บทที่ 146 เธอมากับใครเหรอ?
เช่นเดียวกับเกาซู หลี่จวิ้นกับเพื่อนก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากแม่บ้าน หญิงวัยกลางคนนำชาร้อนและขนมมาให้ ก่อนจะเชิญให้ทั้งคู่นั่งรอ
ดูเหมือนเพื่อนของหลี่จวิ้นจะค่อนข้างสนิทสนมกับตระกูลหลู่ เขาเอ่ยเรียกแม่บ้านว่า ‘ป้าเสิ่น’ แล้วก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ รวมถึงเรื่องราวของหลู่ตงเริ่นอย่างสนิทใจ
แม่บ้านเรียกเขาว่า ‘เสี่ยวเฟิง’
หลังจากพูดคุยกันสักพัก แม่บ้านก็ขอตัวไปทำงานอื่น ๆ ปล่อยให้แขกทั้งสามนั่งรอในห้องรับแขก เสี่ยวเฟิง หรือชื่อเต็มคือหลู่เฟิง หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมากินอย่างสบายใจ
ในขณะที่หลี่จวิ้นกลับดูเกร็งอย่างเห็นได้ชัด เขานั่งนิ่ง ตัวตรง ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
ไม่นาน หลู่เฟิงก็หันมาบอกกับหลี่จวิ้นว่า “หลี่จวิ้น ฉันขอตัวไปเดินเล่นข้างนอกก่อนนะ นายรออยู่ที่นี่แหละ”
“ครับ” หลี่จวิ้นตอบรับอย่างสุภาพ
เกาซูแสร้งทำเป็นไม่สนใจ นั่งจิบชาเงียบ ๆ ไปอย่างเดิม
แต่หลี่จวิ้นก็ไม่ยอมปล่อยเธอไว้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าของเธอ ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็ส่ายหน้า “ชุดสวยนะ แต่ดูไม่เหมาะกับงานวันนี้เท่าไหร่”
เกาซูเชิดหน้า มองไปทางอื่น คนประสาทกวนโมโหแบบนี้ ถ้าเธอผสมโรงด้วยคงได้กลายเป็นประเภทเดียวกัน ถ้าเถียงกันขึ้นมาในบ้านตระกูลหลู่จะดูไม่งามแน่ อีกอย่างยังทำให้มู่อวิ่นเฉิงขายหน้าอีก ถ้าไม่ติดเหตุผลเหล่านี้ เธอก็อยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าผู้ชายคนนี้จริง ๆ
แต่ผลคือ เมื่อเกาซูไม่พูดอะไร เขาก็พูดต่อว่า “มาเป็นแขกที่บ้านคนอื่น ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดแบบนี้ล่ะ? ควรจะสุภาพหน่อย สีดำ ขาว เทา หรือน้ำเงินเข้มจะดีที่สุด แล้วยังคาดอะไรบนหัวอีก คงไปเอาอย่างพวกผู้หญิงในนิตยสารภาพยนตร์มาแน่ ๆ ตลกจริง ๆ นะเกาซู”
แทนที่จะโกรธ เกาซูกลับนึกอยากหัวเราะขึ้นมา
เธออยากจะตะโกนดัง ๆ ว่า ‘มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ บังอาจมาสั่งสอนเธอ’
“ผมพูดกับเธอนะ ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” หลี่จวิ้นถามเธอเบา ๆ เพราะอยู่ในบ้านคนอื่น เขาก็ไม่กล้าส่งเสียงดัง เขาพยายามอย่างมากกว่าจะได้สร้างความสัมพันธ์กับลูกหลานข้าราชการชั้นสูงอย่างหลู่เฟิงในชมรมของมหาวิทยาลัย ถึงได้มีโอกาสเข้าออกในสถานที่แบบนี้
แต่ทำไมเกาซูถึงมาปรากฏตัวที่นี่ล่ะ?
จะมาทำให้เรื่องของเขาพังหรือเปล่า?
“เธอมากับใครเหรอ?” หลี่จวิ้นรู้ดีว่า เกาซูเป็นลูกชาวนาแท้ ๆ อย่าว่าแต่เมืองหลวงเลย แม้แต่ในเมืองของจังหวัดก็ไม่มีญาติสักคน
เกาซูได้ยินแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “เฮอะ! ฉันจะมากับใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?”
หลี่จวิ้นขมวดคิ้ว “ฉันหวังดีกับเธอนะ บ้านตระกูลหลู่น่ะไม่เหมือนบ้านเลขาพรรคที่หมู่บ้านเธอนะ ต้องรู้จักมารยาท ถ้าทำเรื่องน่าขายหน้า จะสร้างความลำบากให้เธอในอนาคตได้”
เกาซูนึกถึงนิสัยแย่ ๆ ของหลี่จวิ้น เขาชอบพูดจาดูถูกเธอ บอกว่าเธอไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็แอบอ้างว่าหวังดี แล้วก็จะชอบพูดว่า ‘ถึงเธอจะเป็นแบบนี้ แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจ ยังอยากเป็นเพื่อนกับเธอเสมอ’
ตอนนั้นเธอช่างไร้เดียงสา เชื่อคำพูดของเขาอย่างสนิทใจ ในฐานะเด็กสาวบ้านนอก เธอรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเขาทุกอย่างอยู่แล้ว พอถูกเขากดดัน ก็ยิ่งอยากทำให้ตัวเองดูดีขึ้น อยากให้เขาเห็นว่าเธอเปลี่ยนไป จึงทุ่มเทความรู้สึกให้เขาไปทั้งหมด พร้อมกับเชื่อฟังทุกอย่างที่เขาพูด
พอนึกย้อนกลับไป หมอนี่มันเป็นพวกหลอกใช้ ปั่นหัวผู้หญิงชัด ๆ
เกาซูทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เธออ้าปากพ่นคำด่าเขาในที่สุด “จะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน! นายเป็นบ้าหรือไงถึงได้มาเอาชนะกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างฉัน ถ้าเก่งมาก ทำไมไม่ไปแข่งกับพวกคุณหนูตระกูลหลู่ล่ะ? อ้อ… ที่แท้ นายมันก็มีดีแค่เลียขาคนมีอำนาจไปวัน ๆ ชีวิตต้องตกอยู่ใต้ฝ่าเท้าพวกนั้น ก็เลยหาที่ระบาย ซึ่งจะเป็นใครไปได้ นอกจากพวกผู้หญิงอย่างฉัน! ฮ่า ๆ ๆ ชนะสาวบ้านนอก ภูมิใจไหมล่ะหลี่จวิ้น!?”
“เธอ…” หลี่จวิ้นโกรธจัด “เกาซู เธอมันหยาบคาย! อย่าบอกใครเชียวนะว่ารู้จักฉัน!”
“ฉันไม่รู้จักนายตั้งนานแล้ว นายเป็นใครเหรอ? ไม่คู่ควรที่จะเป็นคนรู้จักของฉันเลยสักนิด!”
ชาติที่แล้ว เธอตาบอดอะไรกันนะ ถึงได้รักคนแบบนี้ได้ลงคอ!
ทั้งเห็นแก่ตัว ชอบยกตนข่มท่าน บ้าอำนาจ กดขี่แต่ผู้หญิง นอกจากหน้าตาแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง
ระหว่างที่ลุกขึ้นและกำลังจะอ้าปากด่าเกาซู หางตาก็เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ด้านล่าง แล้วมีหญิงสาวสวมชุดเดรสสีแดงลงมาจากรถ
“พี่เหยาหลี่” เสี่ยวเฟิงที่กำลังคุยกับเด็กหนุ่มหลายคนอยู่ด้านล่างเอ่ยทักทายเธอ
หลี่จวิ้นรีบถอยกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วกำชับเธออย่างจริงจัง “พี่ใหญ่ตระกูลหลู่ หลู่เหยาหลี่กลับมาแล้ว เธอต้องระวังคำพูดของเธอไว้นะ อย่าเอาท่าทางบ้านนอกของเธอออกมาแสดงให้พวกเขาเห็นเด็ดขาด มันน่าอายมาก!”
เกาซูกลอกตา บึนปากด้วยความหมั่นไส้
หลี่จวิ้นยังพูดต่ออีกว่า “ไม่ว่าวันนี้เธอจะใช้เส้นสายของใครมาที่บ้านตระกูลหลู่ก็ตาม แต่อย่าทำให้พวกเขาอับอายล่ะ เข้าใจไหม!”
เขาเหลือบไปเห็นของขวัญที่เธอนำมา เป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เขาขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดอีกว่า “นี่เธอเอาอะไรมาเป็นของขวัญ? มันสำปะหลังจากบ้านนอกเหรอ? หรือของไร้ค่าอย่างผัดดอง? เธออย่าเอาไปพวกเขาให้เชียวนะ! แค่คิดฉันก็อายแล้ว!”
ขณะที่เกาซูกำลังจะโต้กลับ เสียงของหลู่เหยาหลี่ที่กำลังคุยกับหลู่เฟิงก็ดังมาถึงหน้าประตูแล้ว
หลี่จวิ้นปิดปากเงียบก็ไม่พูดอะไรอีก นั่งตัวตรงเป๊ะ แล้วจัดแต่งเสื้อผ้า ตอนจัดปกเสื้อมือยังสั่นเล็กน้อยอยู่เลย
“นี่! ถอดที่คาดผมของเธอเร็วสิ มันน่าเกลียด!” หลี่จวิ้นกระซิบออกคำสั่งเป็นครั้งสุดท้าย
เกาซูไม่สนใจเขาเลย เพียงแต่มองไปที่ประตู
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะสดใสก็ดังขึ้น ประตูถูกผลักเปิดออก หลู่เหยาหลี่ในชุดเดรสสีแดงเพลิง เดินเข้ามาอย่างงดงาม ราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน เมื่อเธอเห็นเกาซู รอยยิ้มก็ยิ่งสดใสขึ้นกว่าเดิม
หลี่จวิ้นมองหลู่เหยาหลี่ด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม เขาคิดไปเองว่าเธอยิ้มให้ เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นทุนเดิม ฉายา ‘เดือนคณะ’ ที่สาว ๆ ตั้งให้ ทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจในตัวเองอยู่พอตัว
หัวใจของหลี่จวิ้นเต้นแรง เขาลุกขึ้นยืน ยิ้มรับ ทำท่าจะทักทาย ขณะที่หลู่เหยาหลี่เดินตรงเข้ามาหา
หลี่จวิ้นรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เขายื่นมือออกไป หวังจะสัมผัสมือเรียวของหญิงสาว “คุณ…”
แต่หลู่เหยาหลี่กลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย เธอเดินผ่านหลี่จวิ้นไป มุ่งตรงไปหาเกาซูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใส “นี่เธอมาได้ยังไง?”
ได้ยินแบบนั้น หลี่จวิ้นก็หัวเราะเยาะในใจ เกาซูนี่ช่างไร้มารยาทจริง ๆ กล้ามางานเลี้ยงทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับเชิญ คราวนี้ล่ะ เธอต้องโดนไล่ออกแน่
เขาหันไปมองเกาซู พร้อมกับคิดในใจ อย่ามาทำเป็นรู้จักกันนะ อย่ามาทำให้ฉันเดือดร้อนก็แล้วกัน!
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเกาซูพูดกับหลู่เหยาหลี่ “ทำไมเหรอคะ?”
หลู่เหยาหลี่ทำหน้ามุ่ย “ฉันตั้งใจจะขับรถไปรับเธอที่มหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่เจอน่ะสิ”
สีหน้าหลี่จวิ้นพลันซีดเผือดเมื่อได้ยิน “หา! อะไรนะ เกาซูกับคุณหนูหลู่รู้จักกัน? แถมยังสนิทกันถึงขนาดให้คุณหนูหลู่ไปรับถึงที่เลยเชียวเหรอ? คุณหนูหลู่สูงส่งมาก แต่กลับยอมลดตัวไปรับเองแบบนี้เชียวเหรอครับ…” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นบ่งบอกถึงความตกใจและไม่อยากจะเชื่ออย่างถึงที่สุด
MANGA DISCUSSION