บทที่ 133 ตกแต่งบ้าน
บนริมถนน พ่อค้าแม่ค้ากำลังขายขนมหวานหลากเมนู เกาผิงอันและจงอี้ก็มองดูด้วยความสนใจ
จงอี้วิ่งมาถามพวกเขาทั้งสองว่าอยากกินบ้างไหม พลางชี้ไปยังร้านขายถังหูลู่ แต่มู่อวิ่นเฉิงเห็นปริมาณน้ำตาลที่เคลือบจนหนาเตอะ จึงส่ายหน้าปฏิเสธ
หนูน้อยจึงเลือกซื้อมาฝากเกาซูเพียงไม้เดียว
บางครั้ง การกินของบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องอร่อยมากมาย เพียงแค่ได้ลิ้มรส เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศก็เพียงพอแล้ว
เช่นเดียวกับการมาเยือนเมืองหลวงเป็นครั้งแรก ได้เดินเล่นบนถนน มองดูถังหูลู่สีแดงสดใส ก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง
เกาซูกัดถังหูลู่คำเล็ก ๆ รสเปรี้ยวอมหวานของพุทราเคล้าความกรุบกรอบของน้ำตาลเคลือบด้านนอก ช่างถูกปากถูกใจเธอจริง ๆ
เกาซูยกไม้ถังหูลู่ขึ้น แล้วยื่นไปตรงหน้ามู่อวิ่นเฉิง
จริง ๆ แล้ว มู่อวิ่นเฉิงไม่ได้ชอบของหวานประเภทนี้เลย แต่เมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายของอีกฝ่าย เขาก็ยอมกัดหนึ่งคำ
“อร่อยไหม?” เกาซูถามด้วยแววตาคาดหวัง
มู่อวิ่นเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ อย่างจำใจ
เกาซูอมยิ้ม ‘ไม่เห็นต้องฝืนใจเลยสักนิด’
จุดหมายแรกของพวกเขาคือร้านเฟอร์นิเจอร์
เกาซูมีความคิดในการตกแต่งบ้านใหม่ในหัวเรียบร้อยแล้ว
กัดถังหูลู่คำเล็ก ๆ รสเปรี้ยวอมหวานของพุทราเคล้าความกรุบกรอบของน้ำตาลเคลือบด้านนอก ช่างถูกปากถูกใจ
เกาซูยกไม้ถังหูลู่ขึ้น แล้วยื่นไปตรงหน้ามู่อวิ่นเฉิง
จริง ๆ แล้ว มู่อวิ่นเฉิงไม่ได้ชอบของหวานประเภทนี้ แต่เมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของเกาซูแล้ว เขาก็ยอมกัดถังไปหนึ่งคำ
“อร่อยไหม?” เกาซูถามด้วยน้ำเสียงคาดหวัง
มู่อวิ่นเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
เกาซูอมยิ้ม ไม่เห็นต้องฝืนใจเลยสักนิด
จุดหมายแรกของพวกเขาคือร้านเฟอร์นิเจอร์ เกาซูมีความคิดตกแต่งบ้านใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว
ในยุคสมัยนี้ ชั้นหนังสือแบบติดผนังยังไม่เป็นที่นิยม มีเพียงตู้หนังสือแบบตั้งพื้นเท่านั้น
เกาซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจยอมรับความจริง
เธอจึงเลือกซื้อตู้หนังสือแบบตั้งพื้นมาสามหลัง คิดจะนำกลับไปประกอบเองที่บ้าน
ส่วนเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะ ทางบ้านเช่ามีเตรียมไว้ให้แล้ว เธอจึงเลือกซื้อเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นบางอย่างเท่านั้น
เธอแจ้งที่อยู่สำหรับจัดส่ง แล้วมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งถัดไป
สิ่งที่ต้องรีบจัดการที่สุดคือเครื่องนอน เพราะต้องปูเตียงให้เรียบร้อยก่อนถึงจะนอนหลับได้ แต่เธอก็ต้องพบกับปัญหาอีกครั้ง เธอไม่ค่อยชอบลวดลายของผ้าปูที่นอนในห้างสรรพสินค้าเท่าไรนัก สุดท้าย เธอจึงตัดสินใจไปที่ร้านขายผ้าฝ้าย เลือกซื้อผ้าฝ้ายลายที่ชอบ แล้วตั้งใจว่าจะนำกลับไปเย็บเองที่บ้าน
เรื่องเย็บปักถักร้อย เป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเธอและเกาผิงอันไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องง้อร้านเลยสักนิด
จากนั้น พวกเธอก็เลือกซื้อเครื่องครัว เช่น จาน ชาม ของใช้ในชีวิตประจำวัน และของตกแต่งบ้านอีกมากมาย มื้อกลางวันพวกเขาก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารข้างทางโดยใช้คูปองจากมู่อวิ่นเฉิงในการจ่าย
พวกเขาวนเวียนไปมาระหว่างบ้านกับร้านค้าต่าง ๆ หลายต่อหลายรอบ ขนข้าวของกลับไปวางที่บ้าน เลือกซื้อของใช้จำเป็นจนกระทั่งตะวันลับขอบฟ้า จึงถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจในวันแรก
แม้จะหมดเงินไปไม่น้อย แต่มู่อวิ่นเฉิงก็รับหน้าที่เป็นเสี่ยกระเป๋าหนักอยู่ตลอด
เกาซูมองท่าทางที่มู่อวิ่นเฉิงจ่ายเงินอย่างไม่สะทกสะท้าน คำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจ
มู่อวิ่นเฉิง คุณลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเองก็รวยเหมือนกัน?
เขาเป็นแบบนี้เสมอ…
แค่มีเขาอยู่ ความรับผิดชอบทุกอย่างก็เหมือนจะตกไปอยู่บนบ่าของเขาโดยอัตโนมัติ
หลังจากจับจ่ายกันมาทั้งวัน ก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน เกาซูตัดสินใจนำแค่เครื่องนอนกลับมาซักก่อน เพราะต้องรีบใช้
คืนนี้พวกเขายังคงพักที่หอพักเหมือนเดิม โดยมู่อวิ่นเฉิงนอนกับจงอี้ ส่วนเกาซูก็นอนกับน้องสาว
ไม่ต้องจินตนาการก็รู้ว่าการเดินซื้อของนั้นใช้พลังงานมากแค่ไหน ทั้งสี่คนต่างก็ทิ้งตัวลงนอนทันทีที่ถึงเตียง
วันรุ่งขึ้น ภารกิจตกแต่งบ้านจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
เมื่อมาถึงบ้านใหม่ในตอนเช้า ผ้าฝ้ายที่ซักไว้เมื่อคืนก็แห้งสนิท
เกาซูและเกาผิงอันเริ่มลงมือทำผ้าห่มก่อนเป็นอันดับแรก
เนื่องจากผ้าถูกตัดตามขนาดไว้แล้ว ทั้งคู่จึงไม่จำเป็นต้องใช้จักรเย็บผ้า แต่เย็บมือทั้งหมด
หลังจากเกาซูอธิบายวิธีการเย็บให้เกาผิงอันฟังคร่าวๆ ทั้งสองก็เริ่มลงมือทำงานอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานผ้าห่มก็แล้วเสร็จ
เกาผิงอันเห็นวิธีการหุ้มผ้านวมของเกาซูแล้วก็อุทานออกมาว่า “พี่… พี่เรียนรู้วิธีหุ้มผ้านวมแบบนี้มาจากไหน? มันง่ายกว่าวิธีที่บ้านเราตั้งเยอะแหนะ!”
เกาซูอมยิ้มเล็ก ๆ
ขณะเดียวกัน มู่อวิ่นเฉิงก็พาจงอี้ไปทำความสะอาดห้องทั้งหมดอีกครั้ง
สมกับเป็นชายชาติทหาร เขาจัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีที่ติ
เกาซูเริ่มลงมือปูเตียงทั้งสามเตียงบนชั้นสอง คืนนี้พวกเขาจะได้นอนบ้านใหม่กันแล้ว!
เกาซูซื้อผ้าฝ้ายมาเผื่อไว้ เธอจึงชวนเกาผิงอันช่วยกันเย็บผ้าม่านสามผืน ลวดลายและสีสันเข้ากันได้ดีกับผ้าปูที่นอน ทำให้ห้องนอนที่ดูเรียบง่ายกลับอบอุ่นขึ้นมาทันตาเห็น
จากนั้น เกาซูก็ลงไปจัดการตู้หนังสือที่เธอหมายตาไว้ที่ชั้นล่าง
เธอเลือกตู้หนังสือที่สูงที่สุดเท่าที่จะหาซื้อได้
ตอนที่ร้านมาส่ง เธอให้พนักงานส่งของวางไว้ที่ห้องโถงชั้นล่าง โดยไม่ลืมที่จะจัดแจงให้เรียบติดผนัง
แต่เมื่อมองดูตู้เหล่านั้นอีกครั้ง เธอกลับรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่แบบที่เธอต้องการ
หญิงสาวนั่งลงบนพื้นในห้องโถง มองดูตู้เหล่านี้อย่างเหม่อลอย ในใจนึกถึงภาพชั้นวางหนังสือไม้ธรรมชาติที่กำลังเป็นที่นิยมในภายหลัง
บ้านหลังนี้ใช้สีไม้ธรรมชาติคงไม่ได้ เพราะไม่เข้ากับสีพื้น ตู้ที่ซื้อมาตอนนี้สีก็เหมาะสมดี มีความงามแบบย้อนยุค แต่รูปแบบยังไม่ดีพอจริง ๆ
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” มู่อวิ่นเฉิงนั่งลงข้าง ๆ เธอ
“ฉันยังไม่ค่อยพอใจกับเจ้าตู้ตัวนี้น่ะ” เกาซูขมวดคิ้วง่วนมองตู้หนังสืออย่างพิจารณา
“งั้นเราไปดูกันใหม่ดีไหม?”
เกาซูส่ายหน้า “ต่อให้ไป… ฉันก็ไม่เจออันที่ชอบกว่านี้หรอก ช่างเถอะ ใช้ ๆ ไปก่อนแล้วกัน”
“แล้วเธอต้องการแบบไหน?” เขาถาม
“อืม… ก็…” เกาซูอธิบายสิ่งที่เธอจินตนาการ “ไม่ต้องมีประตู แบ่งช่องให้มากกว่านี้หน่อย… อะไรทำนองนี้น่ะ”
เกาซูใช้นิ้ววาดบนพื้นให้เขาดู
มู่อวิ่นเฉิงหยิบกระดาษและปากกามาให้เธอทันที พร้อมกับบอกเธอให้วาด
เกาซูร่างภาพคร่าว ๆ แล้วส่งให้เขา “ประมาณนี้น่ะ”
เธอคิดแค่ว่า อยากให้เขารู้ว่าเธอต้องการแบบไหน เผื่อเจอของที่คล้าย ๆ กันในอนาคตจะได้ซื้อมาให้
แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ” จากนั้นก็เดินออกไป
เกาซูไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร จึงเรียกเกาผิงอันลงมาช่วยจัดโต๊ะเรียน
โต๊ะเรียนของเธอเป็นโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ คล้ายโต๊ะประชุมในสำนักงาน ยาวกว่าสามเมตร
มู่อวิ่นเฉิงไม่รู้ว่าเธอต้องการโต๊ะใหญ่ขนาดนี้ไปทำอะไร แต่เมื่อเธอต้องการ เขาก็ซื้อให้โดยไม่ลังเล!
เมื่อเขากลับมา ก็พบว่าโต๊ะเขียนหนังสือถูกวางไว้หน้าตู้ขนาดใหญ่เรียงกัน เขาก็ตกใจเล็กน้อย “ฉันนึกว่าเธอจะเอาไปใช้เป็นโต๊ะอาหารซะอีก”
เกาซูกลับสังเกตเห็นว่าเขาถือถุงเครื่องมือขนาดใหญ่มาด้วย “คุณจะทำอะไรน่ะ?”
มู่อวิ่นเฉิงวางเครื่องมือลงบนพื้น มองไปที่ตู้ขนาดใหญ่เรียงกัน “จะแก้ตู้หนังสือให้เธอยังไงล่ะ”
MANGA DISCUSSION