บทที่ 109 เด็กผู้หญิงจะเรียนหนังสือมากมายไปทำไม?
มู่อวิ่นเฉิงและเกาซูต่างก็ตื่นตั้งแต่เช้ามืด พวกเขาไม่ลืมที่จะกำชับเกาผิงอันว่า “ไม่ว่าใครจะมาเคาะประตู เธอก็ห้ามเปิดให้โดยเด็ดขาด!”
เมื่อมาถึงบ้าน เกาซูก็เห็นผู้เป็นแม่กำลังรินชาให้ย่าอยู่
เพียงแค่ได้เห็นหน้าเกาซู อู๋ซิ่วก็พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันขึ้นมาทันที “อ้าว! แม่สาวคนเมืองกลับมาแล้วเหรอ ระวังนะ! ระวังบ้านหลังนี้จะทำให้เนื้อตัวแกสกปรก เพราะคนจน ๆ อย่างเราไม่คู่ควรให้แกมาพูดด้วยหรอก”
เห็นได้ชัดว่าอู๋ซิ่วรู้ว่าเธอกับมู่อวิ่นเฉิงมาทำอะไร เกาซูเองก็ไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถ้าไม่จำเป็นฉันก็ไม่อยากมาหรอก เอาบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบของผิงอันคืนมานะ”
อู๋ซิ่วไม่อยากให้ผู้เป็นแม่ต้องมาเห็นสายเลือดทะเลาะกัน เธอรีบพาหญิงชราเข้าในห้องนอน ก่อนจะออกมาพูดกับเกาซูด้วยน้ำเสียงไม่ต้อนรับ
“บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบอะไร?” แม่ของเธอยังคงทำท่าทางปฏิเสธ “ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด”
“เหรอ? นี่ฉันโดนเจ้าหน้าที่โกหกเหรอเนี่ย!” เกาซูทำทีหันหลังเดินออกไป “งั้นฉันจะไปเอาเรื่องกับคนที่อำเภอเดี๋ยวนี้! ถ้าพวกเขาทำบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบหาย ฉันจะฟ้องพวกเขา ให้ตำรวจจับพวกเขาเข้าคุกไปเลย!”
ได้ยินดังนั้น อู๋ซิ่วก็เหงื่อตกหน้าซีด เธอรีบเอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ระ…เรื่องแค่นี้ถึงกับจะฟ้องให้ติดคุกติดตะรางกันเลยเหรอ?”
เกาซูหัวเราะ “ใช่! ก็เรื่องแค่นี้สำหรับคุณ มันคือเรื่องใหญ่สำหรับเรา! นี่มันอนาคตของคนทั้งคน จะปล่อยผ่านไปได้ยังไง!”
เกาซูจูงมือมู่อวิ่นเฉิงจะเดินจากไป แต่แม่ของเธอก็เรียกให้หยุด “เดี๋ยวก่อน!”
เมื่อหันกลับไป เกาซูก็พบว่า อู๋ซิ่วกำลังก้มหน้าราวกับหนีความผิดที่ตนเองได้ก่อไว้ “ฉันเอาไปเองแหละ! แต่ใครจะทำไม? ฉันเป็นแม่ ย่อมมีสิทธิ์ที่จะดูแลความเรียบร้อยให้ลูกไม่ใช่เหรอ? แกไม่ใช่ลูกฉันแล้ว! แต่เกาผิงน่ะใช่ ดังนั้น ความเป็นไปทั้งหมดของเกาผิง ฉันจะรับผิดชอบเอง!”
“รับผิดชอบ? คุณจะรับผิดชอบยังไงล่ะ? แค่ปัญญาจะหาเงิน 600 หยวนอย่างสุจริตยังทำไม่ได้เลย ถึงขึ้นต้องเอาคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘ลูก’ ไปแลกมา นี่เรียกรับผิดชอบแล้วเหรอ? เฮอะ! หมาจรจัดที่โรงงานมันยังรับผิดชอบลูกได้ดีกว่าคุณอีก!”
“นี่แก! กล้าด่าแม่ตัวเองขนาดนี้เชียวเหรอ!? ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เกิดจนโต พอได้ดีเข้าหน่อยละก็ปากกล้าเชียวนะ…” อู๋ซิ่วไล่สายตาไปยังมู่อวิ่นเฉิง ก่อนจะพูดต่อ “อ้อ… คงเพราะวันนี้มีผัวทหารมาด้วยล่ะสิ แกก็เลยกล้าได้ขนาดนี้… น่าขำจริง ๆ… ผู้ชายคนนี้ ฉันต่างหากที่หามาให้แก แทนที่จะมาด่า แกควรจะหอบเงินมาขอบคุณฉันสิถึงจะถูก!”
เกาซูแค่นหัวเราะออกมา ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกกี่ชาติ แม่ของเธอก็ยังเป็นเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
“ฉันไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เพราะที่ผ่านมา คุณก็ได้มามากเกินพอแล้ว” เกาซูเหนื่อยจะต่อล้อต่อเถียง เธอจึงแบมือออกไปข้างหน้าแล้วพูดต่อ “เอามาซะ! อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”
ผู้เป็นแม่ยังคงแสดงสีหน้าไม่สลด “มันหายไปแล้ว!”
มันก็แค่การกวนประสาท แต่เกาซูเองก็สงสัยจริง ๆ ว่าทำไมหญิงที่อยู่ตรงหน้าจึงคอยแต่จะขัดขวางความเจริญของลูกสาวนัก จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าใคร่รู้
“แม่… ฉันขอถามหน่อยเถอะ… ถ้าผิงอันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ มันไม่ดีกับครอบครัวเราตรงไหน? ลูก ๆ ประสบความสำเร็จ มันไม่ดียังไงงั้นเหรอ!?”
แต่แม่ของเธอกลับให้คำตอบที่ทำให้ต้องมีน้ำโหแทน
“เด็กผู้หญิงจะเรียนหนังสือมากมายไปทำไม? การแต่งงานกับสามีที่ร่ำรวยนี่สิถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ! ฉันเป็นแม่ หาครอบครัวที่ดีให้พวกแกนั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุด! ฉันยกแกให้แต่งเข้าตระกูลมู่ มันไม่ดีตรงไหน? ส่วนเสี่ยวผิง… ฉันพยายามจะจับคู่มันกับคนรวยแล้วฉันผิดตรงไหน? ถ้าฉันรู้ว่าเลี้ยงแกจนโตขนาดนี้แล้วจะกลายเป็นคนอกตัญญู แต่งงานไปแล้วก็ไม่ยอมรับฉันเป็นแม่อีก ฉันน่าจะเอาเชือกผูกคอตายซะให้รู้แล้วรู้รอด…”
พูดไปพูดมา แม่ของเธอก็ร้องไห้โฮเสียอย่างนั้น
หากเธอไม่มีความทรงจำเมื่อชาติก่อน ที่ได้รู้ว่าแม่ของตนเองเลวร้ายถึงขั้นสมรู้ร่วมคิดกับน้องชายเธอและหลานชายในการกำจัดเธอเพื่อฮุบเอาสมบัติ หรือกระทั่งส่งเกาผิงอันไปแต่งงานกับชายพิการแต่นิสัยเหี้ยมโหดจนต้องตายอย่างน่าอนาถ เธอก็คงเชื่อและใจอ่อนไปแล้ว
ในชาติที่แล้วอู๋ซิ่วก็เป็นแบบนี้ แม่ของเธอพร่ำบ่นทุกวันว่าเลี้ยงดูลูก ๆ มาอย่างยากลำบากแค่ไหน ตอนนั้นเธอไม่ทันรู้เล่ห์เหลี่ยม แค่แม่ร้องไห้ เธอก็จะรีบตอบตกลงทุกอย่างในทันที จนท้ายที่สุด มันก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเธอเอง และต้องตายอย่างอนาถ แต่โชคดีที่มีโอกาสได้ย้อนกลับมาแก้ไข คราวนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถใช้มารยาล่อลวงเธอได้อีกแล้ว!
อู๋ซิ่วอ่านภาษากายของลูกสาวออก เกาซูไม่ใจอ่อนให้กับน้ำตาเธออีกต่อไปแล้ว เธอจึงหันไปพูดกับลูกเขยแทน
“เสี่ยวเฉิง ไม่ใช่ว่าฉันจะพูดให้ร้ายลูกสาวตัวเองเหรอนะ! ลูกสาวที่ฉันเลี้ยงมาคนนี้ มันเป็นคนอกตัญญูจริง ๆ! ฉันเหนื่อยยากเลี้ยงมันมาจนโต แต่มันกลับทำกับฉันแบบนี้… เสี่ยวเฉิง เธอต้องระวังหน่อยนะ คนที่ไม่ดีกับพ่อแม่ตัวเอง จะดีกับพ่อแม่สามีและสามีตัวเองได้ยังไง? พวกเธออย่าถูกนางจิ้งจอกตัวนี้หลอกเชียวนะ…” แม่ของเธอร้องไห้น้ำตานองหน้า
“…”
เกาซูถึงกับพูดไม่ออก แม่ของเธอถึงขั้นยุยงให้เธอกับมู่อวิ่นเฉิงแตกแยกกันเชียวเหรอ?
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”
เกาซูไม่รอให้แม่ของเธอได้พูดอะไรมากไปกว่าเดิม เธอถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้าน รื้อหาบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบของเกาผิงอัน จนข้าวของกระจัดเกลื่อนพื้น จากนั้นก็มุ่งตรงเข้าห้องของผู้เป็นแม่โดยไม่ขออนุญาตใด ๆ
“หยุดนะ! แกจะทำอะไร! อย่ารื้อของของฉันตามใจตัวเองแบบนี้นะ!”
เมื่อห้ามเกาซูไม่ได้ อู๋ซิ่วก็หันกลับไปพูดกับมู่อวิ่นเฉิง
“เสี่ยวเฉิง! รีบห้ามเธอหน่อยสิ! ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัย”
“ผมเป็นทหาร ทำหน้าที่แทนหน่วยรักษาความปลอดภัย”
“ดี! ถ้าอย่างนั้นก็จัดการมันสิ!”
มู่อวิ่นเฉิงกระตุกรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องของอู๋ซิ่ว จากนั้นก็ช่วยเกาซูรื้อหาสิ่งที่ต้องการ
“นะ… นี่มันอะไรกัน! หยุดนะ!”
อู๋ซิ่ววิ่งวนพยายามจะห้ามปรามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งเกาซูเจอบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบของเกาผิงอันที่ใต้หมอนของแม่ตนเอง
เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นแม่พร้อมกับพูดอย่างผู้ได้รับชัยชนะ
“ผิงอันเลือกแล้วว่าจะมีอนาคตแบบไหน เพราะฉะนั้น พวกที่ไม่สนับสนุนเธอ ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับเธอไปแล้ว”
“อย่า… อย่าเอาไปนะ! เสี่ยวผิงต้องแต่งงาน! ฉันไม่ยอม! ไม่ยอมเด็ดขาด!”
เกาซูเดินจากห้องมาด้วยแววตามุ่งมั่น แต่ยังไม่ทันเดินพ้นประตูหน้าบ้าน เสียงหนึ่งก็ตะโกนไล่หลังตามมา
“ฉันไม่ให้เสี่ยวผิงไปสอบเด็ดขาด!” ย่าของเกาซูเอ่ยด้วยดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยความขุ่นเคือง “เรียนหนังสือก็มีแต่สิ้นเปลืองเงินทอง เสียเวลาไปตั้งหลายปี สู้เอาเวลาไปแต่งงานรีบมีลูกซะเถอะ จะได้ทันใช้!”
แม่ของเธอเห็นว่ามีคนมาช่วย ก็ทำท่าเป็นห่วงเป็นใยขึ้นมา และพยายามเกลี้ยกล่อมมู่อวิ่นเฉิง “เสี่ยวเฉิง ต้องระวังเมียของเธอให้ดี ๆ นะ ถ้าเกิดเธอโชคดีสอบติดขึ้นมาจริง ๆ เธอก็จะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแล้ว อาจจะเตะเธอทิ้งเมื่อไหร่ใครจะรู้!”
จากที่เงียบมานาน มู่อวิ่นเฉิงก็เปิดปากพูดในที่สุด “ชีวิตเป็นของใคร ก็ให้เขาตัดสินใจเองเถอะ!”
คำพูดที่กระชับ หนักแน่น และทรงพลัง ทำให้สมองของอู๋ซิ่วว่างเปล่า
เสียงร้องไห้ของเธอหยุดกะทันหัน ราวกับสลับฉากดั่งในละคร “แต่เสี่ยวผิงมันหัวไม่ดี เรียนไปก็มีแต่เป็นภาระ! ค่าที่อยู่ ค่ากิน ค่าเทอมก็แพงมาก!”
ได้ยินแบบนั้น เกาซูก็ก้าวเท้าขึ้นมาเผชิญหน้าทั้งย่าและแม่ของตนเอง
“แม่เป็นแม่ประสาอะไร เลี้ยงลูกมาตั้งนาน แต่ไม่รู้ว่าผิงอันหัวดีมาก ถ้าไม่ต้องถูกบังคับให้ทำไร่ทำสวน ตากแดดหน้าดำอยู่แต่ในไร่ ป่านนี้คงสอบติดไปนานแล้ว!”
MANGA DISCUSSION