บทที่ 149 คนโปรดของตระกูลหลู่
ความหมายที่แฝงในคำพูดของเขาคือ เกาซูไม่รู้จักวางตัว คนอื่นพยายามหาทางสร้างความสัมพันธ์กับหลู่หวางจวงยังแทบไม่มีโอกาส แต่เธอกลับกล้าเอาชนะเขาในเกมที่ควรจะแพ้เสียด้วยซ้ำ!
บรรยากาศในบ้านตระกูลหลู่เงียบลงชั่วขณะ
หลู่เหยาหลี่มองเขาอีกครั้ง แล้วยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก พ่อฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย เขาชอบให้คนอื่นเล่นหมากรุกกับเขาอย่างจริงจังต่างหาก จะมายอมแพ้ทำไม จะดูถูกกันเหรอ?”
หลู่เฟิงก็ตบไหล่หลี่จวิ้น พลางยิ้ม แล้วพูดว่า “อย่าไปคิดมากเลย คุณลุงไม่ใช่คนชอบพวกประจบหรอกนะ”
จากนั้นไม่นาน หลู่หวางจวงก็เรียกพวกเขาขึ้นไปชั้นบน
หลี่จวิ้นจึงได้แต่คิดในใจ ถึงเวลาแสดงฝีมือแล้ว!
ที่ชายแก่เรียกพวกเขามา เพราะต้องการจะชวนอ่าน และคัดบทกวี
“มาเร็ว มาช่วยฉันฝนหมึกหน่อย เสี่ยงเฉิง” เขาเรียกมู่อวิ่นพลางยื่นแทนฝนหมึกให้ แต่ในระหว่างที่กำลังจะรับมา มือไม้ของชายแก่กลับอ่อนแรงจนเผลอทำแท่นฝนหมึกร่วงตกลงไป
ในมุมมองสายตาของหลี่จวิ้น เขาเห็นว่าเป็นเพราะมู่อวิ่นเฉิงรับไว้ไม่ดี จนหล่นลงไป จึงเอ่ยแกมประจบว่า “คุณลุงครับ อย่าโกรธไปเลยครับ สามีของเกาซูเป็นคนบ้านนอก อาจจะไม่รู้ว่าควรถือแท่นฝนหมึกยังไง อย่าได้ถือสาเขาเลยนะครับ”
เมื่อพูดจบ หลี่จวิ้นก็แสร้งทำท่าทางสนิทสนมกับมู่อวิ่นเฉิงอย่างมาก เขาทำหน้าเหมือนเป็นห่วง แล้วบอกว่า “นายรีบขอโทษคุณลุงเร็วเข้า บอกไปว่านายไม่ได้ตั้งใจ”
เกาซูไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ดีว่าหลี่จวิ้นเป็นจอมเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนจะช่วยไกล่เกลี่ย แต่ความจริงกลับพยายามยุยงให้เกิดเรื่องต่างหาก
คิ้วของเธอเริ่มขมวด มู่อวิ่นเฉิงที่ยืนอยู่ตรงข้ามส่ายหน้าให้เธอเป็นสัญญาณบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น
หลี่จวิ้นสะใจเป็นอย่างมาก พลางหัวเราะเยาะในใจ
แต่แล้ว มู่อวิ่นเฉิงกลับสงบนิ่ง ยิ้มและพูดกับชายแก่อย่างอ่อนโยนว่า “คุณลุงครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ”
“จะมาขอโทษทำไม ในเมื่อฉันเองที่เป็นคนผิด เมื่อกี้นายไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นฉันเองต่างหากที่มือไม้อ่อน จนทำแท่นฝนหมึกร่วงไปเองแบบนี้”
กลับกลายเป็นว่า เมื่อความจริงถูกเอ่ยจากปากชายแก่ หลี่จวิ้นจึงกลายเป็นคนปากไว ไม่รู้จักคิด นั่นยิ่งสร้างภาพลักษณ์อันน่าอับอายให้เขาแทน
หลู่หวางจวงกระแอมเสียง ก่อนจะเอ่ยกับมู่อวิ่นเฉิง
“เอาล่ะ ๆ มาฝนกันเถอะ นายทำนะ”
มู่อวิ่นเฉิงยกแท่นฝนหมึกขึ้นมาใหม่ ท่าทางของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยความนุ่มนวล มือของเขาจับแท่นฝนหมึกอย่างมั่นคง ก่อนจะเริ่มฝนหมึกอย่างช้า ๆ เป็นจังหวะ หมึกสีดำขลับค่อย ๆ ซึมออกมา
ทุกสายตาจับจ้องไปที่การกระทำของมู่อวิ่นเฉิงอย่างไม่วางตา ท่วงท่าของเขาดูสง่างามอย่างน่าประหลาด ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มที่ดูเรียบง่ายอย่างนี้ จะมีความละเอียดอ่อนและความชำนาญในการฝนหมึกได้
หลู่หวางจวงยิ้มกว้าง พยักหน้าอย่างพอใจ “ดี! ดีมาก! นายฝนหมึกได้ดีเลยทีเดียว”
หลี่จวิ้นเบิกตากว้าง มือที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัวสั่นเทิ้ม ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ ว่ามู่อวิ่นเฉิงจะสามารถฝนหมึกได้ดี หนำซ้ำท่าทางของเขาก็ดูราวกับเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ ไม่ใช่ชาวไร่บ้านนอกอย่างที่เขาให้ร้าย
ความรู้สึกริษยาและหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของหลี่จวิ้น
ตอนนี้ ทั้งมู่อวิ่นเฉิงและเกาซูได้กลายเป็นที่รักของบ้านนี้ไปแล้วจริง ๆ ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะอีกฝ่ายได้เลย
จากนั้น ชายแก่ก็เริ่มใช้พู่กันจุ่มหมึก เขียนลงในกระดาษขาวแผ่นใหญ่
ตัวอักษรที่ได้นั้นช่างบรรจงและสวยงาม ทำให้คนมองต่างเอ่ยปากชื่นชมกันยกใหญ่ และหลู่หวางจวงก็พอใจมากที่ตนเองได้รับคำชมเหล่านั้น
ตกเย็น เกาซูมาช่วยทำอาหารในห้องครัวอีกแรง เพราะวันนี้มีแขกเยอะ ที่บ้านตระกูลหลู่จึงต้องทำอาหารหลายอย่าง
เกาซูเลือกทำหมูตุ๋นสมุนไพร เพราะสูตรที่เธอทำขายนั้นถูกปากคนทั่วไปจนต้องกลับมาต่อแถวซื้อจนเป็นที่เลื่องชื่อในเมืองของเธอ
เมื่อจานหมูตุ๋นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมและสีสันน่ารับประทานถูกยกมาวาง หลู่หวางจวงก็ตาโตทันที
เกาซูยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “คุณลุง ลองชิมดูสิคะ ว่าหมูตุ๋นที่ฉันทำรสชาติเป็นยังไงบ้าง”
“ได้เลย!” หลู่หวางจวงตอบรับทันทีโดยไม่ลังเล ก่อนจะคีบหมูชิ้นหนึ่งเข้าปาก
ทันทีที่ได้ลิ้มรส ใบหน้าของหลู่หวางจวงก็เต็มไปด้วยความสุข เหมือนได้ลิ้มรสชาติอันยอดเยี่ยมในรอบหลายเดือนที่ไม่ได้กินมา
“อร่อย! อร่อยมากเลย! รสชาตินี้ล่ะ! สุดยอดจริง ๆ!” เขาคิดในใจว่าอยากให้เกาซูทำหมูตุ๋นแบบนี้ให้กินทุกวันด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้
ช่างน่าเสียดายจริง ๆ…
คุณนายหลู่เห็นสามีดูมีความสุขนาดนี้แล้วก็ดีใจ เพราะเวลาที่เธอทำอาหาร สามีมักจะบ่นเสมอว่ารสชาติจืดชืดและไม่ถูกปากเขา
หลู่เหยาหลี่เองก็ยิ้มแล้วเอ่ยแซว “พ่อคะ วันนี้ดูเจริญอาหารกว่าปกติเลยนะคะ”
“ก็แน่สิ เป็นใครได้กินอาหารรสชาตินี้ก็ต้องเจริญอาหารกันทั้งนั้น”
ทุกคนร่วมกันกินอาหารมื้อนี้กินกันอย่างมีความสุข
งานเลี้ยงตระกูลหลู่วันนี้จัดขึ้นเพื่อขอบคุณมู่อวิ่นเฉิงที่ช่วยชีวิตหลู่ตงเริ่นในภารกิจล่าสุด
เดิมทีเป็นงานภายในครอบครัว แต่หลู่เฟิงที่เข้ากับคนง่าย เมื่อรู้ว่าผู้มีพระคุณของหลู่ตงเริ่นจะมา ก็ชวนเพื่อนใหม่ที่ชมรมกีฬาอย่างหลี่จวิ้นมาร่วมด้วย
หลู่เฟิงร่าเริงและเป็นกันเอง ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารคึกคักเป็นอย่างมาก แต่หลี่จวิ้นกลับเป็นคนเดียวที่อึดอัด เพราะไม่สามารถเข้าร่วมบทสนทนาได้ แม้พยายามแทรกสองสามครั้ง แต่ก็ไม่ราบรื่นนัก ถึงตระกูลหลู่ยังคงต้อนรับอย่างดี เขาก็รู้สึกเสียหน้า คิดว่าไม่น่ามาเลย และเริ่มมองเกาซูกับมู่อวิ่นเฉิงในแง่ลบยิ่งกว่าเดิม
ทุกคนต่างมีความสุขกับงานเลี้ยง ก่อนกลับ หลู่หวางจวงยังชวนเกาซูและมู่อวิ่นเฉิงให้มาเที่ยวเล่นอีกในสัปดาห์หน้า
คุณนายหลู่พูดกับเขาว่า “ตาแก่นี่ อยากกินฝีมือคนอื่นอีกแล้วสินะ? คนเขาจะมีเวลามาทำอาหารให้คุณกินทุกสัปดาห์ได้ยังไง? ไม่รู้จักเกรงใจเลยจริง ๆ!”
เกาซูยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอแค่คุณลุงกับคุณนายหลู่ไม่รำคาญที่พวกเราจะมารบกวนก็พอแล้ว”
“มาสิ! มาเลย! พวกเธอมาทุกวันก็ได้!” หลู่หวางจวงรีบพูดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลู่เอ็นดูมู่อวิ่นเฉิงและเกาซูมาก ส่วนหลู่เฟิงที่เข้ากับคนง่าย ก็อาสาไปส่งทั้งคู่ถึงที่บ้าน เกาซูจะเกรงใจและปฏิเสธไปแล้ว แต่สุดท้ายก็กลายเป็นหลู่ตงเริ่นที่เป็นคนไปส่ง ระหว่างทางก็บ่นน้อยใจที่จูหว่านหรงมัวแต่ทุ่มเทให้กับโรงงานจนลืมเขา ทำเอาเกาซูอดขำไม่ได้
หลู่เฟิงเดินออกมาพร้อมหลี่จวิ้น ปากก็พร่ำถึงภูมิหลังอันน่าสนใจของมู่อวิ่นเฉิงและเกาซู
แต่หลี่จวิ้นกลับพูดอย่างเหยียดหยันว่า “เชอะ! สองคนนั้นก็แค่พวกขี้ประจบเท่านั้นล่ะ”
ถึงหลู่เฟิงจะดูซื่อ ๆ แต่เขาก็ไม่โง่ เขาไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำแปลก ๆ ของหลี่จวิ้นในงานเลี้ยง แต่พอได้ยินหลี่จวิ้นพูดจาดูถูกมู่อวิ่นเฉิงและเกาซู ซึ่งเขามองว่าเป็นเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อหลี่จวิ้นก็ลดลง คิดว่าจะไม่คบค้าสมาคมด้วยอีกต่อไป
MANGA DISCUSSION