บทที่ 111 นี่มันพยายามฆ่าแล้วไม่ใช่เหรอ!?
อู๋ซิ่วมองเกาซูอย่างขลาดกลัว จากนั้นก็มองมู่อวิ่นเฉิง “ไม่… ไม่ได้อยู่กับฉัน ฉันไม่ได้ขโมยมาสักหน่อย!”
“ทำไมยังไม่ยอมรับอีก? คิดจะโยนความผิดไปให้ใครอีกเหรอ?” เกาซูไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป
ทว่า อู๋ซิ่วกลับเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันไม่ได้โกหก ที่จริงฉันไม่เกี่ยวเลยนะ! เป็นเจ้าเฉียนฝู่ต่างหากที่ข่มขู่ให้ฉันทำ!”
“เฉียนฝู่?” เลขาธิการพรรคเอ่ยด้วยความสงสัย “ใคร? เขาเป็นใคร?”
เฉียนฝู่คือเด็กชายที่อยู่ถัดไปอีกสองหมู่บ้าน เขาเป็นเด็กที่มีนิสัยเอาแต่ใจ ไม่ต่างอะไรกับเจ้าเกาเหวินน้องชายเธอ
ถ้าเธอเดาไม่ผิด แม่ของเธอต้องได้รับผลประโยชน์จากตระกูลเฉียนแน่ ๆ เธอคงสัญญากับทางนั้นว่าจะยกเกาผิงอันให้เป็นสะใภ้ แลกกับเงินไม่กี่ร้อยหยวนอย่างแน่นอน
เมื่อแม่ของเธอเผชิญกับแรงกดดันจากเลขาธิการพรรคและมู่อวิ่นเฉิงซ้ำ ๆ จึงพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จนในที่สุดก็สารภาพโยนความผิดให้คนอื่นแทน
อู๋ซิ่วได้รับสินสอดมาแล้ว ครั้งนี้ไม่ได้มากถึง 600 เพียงแค่ 300 เท่านั้น และตอนที่รับสินสอดมา เธอก็สัญญาว่าจะพาตัวเกาผิงอันกลับมาให้ได้ โดยวางแผนว่าจะต้องไปรับเอาบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบมาไว้กับตนเองก่อน และท้ายที่สุดเกาผิงอันจะต้องมาหาเธอเพื่อขอมันกลับคืน จากนั้น อู๋ซิ่วตั้งใจจะใช้มันข่มขู่เพื่อแลกสิ่งนี้กับการที่ลูกสาวต้องยอมกลับมาแต่งงานหลังสอบเสร็จ
เธอยังพูดต่ออีกว่า “เฉียนฝู่อยากแต่งงานกับเสี่ยวผิง ฉันเห็นว่าบ้านนั้นขยันขันแข็งกันดี อีกอย่าง เฉียนฝู่ก็รุ่นราวคราวเดียวกัน แบบนี้คงไม่มีปัญหาเรื่องวัยหรอกถูกไหม”
เกาซูได้แต่หัวเราะในใจ แค่มองเข้าไปในแววตา เธอก็อ่านออกแล้วว่าแม่ของเธอทำอะไรไปแล้วบ้าง หญิงสาวจึงแทรกขึ้นมาราวกับหมาป่าต้อนแกะ
“แหม! ดูท่าทางแม่จะมุ่งมั่นในการทำให้ผิงอันรีบแต่งงานจังเลยนะ คราวนี้ได้เงินมากี่ร้อยล่ะ? คราวก่อนฉันใช้เงินไถ่ตัวน้องมา 600 ยังไม่หนำใจอีกเหรอ”
“อะไรนะ?” เลขาธิการพรรคได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโห แม่ที่พยายามขัดขวางความก้าวหน้าของลูก โดยการผลักดันให้แต่งงานทั้งที่ลูกสาวไม่เต็มใจ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ใช่แม่ที่ดี
“คุณอู๋ นี่คุณพยายามจะขายลูกกินถึงสองครั้งเชียวเหรอ!?”
“ไม่ใช่แค่สองครั้งหรอกนะคะ แต่สามครั้งแล้วต่างหาก… ครั้งที่สอง เธอจ้างคนไปทำร้ายฉันและพยายามชิงตัวน้องสาวฉันถึงที่โรงงาน บอกว่าจะให้จับคู่กับคนรวยในหมู่บ้านใกล้เคียง ตอนนั้นสามีฉันมาเจอเข้าพอดีเลยช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้น ฉันอาจจะถูกนักเลงซ้อมจนตายไปแล้วก็ได้!”
“แย่ที่สุด! เลวที่สุด! แม่อะไรทำตัวแบบนี้!”
“เดี๋ยว… ฟังฉันก่อน…”
“จะให้ฟังอะไรอีก? ฟังคำโกหกงั้นเหรอ?” เกาซูแทรกเสียงแข็ง ก่อนจะไล่สายตามองกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่าย “หลักฐานก็มีอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเธอค่ะคุณเลขา ถึงยังไง เรื่องที่เธอทำลายบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบก็เป็นเรื่องจริง เรื่องนี้ต้องถูกลงโทษ!”
เลขาธิการพรรคส่งสายตาไปยังผู้ช่วยให้ค้นกระเป๋าเสื้อของอู๋ซิ่ว
แน่นอนว่า ในนั้นเต็มไปด้วยเศษกระดาษของบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบเกาผิงอัน เกาซูอาศัยจังหวะที่กำลังชุลมุนในการโกยเศษกระดาษเหล่านั้นใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของผู้เป็นแม่ เพราะรู้ดีว่าหากไร้ซึ่งหลักฐาน อู๋ซิ่วจะไม่มีทางยอมรับความผิดง่าย ๆ
“ไม่! เป็นไปไม่ได้… มันไม่ควรมาอยู่ในนี้สิ…” อู๋ซิ่วพึมพำเบา ๆ พร้อมมองมายังเกาซูด้วยสายตาคาดโทษ “แก… นังลูกไม่รักดี! นี่คือสิ่งที่แกตอบแทนแม่ที่ให้กำเนิดแกงั้นเหรอ!?”
“ฉันตอบแทนจนเกินพอแล้ว แม่ได้จากฉันมาตั้งมาก ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง… ผิงอันก็ด้วย…” พูดจบ เธอก็หันไปมองเลขาธิการพรรค “คุณเลขาคะ รบกวนจัดการตามความเหมาะสมด้วยค่ะ ฉันจนปัญญาแล้ว ทุกวันนี้ ฉันกับน้องสาวใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง ผิงอันน้องสาวฉันเธอตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อที่จะได้เตรียมสอบในปีนี้ ฉันไม่อยากให้เธอพลาดโอกาสดี ๆ ไปเลยจริง ๆ คนที่ตั้งใจจะทำเพื่อประเทศ สมควรแล้วเหรอที่จะต้องโดนแบบนี้… ฮึก… ฮือ…” เกาซูบีบน้ำตา สะอื้นไห้ราวกับใจจะขาด มู่อวิ่นเฉิงที่เห็นดังนั้นก็เดินมาลูบหลังบาง ๆ เพื่อปลอบประโลม โดยไม่รู้เลยว่า นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่เกาซูวางไว้
เธอจงใจที่จะขู่ให้แม่เซ็นสัญญาตัดขาด แม้มันจะไม่สมบูรณ์เพราะมีพยายานเพียงแค่นายทหารอย่างมู่อวิ่นเฉิง ขาดผู้ใหญ่บ้านและเลขาธิการพรรค แต่ตอนนี้ สัญญากำลังสมบูรณ์แล้ว! เพราะทั้งผู้ใหญ่บ้านและเลขาธิการพรรคก็อยู่ที่นี่ด้วยทั้งหมด
หญิงสาวล้วงมือเข้าในกระเป๋า ก่อนจะนำกระดาษแผ่นหนึ่งออกมากางต่อหน้าทุกคนด้วยมือที่สั่นเทา
“ฮึก… ฉันต้องการตัดขาดจากตระกูลเกาค่ะ!… เมื่อครู่ ฉันไปเจรจากับครอบครัวมา ตั้งใจจะให้สามีเป็นพยายานและเรียกคุณเลขากับผู้ใหญ่บ้านตามมาทีหลัง… ฮึก… แต่ไม่คิดเลยว่า… พ่อของฉันจะพยายามเอาไม้มาทุบหัวทำร้ายสามีฉัน… โชคดีแค่ไหนที่เขาหลบทัน ไม่อย่างนั้นไม่เลยรู้ว่าจะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน…”
“หา!? นี่มันพยายามฆ่าแล้วไม่ใช่เหรอ!? เลว! เลวจริง ๆ ปล่อยไว้ไม่ได้! ผู้พันมู่เป็นทหารที่สร้างคุณความดีแก่ประเทศตั้งมากมาย การพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ของทางการ ก็ไม่ต่างอะไรกับก่อกบฏ!” เลขาธิการพรรคยังคงเดือดดาลอย่างหนัก เขาหยิบกระดาษที่เกาซูวางไว้ขึ้นมาฉีกเป็นชิ้นเล็๋กชิ้นน้อย ก่อนจะเดินไปนำเอกสารตัดขาดฉบับสมบูรณ์มาลงลายมือชื่อตนเอง และส่งต่อให้มู่อวิ่นเฉิงและผู้ใหญ่บ้านเป็นการรับทราบอย่างแท้จริง
“เอาล่ะ! ต่อไปนี้ คุณและน้องสาวได้รับการคุ้มครองจากทางการแล้ว หากคนในครอบครัวนี้กล้าระรานคุณแม้แต่คำพูด สามารถแจ้งความจับได้ในทันที! ซึ่งมีโทษหนักฐานละเลยกฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์ จำคุกนานหลายสิบปีตามสมควร!”
อู๋ซิ่วและสามีหน้าซีดเผือดจนแทบจะเป็นลม ลูกสาวในสายเลือดทำกับตนเองได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
“แก…”
สายตาอาฆาตที่มองมา ทำให้เกาซูนึกย้อนกลับไปในวันที่พ่อแท้ ๆ ใช้แจกันเขวี้ยงมาจนทำให้หัวเธอแตก ตอนนั้น ไม่มีใครเป็นห่วงหรือรู้สึกผิดที่เห็นเลือดเธอไหลอาบแก้มเลย พวกเขาสนใจเพียงเงินแค่ 600 หยวนที่ใช้ไถ่ตัวเกาผิงอัน หากไม่ใช่เพราะเธอตั้งใจจะใช้ประโยชน์พวกเขาอีกในภายหลัง ตอนนั้นเธอคงทำหนังสือตัดขาดไปแล้ว
แต่ในเมื่อพวกเขาหมดประโยชน์ เธอไม่สามารถบงการเรื่องน้องชายได้อีก ก็ได้เวลาต้องละทิ้งหมากในมือเหล่านี้เสียที
“ฮึก… แม่กับพ่ออย่าโทษฉันเลย… ที่ฉันต้องมาถึงที่นี่เพราะพ่อแม่บีบบังคับให้มันต้องจบลงแบบนี้เอง… ฉันขอโทษ… ฮือ…”
เลขาธิการพรรคแสดงสีหน้าสงสารเกาซูจับใจ เขาเดินมาตบไหล่ พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำปลอบโยน “อย่าเสียใจไปเลย พ่อแม่มีหน้าที่ให้กำเนิด จะดีหรือไม่มันก็แล้วแต่ดวงเรา คุณโชคดีแล้วที่หลุดพ้นตั้งแต่อายุยังน้อย อย่าโทษตัวเองเลยนะคุณซู”
“ใช่แล้วล่ะ พ่อแม่แบบนี้ มีไว้ก็ปวดใจ ตัดขาดไปตั้งแต่ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเราแล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดเสริม
หลังจากนั้นราวหนึ่งชั่วโมง ตำรวจที่ไปตามคนจากตระกูลเฉียนก็มาถึงที่สถานีตำรวจ พร้อมด้วยพยายานสองคน ซึ่งก็คือ เฉียนฝู่และเฉียนซื่อซึ่งเป็นแม่ของเขา
“นะ… นี่มันเรื่องอะไรกันแม่ผิง ทำไมตำรวจไปเรียกเรามาที่นี่?” เฉียนซื่อถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“คุณเฉียน ภรรยาคุณเกาได้ทำการตกลงยกลูกสาวคนเล็กให้แต่งงานกับเฉียนฝู่อย่างนั้นเหรอ?”
MANGA DISCUSSION