บทที่ 134 มีอะไรที่คุณทำไม่เป็นบ้างไหม?
“คุณ… คุณทำแบบนี้เป็นด้วยเหรอ?” เกาซูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาทำได้ทุกอย่างเลยหรือนี่! “มู่อวิ่นเฉิง มีอะไรที่คุณทำไม่เป็นบ้างไหม?”
มู่อวิ่นเฉิงคิดอย่างจริงจัง “ที่จริงก็มีนะ”
“อะไรล่ะ?” เธอคิดว่าคงเป็นการสร้างเครื่องบินหรือปืนใหญ่ พวกนี้เขาคงทำไม่เป็น
มู่อวิ่นเฉิงเหลือบมองเธอ “ไว้ฉันจะบอกทีหลัง”
จากนั้น เขาก็เริ่มลงมือแก้ไขตู้หนังสือในทันที
การถอดบานประตูออกนั้นง่ายมาก แต่รูที่เกิดจากการถอดประตูนั้นดูไม่สวยงามนัก เขาต้องหาทางแก้ไข
ระยะห่างระหว่างชั้นวางก็ไม่เหมาะกับการวางหนังสือ ต้องแก้ไขด้วยเช่นกัน
มู่อวิ่นเฉิงครุ่นคิด แล้วตัดสินใจว่าการรื้อตู้แล้วประกอบใหม่น่าจะดีกว่า
แต่นั่นไม่ใช่งานเล็ก ๆ เลย คงต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะเสร็จ
ตกเย็น มู่อวิ่นเฉิงยังคงง่วนอยู่กับกองไม้
ห้องที่เคยสะอาดเอี่ยมกลับเต็มไปด้วยฝุ่นผงอีกครั้ง
โชคดีที่บ้านมีสองชั้น ชั้นบนจึงยังสะอาดสะอ้านอยู่
มู่อวิ่นเฉิงใช้เวลาสองวันเต็ม ๆ ในการสร้างตู้ ในที่สุดก็สำเร็จลุล่วงในบ่ายวันรุ่งขึ้น
เกาซูได้เห็นตู้ที่ตรงกับความต้องการของเธอค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาด้วยตาตัวเอง ในระหว่างกระบวนการนี้ เธอก็คอยอยู่ข้าง ๆ มู่อวิ่นเฉิง บางครั้งช่วยส่งเครื่องมือให้เขา ตอนนี้ เธอยืนอยู่ท่ามกลางเศษไม้ที่เต็มพื้น รู้สึกว่าตู้นี้ช่างเปล่งประกายวิบวับจริง ๆ!
มู่อวิ่นเฉิงก็ดูดีไม่แพ้กัน!
“แบบนี้หรือเปล่าที่เธออยากได้?” มู่อวิ่นเฉิงถาม
เกาซูพยักหน้ารัว ๆ “ใช่เลย! เหมือนเป๊ะเลย! อวิ่นเฉิง คุณเก่งที่สุด!”
มู่อวิ่นเฉิง ชินกับคำชมเกินจริงของเธอไปเสียแล้ว เรื่องแค่นี้สำหรับเขาไม่ได้แปลกใหม่เลยแม้แต่น้อย
“เธอออกไปก่อน ฉันจะทำความสะอาดตรงนี้”
เกาซูคิดอยู่คู่หนึ่ง จึงตอบว่า “อื้ม” แล้วเดินเข้าครัวไป
ในที่สุด วันนี้ก็ได้กินข้าวที่บ้านใหม่สักที!
เกาซูและเกาผิงอันช่วยกันทำอาหารง่าย ๆ สามสี่อย่าง
เธอลงมือทำไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
อาหารจานนี้ มู่อวิ่นเฉิงชอบกินมาก เธอเคยไปกินโรงอาหารกับเขาไม่กี่ครั้ง เขาก็สั่งอาหารจานนี้ทุกครั้งไป แม้แต่จงอี้ก็ยังชอบเหมือนกัน
นอกจากนี้เธอยังทำผัดเครื่องในหมูด้วย
เครื่องในที่เธอทำไม่มีกลิ่นคาวเลย เพราะใส่เต้าเจี้ยว ต้นหอม ขิง กระเทียม และพริกลงไปผัดด้วยกัน แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายสอขึ้นมา
จากนั้นเธอก็ผัดกวางตุ้ง ผัดโป๊ยเซียน และทำซุปไข่
อาหารสี่อย่างกับซุปหนึ่งถ้วยเสร็จเรียบร้อย ทางฝั่งมู่อวิ่นเฉิงก็ทำความสะอาดเสร็จแล้วเช่นกัน
ภายในบ้านกลับมาสะอาดเรียบร้อยอีกครั้ง ถึงแม้ตู้หนังสือจะยังว่างเปล่า แต่อนาคตมันจะค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นมาจนเต็มได้แน่นอน
“มากินข้าวกันก่อนเถอะ!” เกาซูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เกาผิงอันที่กำลังตัดเย็บผ้าม่านห้องหนังใหญ่ชั้นบน มู่อวิ่นเฉิงที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยขี้เลื่อยและกำลังจะไปอาบน้ำ รวมถึงจงอี้ที่ไม่รู้ว่ากำลังวุ่นอยู่กับอะไร ต่างก็พากันลงมาด้านล่าง
บ้านหลังนี้มีโต๊ะอาหารอยู่แล้ว แต่ตัวเล็กมาก แถมตรงกลางยังมีรอยดำไหม้อีกด้วย
เมื่อมู่อวิ่นเฉิงเห็นก็เอ่ยขึ้นว่า “ถ้ารู้ว่านั่นคือโต๊ะทำงานของเธอ พวกเราน่าจะซื้อโต๊ะอาหารตัวใหม่ ตัวนี้มันเก่าเกินไปแล้ว”
“ไม่จำเป็นหรอก! มันดีอยู่แล้ว!” เกาซูรับผ้าฝ้ายที่เพิ่งเย็บขอบเสร็จจากมือเกาผิงอัน แล้วนำมาคลุมลงบนโต๊ะอาหารทันที แม้มันจะเก่า แต่ก็ดูออกว่าราคาสูง เพราะฉะนั้นเธอไม่อยากทิ้งให้เสียของ จึงทำผ้าปูโต๊ะมาคลุมแทน “แบบนี้ก็ดูดี แถมยังเข้ากับสีผ้าม่านชั้นล่างด้วย สวยจะตายไป!”
มู่อวิ่นเฉิงมองดูแล้วก็ต้องยอมรับว่ามันใช้ได้จริง
“มานั่งกันเถอะ วันนี้ถือเป็นการฉลองขึ้นบ้านใหม่ของพวกเรา! ในที่สุดเราก็ย้ายเข้าบ้านใหม่กันอย่างเป็นทางการแล้ว!” เกาซูยื่นน้ำอัดลมสี่ขวดให้มู่อวิ่นเฉิง “เปิดเลย!”
ค่ำคืนนี้เป็นคืนแรกที่เกาซูได้ย้ายเข้าบ้านใหม่
นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอและมู่อวิ่นเฉิงได้ใช้เวลาร่วมกันในบ้านของตัวเอง ฉันสามีภรรยาจริง ๆ
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ บรรยากาศภายในบ้านก็เริ่มแปลกไปเล็กน้อย
เกาผิงอันรีบขอตัวออกไปก่อน โดยพาจงอี้ติดสอยห้อยตามไปด้วย
โต๊ะอาหารที่เคยครึกครื้นอยู่เมื่อครู่ บัดนี้เหลือเพียงมู่อวิ่นเฉิงกับเกาซูเพียงสองคน บรรยากาศโดยรอบพลันอบอวลไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
“ฉัน… ฉันไปล้างจานก่อนนะ” เกาซูเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง เธอไปพักผ่อนเถอะ” มู่อวิ่นเฉิงเริ่มลงมือเก็บกวาดจานชามด้วยท่าทีกระตือรือร้น
ส่วนเกาซูก็พยักหน้า
เธอรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่ชอบรอให้คนอื่นมาปรนนิบัติรับใช้
ชาติที่แล้ว ไม่ว่าเธอจะออกปากให้เขาทำอะไร อีกฝ่ายก็จะทำให้อย่างไม่อิดออด บางทีอาจเป็นเพราะความเอาใจใส่และความตามใจของเขาในครั้งนั้น ทำให้ชาติที่แล้วเธอเหลิงไปจนกล้าล่วงเกินตระกูลมู่มากขึ้นเรื่อย ๆ
บางทีเธอก็อดสงสัยไม่ได้ ทำไมเขาต้องยอมตามใจเธอมากถึงขนาดนี้?
เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว นั่นก็คือปิงหว่าน เธอเป็นเพียงลูกสะใภ้ที่แม่ของเขาหามาให้ ทำไมต้องซื่อตรงกับเธอขนาดนี้ด้วย?
ขณะที่เธอกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่นั้น เขาก็ล้างชามเสร็จและจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“คิดอะไรอยู่เหรอ?”
เสียงทุ้มนุ่มหูดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าคมคายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มพลางตอบว่า “ฉันกำลังคิดว่าจะจัดบ้านยังไงดีน่ะ!”
“คิดออกแล้วหรือยัง? เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ” เขาทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ
เกาซูชี้ไปที่พื้นที่ว่างขนาดใหญ่ด้านหลังโต๊ะทำงานยาวเหยียด “ตรงนี้ ฉันว่าเราวางโซฟานุ่ม ๆ สักตัวดีไหม? แบบที่นั่งสบาย ๆ แล้วก็วางทีวีไว้ข้างหน้า ต่อไปเราจะได้นั่งดูทีวีด้วยกันทั้งครอบครัว”
พูดจบเกาซูก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา ที่เเอบเรียกว่าครอบครัว ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาคงเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยบ่อย ๆ ตัวเธอและเกาผิงอันอาจจะกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ทุกวัน แต่สำหรับเขาคงไม่ใช่
มู่อวิ่นเฉิงกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ “เธออยากได้ทีวีด้วยเหรอ?”
เกาซูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทีวียุคนี้ยังเป็นของหายากอยู่เลย!
“แล้วมีอะไรอีกไหม?” มู่อวิ่นเฉิงถามต่อ “โต๊ะทำงานใหญ่ขนาดนี้ เธอจะวางอะไรนักหนา?”
“ไม่ได้วางแค่ของของฉันคนเดียวสักหน่อย!” เกาซูอธิบายให้เขาฟัง “ฉัน ผิงอัน และจงอี้ กลับจากเรียนแล้ว ก็จะมานั่งเรียนที่โต๊ะนี้ บรรยากาศจะดีแค่ไหน อนาคตพวกเราก็จะมีลูกด้วยนะ! ตอนนั้นทุกคนก็จะมานั่งล้อมวงทำการบ้านตรงนี้ ฉันจะเตรียมผลไม้และขนมอะไรไว้ให้ จะได้กินไปเรียนไป ดีจะตาย!”
มู่อวิ่นเฉิงมองเธอ แล้วจู่ ๆ ก็เงียบไป
“ฉัน… ฉันหมายถึง… สมมติน่ะ… สมมติ…” เกาซูรู้สึกเขินอายเล็กน้อย พอเห็นสีหน้าของเขา เธอจึงตัดสินใจพูดไปตรง ๆ ว่า “แล้วอยากมีลูกมันผิดตรงไหนเหรอ ในเมื่อเราเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ การมีลูกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง?”
เกาซูมองไปที่เขา “เว้นแต่ว่า… คุณจะเป็นฝ่ายที่ทำแบบนั้นไม่ได้…”
“…”
มู่อวิ่นเฉิงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะกระแอมไอสองสามครั้ง
เกาซูได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลัง จึงหันไปมอง เห็นจงอี้กำลังวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
เกาซูตกใจไม่น้อย เด็กคนนี้คงจะฟังไม่รู้เรื่องหรอกใช่ไหม?
“เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปอาบน้ำนอนเถอะ” มู่อวิ่นเฉิงลุกขึ้นยืน แล้วเดินขึ้นบันไดไป
MANGA DISCUSSION