บทที่ 12 รังเกียจกันใช่ไหม
หญิงสาวหยิบแก้วใบใหม่ ก่อนจะยื่นมันไปยังผู้ใหญ่บ้านเพื่ออีกฝ่ายรินเหล้าให้ตนเอง
ในเมื่อสาวสวยขอมาแบบนี้ เขาจึงไม่อาจขัดศรัทธา ชายวัยกลางคนรินเหล้าให้อย่างชำนาญมือ แต่ก็ต้องผงะ เมื่อเห็นปิงหว่านกระดกมันลงคอราวกับว่าคลุกคลีกับมันมาทั้งชีวิต
ขณะเดียวกัน เกาซูก็มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความพอใจ ปิงหว่านค่อยเผยธาตุแท้ออกมาทีละน้อย นับจากนี้ เธอไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพียงแค่รอให้น้ำเปลี่ยนนิสัยทำงานตามหน้าที่ของมันก็เท่านั้น
ผ่านไปราวกับหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวทั้งสองก็เริ่มมึนเบลอจากฤทธิ์ของสุรา เกาซูแทบทรงตัวไม่อยู่ เธอโงนเงน มองปิงหว่านหัวเราะคิกคัก และตะโกนว่า “เอามาอีก!”
เวลานี้ มู่อวิ่นเฉิงมองเห็นทุกอย่างแจ่มชัด เขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปใกล้ปิงหว่าน ด้วยว่าตอนนี้ อีกฝ่ายได้กลายเป็น ‘ใครก็ไม่รู้’ ไปเสียแล้ว จากคนอ่อนหวาน พูดจาน่าฟัง กลับกลายเป็นหญิงใจกล้า พ่นคำหยาบคายออกมาทุกหนึ่งนาที
“ก็บอกว่ารินมาอีกยังไงล่ะ ตาแก่หัวโล้น!”
ปิงหว่านตบโต๊ะดัง ‘ปัง’ เร่งเร้าให้ผู้ใหญ่บ้านรินเหล้าเพิ่ม แต่มู่อวิ่นเห็นว่าเธอเมามากแล้ว จึงรีบปรี่เข้าไปหยุดการกระทำอันน่าอายนี้ ก่อนที่หญิงสาวจะถูกคนมองไม่ดีไปกว่าเดิม
“พอแล้วปิงหว่าน กลับเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“พี่อวิ่นเฉิง… ฉันมึนหัวมากเลยค่ะ… เดินไม่ไหวหรอก…”
หญิงสาวโน้มศีรษะพิงอกกำยำด้วยท่าทางอ่อนแรง ปิงหว่านที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่นั้นก็ถึงกับขบฟันแน่นด้วยความไม่สบอารมณ์
จากนั้นก็หยัดกายลุกขึ้นเดินอย่างทุลักทุเลมาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่
“ที่รัก… ฉันก็ไม่ไหวแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
การกระทำนี้สร้างความตื่นตะลึงให้มู่อวิ่นเฉิงไม่น้อย เขากะพริบตาปริบ ๆ จ้องมองภรรยาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
‘ที่รัก’ คำคำนี้ถูกพ่นออกมาจากปากของเกาซูได้อย่างไร นี่มันราวกับเรื่องโกหกอย่างไรอย่างนั้น
“เอ่อ…”
ยังไม่จะได้เอ่ยอะไร เกาซูก็รีบแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“รีบกลับกันเถอะ พรุ่งนี้คุณก็ต้องกลับค่ายแล้ว…” เมื่อเอ่ยหวาน ๆ แล้ว อีกฝ่ายยังทำหน้างงงวย เกาซูจึงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเข้มขึ้น “นะคะ!”
ชายหนุ่มทำหน้าละล่ำละลัก สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ภรรยาสั่งแต่โดยดี โดยไม่ลืมที่จะหันมาฝากฝังปิงหว่านให้ผู้ใหญ่บ้านดูแล ไม่ใช่เพราะเขาเป็นห่วงเธอในแง่ชู้สาว แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หากปล่อยให้เดินกลับบ้านในสภาพเมามายแบบนั้นคนเดียว เกรงว่าจะถูกฉุดไปทำมิดีมิร้ายในป่าข้างทางได้ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เขาไม่สามารถทนเห็นใครถูกล่วงละเมิดได้จริง ๆ
ระหว่างทาง ชายหนุ่มแบกภรรยาขี่หลังกลับบ้านด้วยท่าทางสบาย ๆ เกาซูตัวเล็กน่าทะนุถนอม การแบกเธอขึ้นหลังจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมู่อวิ่นเฉิงที่เป็นทหารซึ่งต้องฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเลยแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงบ้าน เขาก็ปลุกภรรยาให้ตื่นไปอาบน้ำให้สร่างเมา
“เกาซู… เกาซู… ไปอาบน้ำ”
“อื้อ! ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันง่วง…”
“จะอาบดี ๆ หรือจะให้ฉันอาบให้”
คำถามแกมขู่ของมู่อวิ่นเฉิงทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งตื่นโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่เพราะเธอกลัวว่าสามีจะทำอย่างที่พูด แต่เธออยากให้ทำอย่างนั้นต่างหาก
เมื่อได้ยินดังนั้น เธอจึงยิ่งแสดงท่าทางปวกเปียก เพื่อให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่พูดไว้จริง ๆ
“ไม่ไหวหรอก… คุณอาบน้ำให้ฉันทีสิ”
มู่อวิ่นเฉิงยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก่อนจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าภรรยา ‘ยินยอม’ ตนเองแล้ว ชายหนุ่มกลับต้องส่ายหัวไล่ความคิดบ้า ๆ นี้ออกไปจนหมด
เกาซูรังเกียจเขาอย่างกับอะไรดี จะยินยอมเขาให้เขาแตะเนื้อต้องตัวได้อย่างไร ถึงจะยินยอม แต่ตอนนี้เธอก็กำลังเมาอยู่ การที่เขาล่วงเกินในเวลาแบบนี้ จะต่างจากการฉวยโอกาสกัน?
ชายหนุ่มกลืนความต้องการลงคอ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วประคองภรรยาไปนั่งลงในอ่าง
“อาบซะ เดี๋ยวฉันไปเอาผ้ามาให้”
ขณะที่มู่อวิ่นเฉิงกำลังจะหันหลังกลับ เขาก็ถูกมือเรียวคว้าแขนเอาไว้
แววตาของหญิงสาวเป็นประกายวาววับ ราวกับกำลังเว้าวอนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“เดี๋ยวสิ จะไม่ถูหลังให้ฉันหน่อยเหรอ”
มู่อวิ่นเฉิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาพยายามข่มใจเอาไว้ก่อนจะปฏิเสธหญิงสาวตรงหน้า
“คืนนี้อาบแค่พอสร่างเมาก็ได้ พรุ่งนี้เธอค่อยจัดการเอง”
เมื่อถูกปฏิเสธหลายรอบติดต่อกันแบบนี้ เกาซูก็อดน้อยใจไม่ได้ เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะปล่อยโฮออกมาราวกับเด็กน้อย
“ฮึก… ทำไมคุณใจร้ายแบบนี้… ฮือ…”
มู่อวิ่นเฉิงถึงกับทำตัวไม่ถูก เขาไม่ค่อยได้เห็นภรรยาแสดงมุมอ่อนไหวแบบนี้มาก่อน จึงค่อนข้างตกใจ
“นี่เธอร้องไห้ทำไม?”
“อย่าร้องสิ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
มู่อวิ่นเฉิงเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยประสีประสาเรื่องความรู้สึกของผู้หญิงนัก เขามักจะอ่านอารมณ์ของภรรยา ผ่านสีหน้า และท่าทางเท่านั้น ไม่ค่อยจะคิดวิเคราะห์ไปถึงความคิดข้างในเท่าไรนัก
“ฮึก… คุณใจร้าย! แค่ถูหลังให้ฉันมันทำใจยากขนาดนั้นเลยเหรอ คุณรังเกียจใช่ไหม!? คุณไม่ชอบฉันตรงไหน ฉันไม่สวย ไม่ถูกใจคุณหรือไง หรือฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่น่าทะนุถนอม”
มู่อวิ่นเฉิงทำตัวไม่ถูก ทิ้งชีวิต เขาเอาแต่จับปืน ซ้อมรบจนชำนาญ แต่ในเรื่องการเอาใจผู้หญิง ประสบการณ์ของเขาถือว่าอ่อนด้อยเหลือเกิน เมื่อเห็นน้ำตาเธอร่วงเผาะเป็นสายฝนแบบนั้น มู่อวิ่นเฉิงก็ยิ่งลนลาน
“จะ… ใจเย็น ๆ สิ ฉันไม่ได้รังเกียจเธอ ฉันก็แค่ไม่อยากฉวยโอกาสตอนเธอเมาก็เท่านั้น… ก็ได้… ถ้าเธอยืนกรานขนาดนี้ ฉันก็จะทำให้ แล้วอย่ามาแสดงอาการไม่พอใจทีหลังล่ะ”
พูดจบ ชายหนุ่มก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากในห้องมาให้ภรรยา แต่เมื่อเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาอีกที ก็พบว่า… เกาซูได้ถอดเสื้อผ้ารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เกาซูเป็นหญิงสาวที่สวยไม่หยอก หากเธอเกิดในเมือง ก็คงจะมีแมวมองมาฉกฉวยไปแสดงหนังจนโด่งดังเหมือนกับดาราแน่
ผิวพรรณของเธอผุดผ่องราวกับหิมะ โครงหน้าเรียวยาวเป็นรูปไข่ จมูกโด่งปลายเชิดแสดงถึงความรั้น ช่างรับกับริมฝีปากบางกระจับสีชมพูระเรื่อโดยไม่ต้องแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแบบคนเมือง
เมื่อมองแผ่นหลังนวลเนียนของภรรยาแล้ว ความเป็นชายที่ถูกกดข่มไว้ก็ตื่นตัวอีกครั้ง
ชายหนุ่มกระแอมเสียงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ย่อกายลง ลูบไล้สบู่ไปทั่วแผ่นหลังบอบบางของเกาซู
หญิงสาวนั่งอมยิ้ม หลับตาพริ้มให้สามีปรนนิบัติเธอราวกับราชินี
อาจเพราะด้วยฤทธิ์ของสุรา จึงทำให้ใบหน้าและใบหูของเธอแดงระเรื่อ ยิ่งขลับให้ผิวขาว ๆ ของเธอดูดึงดูดมากขึ้นไปอีก
มู่อวิ่นเฉิงกลืนน้ำลายไปหลายอึก เมื่อมั่นใจว่าทำความสะอาดแผ่นหลังจาถ้วนทั่วแล้ว จึงกระแอมเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
“แฮ่ม… เสร็จแล้ว รีบล้างตัวเถอะ”
แม้ไม่ได้หันไปมองหน้าสามี เกาซูก็รู้ดีว่า เวลานี้ สามีของเธอเสียอาการขนาดไหน เท่านี้ แผนการยั่วยวนให้อีกฝ่ายเคลิบเคลิ้มก็เป็นอันสำเร็จ
ก่อนที่จะมู่อวิ่นเฉิงจะได้กลับค่าย เธอจะต้องหลอกล่อให้เขาคิดถึงแต่เธอ เกาซูก็มั่นใจไม่น้อย ว่าเรือนร่างอรชรแบบนี้ ไม่ว่าจะพลิกแผ่นดินหาจากที่ไหน ก็ไม่ใช่จะหาได้ง่าย ๆ หลังจากนี้ มู่อวิ่นเฉิงจะต้องนับวันรอที่จะกลับจากค่ายมาเจอกันอีกครั้ง
MANGA DISCUSSION