บทที่ 13 ช่างน่าอิจฉา
เช้าวันต่อมา
เกาซูตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว อาจเพราะเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย จึงทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกทุบด้วยของแข็ง
ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้ ก็คือตอนที่มู่อวิ่นเฉิงถูหลังให้ จากนั้น… ก็เผลอหลับไป
เมื่อคิดถึงมู่อวิ่นเฉิง เกาซูก็สะดุ้งลุกขึ้นจากเตียงโดยพลัน วันนี้มู่อวิ่นเฉิงต้องกลับค่าย!
หญิงสาวล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะวิ่งออกจากบ้านด้วยท่าทางเร่งรีบ
เธอมุ่งตรงไปยังตลาด ลัดเลาะตามทางจนกระทั่งมาถึงป้ายรถประจำทาง ซึ่งจะมีรถมารับเพียงวันละหนึ่งเที่ยวเท่านั้น
กว่าเกาซูจะมาถึง รถก็เกือบจะออกอยู่รอมร่อ เธอกวักมือเรียกสามี พร้อมทั้งตะโกนลั่น ดึงความสนใจของสายทุกคู่ที่อยู่ในบริเวณนั้น
“มู่อวิ่นเฉิง!”
ชายหนุ่มเดินมาหาเธอด้วยสีหน้างงงวย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเกาซูจะต้องรีบร้อนมาหาเขาขนาดนี้ด้วย หรือเมื่อคืนเขาทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีก?
เกาซูหอบแฮ่ก ๆ เพราะวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะบ่นสามีด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน”
“ฉันเห็นว่าเมื่อคืนเธอเมา กลัวว่าจะปวดหัวเลยไม่ปลุกน่ะ”
“…”
หญิงสาวเถียงไม่ออก จึงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “กินข้าวเช้าแล้วเหรอ”
“อืม กินแล้ว”
“ถ้าไปถึงแล้วอย่าลืมสัญญาล่ะ คุณต้องเอาเงินมาให้ฉันดูแลทั้งหมด”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ พร้อมตอบคำว่า ‘อืม’ สั้น ๆ
ทั้งคู่สบตากันโดยไม่พูดไม่จา เกาซูยืนขยุกขยิกราวกับมีเรื่องอยากจะเอ่ย แต่ก็ไม่ยอมเอ่ย จนกระทั่งชายหนุ่มต้องท้วงขึ้น
“มีอะไรอีกเหรอ”
“เอ่อ…” หญิงสาวหน้าแดงก่ำ หลุบสายตามองพื้นอย่างเขินอาย เธอเตรียมจะอ้าปากพูดสิ่งที่คิด แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“พี่อวิ่นเฉิง!”
สองสามีภรรยาหันขวับมองไปยังต้นเสียง เมื่อเห็นหน้าของปิงหว่านแล้ว เกาซูถึงกับถอนหายใจด้วยความระอา
“เมื่อกี้ฉันไปหาพี่ที่บ้าน เห็นป้าบอกว่าพี่มาขึ้นรถแล้ว ฉันเลยรีบตามมาค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งยื่นปิ่นโตไม้ให้กับมู่อวิ่นเฉิง
“ฉันตื่นแต่เช้ามาทำติ่มซำให้พี่เอาไปกินระหว่างทาง ได้ยินมาว่าพี่เกาซูไม่ทำอาหาร ฉันเลยกลัวว่าระหว่างเดินทางพี่จะหิวเอาได้”
เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าพาดพิงถึงเธอเสีย ๆ หาย ๆ เกาซูก็อดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้นมา
“แหม… ปิงหว่านจ๊ะ เธอนี่ก็ไปฟังอะไรเลอะเทอะมาอีกแล้ว เรื่องในครอบครัว นอกจากคนในครอบครัวแล้ว จะมีใครรู้ดีไปกว่านี้ล่ะ เมื่อเช้าน่ะ พี่อวิ่นเฉิงก็กินกับข้าวฝีมือพี่อยู่เลย ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหิวไปหรอกนะจ๊ะ เพราะอยู่กับพี่… เขากิน ‘อิ่ม’ อยู่ตลอดเลย จริงไหมคะที่รัก” เกาซูไม่ลืมที่จะหันไปหาแนวร่วม
ส่วนมู่อวิ่นเฉิงก็ตอบรับคำพูดของเธออย่างรู้งานว่า “ใช่”
แม้ว่าในความเป็นจริง เขาเพิ่งจะได้กินอาหารฝีมือภรรยาเป็นครั้งแรกเมื่อวาน ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ควรเอาเรื่องไม่ดีในบ้านไปแพร่งพรายให้เป็นขี้ปากของใคร
ได้ยินเกาซูและมู่อวิ่นเฉิงพูดออกมาแบบนี้ ปิงหว่านก็หน้าแดงด้วยความไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเกาซูจงใจจะอวดความรักอันหวานชื่นของตนเองกับเธอ
ในขณะที่อวิ่นเฉิงกำลังมีความสุขกับชีวิตรัก และกำลังไปได้ดีกับเกาซู แต่เธอที่เป็นฝ่ายทิ้งชายหนุ่มคนนี้ เพื่อไปเกาะผู้ชายในเมืองซึ่งคิดว่าดีกว่าทุกทาง กลับต้องมาพังไม่เป็นท่า
ชายคนนั้นไม่ได้ดีอย่างที่คิด เขาทั้งชอบข่มเหงรังแก บังคับขืนใจเธอสารพัด หนำซ้ำยังทุบตีเธอราวกับไม่ใช่คน เมื่อทนไม่ไหว ปิงหว่านจึงขอหย่า และหนีกลับมาพักใจที่บ้าน
แต่ยิ่งมาเห็นว่ามู่อวิ่นเฉิงให้เกียรติภรรยามากมายขนาดนี้ ไฟริษยาในใจก็ยิ่งปะทุขึ้นมาอย่างไม่อาจดับมันได้
“ถ้าพี่อวิ่นเฉิงกินมาแล้ว ก็รับปิ่นโตนี่ไปกินระหว่างทางเถอะนะคะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำของโปรดพี่มาให้ทั้งที อย่าให้เสียน้ำใจเลย”
หญิงสาวปั้นหน้าเศร้า ก่อนจะยื่นปิ่นโตให้มู่อวิ่นเฉิงอีกครั้ง ทว่า ครั้งนี้กลับเป็นเกาซูที่จะรับไว้แทน
“ขอบใจจ้ะปิงหว่าน แต่พี่อวิ่นเฉิงหอบกระเป๋าเต็มไม้เต็มมือแล้วนี่สิ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พี่เกรงใจเธอมาก เห็นว่าอุตส่าห์ทำมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่ขอรับไว้แทน ‘สามี’ แล้วกันนะจ๊ะ”
เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะคว้าปิ่นโตมาจากมือของปิงหว่าน
“…”
ปิงหว่านพูดไม่ออก เธอได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังมู่อวิ่นเฉิง แต่จนแล้วจนรอด อีกฝ่ายก็เอาแต่เงียบ ไม่ขัดภรรยาเลยแม้แต่คำเดียว
มู่อวิ่นเฉิงช่างเป็นสุภาพบุรุษ เป็นชายที่ไม่ว่าอย่างไรก็เหมาะที่จะเป็นพ่อของลูก หากไม่นับเรื่องความซื่อบื้อของเขา ผู้หญิงที่ฉลาดจะต้องเลือกเขาคนนี้มาเป็นสามี
แต่เป็นเธอเองที่โง่งม เลือกที่คนดี ๆ ไปหาไอ้ชั่วใจทรามเสียได้
ช่างน่าอิจฉา…
คำคำนี้ผุดขึ้นมาหัวของปิงหว่าน เห็นมู่อวิ่นเฉิงตามใจเกาซูมากขนาดนี้ เธอก็ยิ่งอยากย้อนเวลากลับไปแต่งงานกับมู่อวิ่นเฉิงอีกครั้ง
“รถจะออกแล้ว รีบไปเถอะ ฉันจะรีบกลับไปดู ‘ลูก’ เดินทางปลอดภัยนะ… ที่รัก”
ไม่ว่าเปล่า เกาซูเขย่าเท้าหอมแก้มสามี พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานหยดย้อย ชนิดที่มู่อวิ่นเฉิงไม่เคยเห็นมาก่อน
ชายหนุ่มเดินไปขึ้นรถราวกับร่างไร้วิญญาณ ความสงสัยมากมายตีรวนอยู่ในสมอง เขาอยากจะถามออกไปเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกับเกาซูกันแน่ แต่ก็ได้แต่ทดมันไว้ในใจ แล้วจากไปทั้งที่ยังไม่ได้รับคำตอบ
เมื่อสามีจากไปแล้ว เกาซูก็หันมาส่งสายตาคาดโทษให้กับปิงหว่าน
“มะ… มีอะไรเหรอคะ พี่เกาซู” หญิงสาวแสร้งยิ้มทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่มันก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 46 ปีอย่างเกาซูได้
“คืออย่างนี้นะจ๊ะปิงหว่าน…”
เกาซูก้าวขามายืนใกล้ ๆ หญิงสาวตรงหน้า เธอกอดอกปรายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ตอนนี้ พี่อวิ่นเฉิงเขามีฉันเป็นภรรยาอยู่แล้ว เธอก็น่าจะรู้ว่า… การวิ่งแจ้นเอาปิ่นโตมาส่งคนที่มีเจ้าของหน้าระรื่นแบบนี้มันไม่เหมาะไม่ควร ฉันแนะนำก็แล้วกันนะจ๊ะ… ก่อนที่ชาวบ้านจะเอาไปนินทาให้สนุกปาก… จากนี้ไป อย่ามายุ่งกับสามีคนอื่นแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้น… ฉันจะใช้มาตรการเด็ดขาดกับเธอ”
“โธ่ พี่เกาซู เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ฉันก็แค่เอาปิ่นโตมาขอบคุณที่พี่อวิ่นเฉิงเคยช่วยไว้เท่านั้นเอง อย่าคิดอะไรอกุศลแบบนี้สิคะ คนที่จะโดนด่าว่า ‘เลอะเทอะ’ จะเป็นพี่เอาได้นะ”
คำพูดของปิงหว่านไม่สามารถยั่วอารมณ์ของเกาซูได้เลยแม้แต่น้อย ชั่วชีวิตนี้ เกาซูเจอคนประเภทนี้มาเยอะ ต่อให้พูดแรงขึ้นอีก เธอก็ยังมองว่า… นี่มันนกหัดบิน
“ฮึ ๆ ๆ คิดได้แบบนั้นก็ดีจ้ะ พี่ก็ภาวนาว่า ลึก ๆ แล้ว เธอจะคิดอย่างที่พูดก็แล้วกัน… ไปล่ะ… อ้อ… ขอบคุณสำหรับติ่มซำนะ จงอี้คงชอบมากเลยล่ะ”
ปิงหว่านได้แต่กำหมัดแน่นข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอแสดงธาตุแท้ออกมาต่อหน้าคนเยอะ ๆ
ครั้งนี้เธออาจจะแพ้ แต่ต่อไป เธอจะไม่ยอมให้เกาซูมีความสุขหน้าระรื่นแบบนี้แน่
MANGA DISCUSSION