บทที่ 105 ทาครีมให้สามี
คืนนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ทำให้บริเวณโดยรอบไม่ได้มืดมากนัก เพียงแสงจากตะเกียงก็พอจะทำให้เธออุ่นใจได้แล้ว
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เกาซูก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เพราะอยู่บนป่าเขา ทำให้มียุงชุกชุม เกาซูจึงรีบมานั่งล้อมกองไฟกับชายทั้งสอง
“ดีขึ้นหรือยัง?”
“อืม” เธอตอบเสียงเรียบพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตัว
แม้จะมีควันช่วยไล่ยุงไปได้ประมาณหนึ่ง แต่เสียงของพวกมันเวลาบินตอมก็น่ารำคาญไม่น้อย
“ฉันเอาครีมทาผิวของเธอมาด้วย อยู่ในกระเป๋าของฉัน ไปทาซะสิ” มู่อวิ่นเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ ตอนที่เขากลับขึ้นห้องของเกาซูไปก็พบว่าหน้ากระจกเต็มไปด้วยครีมผิวหลายชนิด จึงเลือกหยิบมาแบบสุ่มแค่สองกระปุก
เกาซูกำลังจะลุกขึ้นไปหยิบมาทา แต่เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอก็รีบนั่งลงตามเดิม
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน” เธอเอ่ยตาใส ก่อนจะหันไปพูดกับเสี่ยวอวี้ “ว่าแต่เสี่ยวอวี้จ๊ะ เห็นเธอเอาแต่ดูแลผู้กองมู่อยู่แบบนี้ เธอไม่มีสาว ๆ ให้ดูแลเลยเหรอ?”
คนถูกถามได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ผมก็อยากมีนะครับ แต่ถ้าให้พ่อแม่เลือกให้ ผมว่าไม่ดีกว่า…”
คำพูดของเสี่ยวอวี้ทำให้มู่อวิ่นเฉิงและเกาซูเป็นต้องสะอึก เพราะทั้งเธอและเขา ต่างก็โคจรมาพบกันเพราะพวกผู้ใหญ่เป็นตัวตั้งตัวตีทั้งนั้นฃ
เกาซูลอบมองปฏิกิริยาของมู่อวิ่นเฉิง ขณะเดียวกัน อีกฝ่ายก็มองเธอด้วยสายตาเช่นเดียวกัน จึงทำให้ทั้งคู่เผลอสบสายตาโดยไม่ตั้งใจ
“…”
เสี่ยวอวี้ไม่ใช่คนโง่ เมื่อเขาสังเกตเห็นความผิดปกติก็รีบแก้ต่างให้ตนเอง “เอ่อ… ที่พูดมาทั้งหมด หมายถึงตัวผมเองนะครับ เพราะผู้หญิงที่พ่อแม่เลือกให้ผมไม่ได้ดีเท่ากับพี่สะใภ้ ลองให้พวกท่านหามาได้แบบพี่สะใภ้ดูสิ ผมจะดีใจจนยกเธอเชิดหน้าชูตาเลยคอยดู!”
เกาซูหัวเราะในลำคอให้กับท่าทีร้อนรนของเสี่ยวอวี้ ก่อนจะตอบอย่างไม่ถือสา “ช่างเถอะ ๆ เรื่องแบบนี้มันก็แล้วแต่โชคชะตาล่ะนะ ต่อให้หนีเท่าไหร่ แต่ถ้ามีด้ายแดงเชื่อมติดกันอยู่ก็หนีไม่พ้นหรอก”
“ฮ่า ๆ ๆ เหมือนพี่สะใภ้กับผู้กองใช่ไหมครับ”
เกาซูหลบสายตา ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปด้วยความขวยเขิน
เมื่อบรรยากาศเริ่มได้ที่ เสี่ยวอวี้ก็วิ่งไปที่กระโจมของตนเอง แล้วกลับมาพร้อมกับไหใบไม่ใหญ่นัก
“นี่ไงครับพี่สะใภ้ ของดีที่ผมว่า…”
มู่อวิ่นเฉิงไม่ได้ว่าอะไร เขาปล่อยให้เสี่ยวอวี้ได้สนุกตามใจตนเอง
“เธอไปได้มาจากที่ไหนเหรอ” เกาซูถามด้วยแววตาเป็นประกาย เธอไม่ได้ดื่มมานานแล้ว นาน ๆ ที ดื่มสักครั้งคงจะดีไม่น้อย
“จากบ้านแม่น่ะครับ ที่นั่นทำเหล้ากันเป็นหลัก รอบนี้ผมเอามาน้อย ให้พี่สะใภ้ได้ชิมก่อน ถ้าชอบ… คราวหน้าผมจะเอามาให้อีกครับ”
“เอาสิ! รินมาเลย!”
มู่อวิ่นเฉิงมองท่าทางของเกาซูแล้วก็ยิ้มบาง ๆ
ตั้งแต่เกิดมา เขาเห็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ชอบทำท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเหนียมอายอยู่เสมอ แต่เมื่อต้องคนที่สู้ได้กับทุกสิ่งโดยไม่หวั่นอย่างเกาซูแล้ว เขาก็สนอกสนใจมากเป็นพิเศษ
“อวิ่นเฉิง คุณก็ดื่มด้วยสิ” เกาซูหันไปพูดกับผู้กองหนุ่ม ก่อนจะยื่นจอกเหล้าใบเล็ก ๆ ให้
“ฉันให้เธอดื่มได้ แต่ก็รู้จักประมาณตัวเอง อย่าดื่มจนไม่ได้สติล่ะ”
“ฉันรู้หรอกน่า!”
เสี่ยวอวี้มองภาพเบื้องหน้าแล้วก็อดขำไม่ได้ สามีภรรยาก็เหมือนลิ้นกับฟัน แม้จะทะเลาะกันอย่างไร แต่สุดท้ายก็แยกจากกันไม่ได้อยู่ดี
เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเกือบเที่ยงคืน
แม้เหล้าไหนั้นจะไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไร แต่จิบทีละนิดละหน่อยก็พอจะทำให้มึนเมาได้เช่นกัน
เมื่อเห็นทหารหนุ่มกำลังทำท่าจะเทเหล้าให้ เกาซูก็รีบยกมือปราม “พอแล้วล่ะเสี่ยวอวี้ ฉันเริ่มมึนแล้ว”
“เอางั้นก็ได้ครับ ผมก็เหมือนกัน ถ้างั้น… ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”
เสี่ยวอวี้เดินเซเข้าไปในกระโจมของตัวเอง ก่อนจะหลับไปอย่างง่ายดาย
ที่กองไฟ เหลือเพียงเกาซูกับมู่อวิ่นเฉิงเท่านั้น
เธอมองจ้องมองชายตรงหน้าที่ตอนนี้เขาเองก็กำลังจ้องเธอไม่วางตาเช่นกัน
“มะ… มีอะไรติดหน้าฉันเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย ก่อนจะลูบคลำใบหน้าตัวเองจนมือแทบพันกัน
“เปล่า… เก่งนะ ที่เธอไม่เมา”
“…”
เกาซูกะพริบตาปริบ ๆ จ้องมองสามีอย่างไม่อยากเชื่อหู
เขากำลังชมเธออย่างนั้นเหรอ?
“ที่จริง… ฉันก็รู้สึกมึน ๆ อยู่นิดหน่อยน่ะ”
“ถ้างั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาซะ จะได้ไปเข้านอน”
เมื่อนึกถึงกระโจมอันคับแคบที่เธอต้องนอนเบียดร่างอยู่กับมู่อวิ่นเฉิงแล้ว ใบหน้าที่แดงก่ำจากฤทธิ์เหล้า ก็ยิ่งร้อนผ่าวขึ้นมากกว่าเดิม
“เดินไหวหรือเปล่า?” เขาถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
เกาซูพยักหน้ารับ แต่เมื่อนึกดูดี ๆ แล้ว เธอก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ขาของมู่อวิ่นเฉิงยังไม่หายดี!
“คุณขึ้นมาได้ยังไง? ขาคุณยังไม่หายดีไม่ใช่เหรอ?”
มู่อวิ่นเฉิงหลบสายตา ทำราวกับว่ากำลังกลบเกลื่อนความผิด
ขาของเขายังไม่หายดีจริง ๆ แต่เขาอยากให้เกาซูหลบจากสายตาคนอื่นที่จ้องแต่จะจับผิด เขาอยากสะสางเรื่องที่ค้างคาใจกับเธอโดยที่ไม่มีคนอื่นมาเข้ามาเงี่ยหูฟังอย่างเมื่อเช้า อีกทั้ง การขึ้นมาบนนี้ก็เหมือนกับการได้พักใจ แบบนี้แล้ว เกาซูคงจะมีเวลาได้ผ่อนคลายเสียบ้าง
“ว่ายังไงล่ะมู่อวิ่นเฉิง ขาของคุณหายดีแล้วเหรอ?”
“ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ เธอก็เข้านอนได้แล้ว”
หญิงสาวลุกขึ้นมาขวางเบื้องหน้าเอาไว้ สายตาของเธอคาดคั้นราวกับจ้องจะกินเลือดกินเนื้อสามี
“ตอบฉันมาสิ!”
“…”
แค่เขาเงียบ เท่านี้ก็แทนคำตอบทั้งหมดได้แล้ว เกาซูหน้ามุ่ย จ้องเขม็งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเปิดปากบ่นเป็นหมีกินผึ้งตามที่มู่อวิ่นเฉิงคิดไว้
“คุณนี่มันจริง ๆ เลยนะ! ทำไมต้องหาเรื่องทรมานตัวเองแบบนี้ด้วย! น่าโมโหจริง ๆ!”
“…”
ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งให้อีกฝ่ายบ่นตามเดิม เพราะเขารู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะ จึงเลือกที่จะปล่อยให้เกาซูพูดจนพอใจ
“ยังจะมามองหน้าอีก! ฮึ่ย! แบบนี้ต้องโดนลงโทษนะ!”
“จะลงโทษฉันยังไงล่ะ? ว่ามาสิ”
เกาซูชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “ฉันก็ยังนึกไม่ออก เอาไว้นึกออกแล้วค่อยว่ากัน แต่ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
มู่อวิ่นเฉิงอมยิ้มเล็ก ๆ ไหน ๆ เขาก็โดนว่าไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ก็แล้วกัน
“ฉันปีนเขาขึ้นมา ปวดขามาก เธอมาช่วยฉันอาบน้ำทีสิ”
“ช่วยอะไรล่ะ คุณหาเรื่องใส่ตัวเองก็จัดการตัวเองไปเถอะ!”
เธอพูดแค่นั้น แล้วก็สะบัดหน้าเดินเข้ากระโจมไป โดยที่มู่อวิ่นเฉิงยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่
ไม่นานนัก ผู้กองหนุ่มก็ตามเข้ามาในกระโจม
เขาพบว่าเกาซูหลับไปแล้ว จึงไม่ได้กวนอะไร
ทว่า ทันทีที่เขาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวก็ลุกขึ้นนั่งแล้วส่งกระปุกครีมให้เขา
“ทาให้ฉันก่อนสิ”
“???”
มู่อวิ่นเฉิงมองเธอในความมืดด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“นี่ยังไงล่ะ บทลงโทษที่ฉันฝากไว้ ทาครีมให้ฉันสิ”
ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ก่อนจะรับครีมมาอย่างมึนงง
“ยื่นหน้าเข้ามาสิ”
“หน้า?”
“ถ้าไม่ยื่นหน้ามาแล้วฉันจะทาให้ยังไงล่ะ”
“มันไม่ได้ใช้ทาหน้าสักหน่อย”
“แล้วทาตรงไหน?”
อาจเป็นเพราะมู่อวิ่นเฉิงเคยชินกับการอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์มากมาย จึงทำให้เขาไม่รู้ว่า ความจริงแล้วครีมทาผิวมีทั้งแบบทาหน้าและทาผิวกาย
เกาซูถอนหายใจเบา ๆ
ผู้ชายก็คือผู้ชาย เธอจะคาดหวังให้เขาไวต่อความรู้สึกของผู้หญิงคงไม่ใช่เรื่องง่าย จึงทำได้เพียงยอมรับ และพูดออกมาเอง
“เอามานี่” เธอแย่งกระปุกครีมมาจากมือของเขา ก่อนจะทำการเปิดฝา ปาดเนื้อครีมลงบนมือ แล้วป้ายแขนอีกฝ่าย
มู่อวิ่นเฉิงสะดุ้งเล็กน้อย มองการกระทำของเกาซูด้วยความสับสน เธอให้เขาช่วยทาครีม แต่แล้วทำไมเธอจึงได้ทาให้เขาแทนล่ะ?
MANGA DISCUSSION