บทที่ 116 35,000 หยวน เหลือ 29,000 หยวน
“เสี่ยวเฉิง ลูกเป็นเจ้าของสมุดบัญชี แม่ไม่กล้าเอาไปใช้เองส่งเดช เลยอยากถามความสมัครจากลูกก่อน ว่ายังไงจ๊ะ? ถ้าลูกเห็นว่าสมควรไหม?”
เกาซูรีบมือสามีไว้แน่น พร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนช่วยแม่สามีอีกแรง เธอคิดว่าหากมู่เฟินอยากจะทำธุรกิจอาหารแทนเธอ เช่นนั้นก็เท่ากับว่า ธุรกิจที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงเมื่อชาติก่อนยังไม่ได้หายไปไหน เพียงเปลี่ยนมือผู้ริเริ่มเป็นแม่สามีแทนก็เท่านั้น
มู่อวิ่นเฉิงเห็นท่าทางเช่นนั้นของเกาซูแล้วก็ปฏิเสธไม่ลง ผนวกกับที่เธอเคยพิสูจน์ความสามารถด้านค้าขายมาก่อนแล้ว จึงทำให้รู้สึกมั่นใจในสัญชาตญาณที่เกาซูมี
“ก็ได้ครับ ตามใจแม่กับเกาซูเถอะ ผมต้องอยู่แต่กองทัพ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ถ้าแม่สบายใจผมก็ดีใจแล้ว”
“คุณพูดจริงนะ!?” เกาซูโพล่งขึ้นพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ภาพที่มู่อวิ่นเฉิงเห็นในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับการจ้องสุนัขตัวน้อยที่กำลังส่ายหางอยู่เลย
ชายหนุ่มหลุบตาหนีด้วยความประหม่า ใบหูทั้งสองข้างแดงเถือกราวกับมะเขือเทศ
“รีบกินข้าวเถอะ” เขาเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่กินข้าวก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของจงอี้กับผู้เป็นแม่ไปด้วย
วันนี้มู่เฟินมีความสุขมาก เธอใช้เวลาทั้งวันไปกับการพูดคุยเรื่องร้านอาหารที่ตนเองอยากจะเปิดกับเกาซู ส่วนเกาซูเอง ในฐานะที่เธอเป็นรุ่นพี่ในวงการอาหารมาก่อนก็คอยแนะนำทุกอย่างให้ตามประสบการณ์ เธอเคยลองผิดลองถูกมามาก ในครั้งนี้ เธอจะไม่ลองผิดอีกแล้ว สูตรสำเร็จทั้งหลายที่เธอตกตะกอนออกมาได้ ถูกถ่ายทอดให้มู่เฟินเป็นอย่างดีไม่มีปิดบังซ่อนเร้น
ตระกูลมู่คือครอบครัวของเธอโดยสมบูรณ์แล้ว และนับจากนี้ไป อะไรที่ส่งเสริมความเจริญให้คนในตระกูลได้เธอก็ยินดีที่จะทำทั้งหมด
เธอคิดว่าคราวนี้ เธอไม่ได้ไว้ใจคนผิดอีกแล้ว แม้จะไม่ใช่สายเลือด แต่ความรักที่ได้จากคนเหล่านี้มันช่างเข้มข้นเสียยิ่งกว่าเลือดของพ่อแม่ที่ไหลในกายเสียอีก
“ขอบใจลูกมากนะเสี่ยวซู ครอบครัวเราโชคดีจริง ๆ ที่ได้ลูกมาเป็นสะใภ้”
เกาซูยิ้มรับอย่างจริงใจ เธอไม่ใช่คนช่างประจบประแจง จึงทำได้เพียงบอกทุกอย่างผ่านการกระทำ
วันต่อมา เกาซูเลื่อนวันกลับโรงงานเป็นพรุ่งนี้แทน ทีแรกเธอให้มู่อวิ่นพักผ่อนที่บ้าน แต่อีกฝ่ายกลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น จึงอยากใช้ตำแหน่งของตนเองมาช่วยเจรจาในครั้งนี้
โดยเริ่มจากหาที่ปรึกษาดี ๆ เสียก่อน
มู่อวิ่นเฉิงเดินทางไปพบเลขาธิการพรรคประจำท้องถิ่นเพื่อถามไถ่ว่าที่ทางแนะนำบ้างหรือไม่ ก่อนจะได้คำตอบว่า มีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่วงแหวนชั้นสองจากใจกลางอำเภอ บริเวณนั้นเป็นย่านค้าขายที่ทางการเพิ่งปรับปรุงใหม่ ทำให้ครึกครื้นกว่าที่ผ่านมา
อีกทั้งประชาชนที่อาศัยในบริเวณนั้นล้วนแล้วแต่เป็นปัญญาชนจากรัฐส่งมาทำงานทั้งสิ้น ทำให้ทั้งคูปอง และเงินค่อนข้างแพร่สะพัดไม่แพ้ตัวเมืองของจังหวัดเลย
มู่อวิ่นเฉิงไม่รอช้า เขารีบพาแม่และเกาซูไปพบเจ้าของบ้านหลังนั้นโดยด่วน
และเมื่ออีกฝ่ายพามาดู ก็พบว่าบ้านที่ว่าเป็นตึกแถวสองชั้น สภาพใหม่เอี่ยมราวกับได้รับการปรับปรุงมาหมาด ๆ
“ชั้นล่างสามารถเปิดร้านค้าขายได้ ส่วนชั้นบนมีสามห้องนอน ตรงระเบียงกว้างขวางมาก ส่วนหลังบ้านจะมีพื้นที่ให้ปลูกผักสวนครัวประมาณ 500 ตารางเมตร ลองเดินดูก่อนได้จ้ะ”
เกาซูเดินสำรวจทุกซอกทุกมุม ทดลองเปิดปิดน้ำ รวมถึงหลอดไฟในบ้าน เมื่อพอใจกับสภาพแวดล้อมแล้ว เธอก็หันมาถามในสิ่งที่สำคัญที่สุด “ขายเท่าไหร่คะ”
หญิงวัยกลางคนอมยิ้มก่อนจะเอ่ยคำตอบ “35,000 หยวนจ้ะ”
“35,000 เชียวเหรอ!?” มู่เฟินเอ่ยด้วยความตกใจ เธอไม่เคยมีเงินมากมายถึงขนาดนั้นมาก่อน และไม่เคยคิดที่จะจ่ายเงิน 35,000 หยวนเช่นกัน
มีเพียงเกาซูที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
สำหรับเธอแล้ว เมื่อเทียบทำเลและพื้นที่ในบ้าน ที่นี่ถือว่าไม่แพงและสมเหตุสมผลแล้ว
“ที่ดี ๆ ขนาดนี้ ต่อให้หาทั่วทั้งอำเภอก็ไม่เจอหรอก ที่ฉันขายก็เพราะจะย้ายเข้าเมืองหลวงแล้ว 35,000 ไม่ว่าใครก็คิดว่าถูกทั้งนั้นแหละ!”
มู่เฟินหันไปเอ่ยกับเกาซูแทน “เสี่ยวซูจ๊ะ เราไปดูที่อื่นกันเถอะนะ ถึงแม่จะชอบที่นี่ แต่ราคามันแพงเกินไปแล้ว”
ฝ่ายเกาซูรีบก้มลงกระซิบข้างหูแม่สามี “ถ้าแม่ชอบก็เอาเถอะค่ะ หนูว่าที่นี่ทำเลดีมาก เหมาะแก่การลงทุนเลยทีเดียว บ้านข้างเรือนเคียงก็ไม่ค่อยมีใครขายอาหาร อีกอย่าง แถบนี้มีแต่พวกกระเป๋าหนัก ถ้าเขาถูกใจอาหารเรา ต่อไปเราก็จะได้มีลูกค้าประจำยังไงล่ะคะ”
“ตกลงจะเอาหรือไม่เอา? ถ้าไม่เอาฉันจะได้กลับ”
เกาซูยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย และรักษาความสุขุมเอาไว้เช่นเดิม
“ฉันขอกลับไปคิดดูก่อนก็แล้วกันค่ะ ถ้าให้พูดตามตรงเงิน 35,000 หยวน สามารถซื้อบ้านหลังใหญ่โตในแถบรอบนอกได้เลยด้วยซ้ำ เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้จะให้จ่ายออกไปทันทีโดยไม่คิดมันก็ยังไง ๆ อยู่”
เจ้าของบ้านได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา สิ่งที่เกาซูพูดมาก็ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าจะในแง่ไหน เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนจ่ายเงินก้อนขนาดนั้นออกไปเลยแม้แต่นิด
“อืม… ฉันใกล้จะต้องเดินทางแล้วด้วยสิ ถ้าจะให้เดินทางไปมาเพื่อคุยเรื่องบ้านก็เหนื่อยพอดูเลย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะลดให้เป็นพิเศษ”
“27,000 หยวน” เกาซูรีบแทรกเพื่อครอบงำความคิดของอีกฝ่าย “27,000 คือราคาที่เหมาะกับบ้านหลังนี้แล้ว”
“หา!? นี่เธอล้อเล่นหรือไง! 27,000 หยวน! มันไม่ต่อราคามากเกินไปหน่อยเหรอ”
เกาซูยืนตัวตรงอกผายไหล่ผึ่งตามแบบฉบับภรรยาทหาร ท่าทางองอาจของเธอสามารถข่มขวัญอีกฝ่ายได้มากเลยทีเดียว ยังไม่นับรวมมู่อวิ่นเฉิงที่แค่ยืนเฉย ๆ ก็สร้างความเกรงขามให้ตนเองได้แล้ว
“คุณเจ้าของบ้านคะ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถึงบ้านหลังนี้จะใหญ่โต เหมาะกับการค้าขาย แต่มันก็ไม่ใช่บ้านใหม่เพิ่งสร้างนี่นา ก็แค่บ้านเก่าที่ได้รับการซ่อมแซมปรับปรุงใหม่ โครงสร้างของมันก็คงสึกกร่อนไปบ้างนั่นแหละ ฉันรู้ค่ะว่าควรจ่ายเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม… คุณจะไม่ขายก็ได้ แต่ฉันคิดว่า ถ้าคุณไม่ขายตอนนี้ ต่อไปก็คงขายยากกว่านี้แน่”
“อีกอย่าง คนในอำเภอนี้จะมีสักกี่คนที่มีเงิน 35,000 หยวนมาซื้อบ้านหลังนี้กัน? ยิ่งขายออกช้า บ้านที่ไร้คนอยู่ก็ยิ่งเสื่อมโทรม ถึงตอนนั้น… คุณก็ต้องกัดฟันขายในราคาที่ถูกลงอยู่ดี… เผลอ ๆ คนซื้ออาจจะกดราคาลงไปน้อยกว่า 27,000 ก็ได้”
คำพูดของเกาซูทำให้เจ้าของบ้านเกิดความลังเล เธออยากจะโต้เถียงแต่ก็คิดหาทำพูดไม่ถูก จึงได้แต่ยอมรับและยื่นข้อเสนอใหม่
“ฉันขอ 29,000 ถ้าไม่ได้ ฉันก็ไม่ขายแล้ว”
เกาซูกระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “ได้สิคะ แต่คุณห้ามขนเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่มีในบ้านออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว”
เดิมทีเจ้าของบ้านก็ไม่คิดจะขนมันไปด้วยอยู่แล้ว ของหนักมากมายขนาดนี้ ขืนขนไปด้วยก็มีแต่จะไม่คุ้มเอาเปล่า ๆ เธอจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป “ได้จ้ะ ถ้าอย่างนั้น เราจะทำเรื่องกันเมื่อไหร่ดี?”
เกาซูกระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะตอบอย่างฉะฉานอีกครั้ง เป็นการจบการซื้อขายได้อย่างภาคภูมิ “พรุ่งนี้ฉันจะให้เลขามาคุยเรื่องสัญญาซื้อขายพร้อมกับแม่สามีค่ะ หวังว่าคุณจะเตรียมความพร้อมเอาไว้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
มู่เฟินกลับบ้านมาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ สะใภ้ของเธอเก่งกาจถึงขนาดต่อราคาบ้านจาก 35,000 หยวน เหลือ 29,000 หยวน พร้อมเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย ๆ ขนาดนี้เชียวหรือ?
ไม่ใช่แค่มู่เฟินที่พอใจ แม้แต่มู่อวิ่นเฉิงเองก็ภูมิใจในตัวเธอไม่แพ้กัน
“เสี่ยวซู ลูกเก่งมากจริง ๆ! บ้านสวย ไหนจะมีพื้นที่ให้ปลูกผัก แม่ชอบมาก ๆ ขอบใจนะจ๊ะที่ช่วยพูดจนได้บ้านมา”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าแม่กับพ่อย้ายไปอยู่ที่นั่น อวิ่นเฉิงก็คงจะสบายใจมากเลย พรุ่งนี้หนูจะกลับก่อน แต่จะให้ผิงอันไปช่วยแม่ดูสัญญาซื้อขาย ไว้ใจเธอได้เลยค่ะ เพราะเด็กคนนี้เข้าใจกฎหมายเป็นอย่างดี”
มู่เฟินพึงพอใจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดจัดเลี้ยงฉลองให้กับเกาซูสะใภ้สุดรักของเธอโดยการทำอาหารมื้อใหญ่
MANGA DISCUSSION