปวัน ๆ พอธุรกิจของเธอเริ่มมั่นคง น้องชายก็ลาออก มาขอเงินเธอไปลงทุน แต่สุดท้ายก็เจ๊งไม่เป็นท่า เธอจึงจำใจต้องเลี้ยงดูน้องชายและหลานชายอย่างเกาฉีไปตลอดชีวิต…
เกาซูส่ายหัว เธอทำได้เพียงภาวนาให้น้องชายคิดได้ ส่วนน้องสาวอีกคน เธอจะต้องช่วยให้หลุดพ้นจากชีวิตแบบนี้ให้ได้!
เกาซูคำนวณในใจอย่างคร่าว ๆ ก่อนจะตัดสินใจทำอาหารเป็นอย่างแรก แล้วค่อยไปซื้อของในเมือง ไม่รู้ว่าน้องสาวเตรียมอุปกรณ์การเรียนไว้หรือยัง เธอคงต้องไปดูหน่อยแล้ว
ตอนที่เธอจะออกไปเอาผักที่เก็บจากในสวน ก็เพิ่งสังเกตว่า ตะกร้าผักที่เธอเพิ่งเก็บมานั้นหายไป…
เกาซูยิ้มแห้ง ๆ อย่างเอือมระอา
นิสัยชอบเอาเปรียบคนอื่นของแม่เธอนี่ แก้ไม่หายจริง ๆ
เธอรีบทำอาหาร ในใจก็นึกถึงเส้นทางในอนาคต เมื่อทำอาหารเสร็จ ก็วางแผนคร่าว ๆ ได้แล้ว
ชาติที่แล้วเธอได้พบเจอผู้คนมากมาย บางคน เธอไม่อยากเจอหน้าอีก แต่บางคน เธออยากจะตามหาและขอให้พวกเขากลับมา
พอคิดว่าวันนี้จงอี้ต้องน้อยใจอีกแล้ว ตอนทำอาหารจึงทำขนมฟักทองที่เขาชอบด้วย
หลังจากทำเสร็จแล้วก็ตักข้าว แล้วก็ไปส่งข้าวให้พ่อสามีกับแม่สามีที่ทุ่งนา จากนั้นก็เรียกจงอี้กลับมากินข้าว
แต่ไม่ว่าจะร้องเรียก หรือตามหาที่ไหน ก็ไม่เจอจงอี้แม้แต่เงา
นึกถึงประสบการณ์ที่จงอี้เคยหนีออกจากบ้าน เธอก็รู้สึกใจหาย รีบร้องเรียกทั่วทั้งหมู่บ้าน จนกระทั่งเพื่อนบ้านได้ยิน จึงบอกกับเธอว่า “จงอี้ไม่ได้อยู่แถวกองฟางหลังบ้านของเธอหรอกเหรอ? จะตะโกนหาอะไรข้างนอก”
เกาซูรีบวิ่งกลับไป จริงอย่างที่คิด เธอพบจงอี้นั่งอยู่บนกางฟางหลังบ้าน
คุยกับนักอ่าน : ตกลงแม่คลอดเกาซูมาจริงมั้ยน้ออ ทำไมรักแต่ลูกชายคนเดียว ชีวิตนางเอกในแต่ละวันคือวุ่นวายมาก ปวดหัวแทนจริง ๆ มาเอาใจช่วยน้องให้ฝ่าวิกฤตไปพร้อม ๆ กันนะคะ
MANGA DISCUSSION