บทที่ 101 ผู้หญิงหน้าด้าน
คำพูดของจางเซียวเหม่ยประโยคนี้ เปรียบเสมือนการโยนระเบิดลงกลางทะเลสาบที่เงียบสงบ ทุกคนในโรงงานที่ได้ยิน ต่างจับจ้องมาที่นี่เป็นตาเดียวกัน
คนที่ไม่ได้ยิน ก็รู้เรื่องราวผ่านการกระซิบกระซาบและบอกต่อ ๆ กันไป
ดังนั้น คนในโรงงานจึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้โดยไม่รู้ตัว เพื่อจับจองพื้นที่ที่ดีที่สุดในการฟังเรื่องซุบซิบในคราวนี้
เกาซูแสร้งยิ้ม แล้วถามหน้าตาใสซื่อ “ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย ใครคือสามีเธอล่ะ?”
จางเซียวเหม่ยเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่เกาซูคะ ทำไมพี่ถึงยังตามรังควานเขาอยู่ ทั้ง ๆ ที่พี่หย่ากับพี่เฉิงแล้วไม่ใช่เหรอ? เขากำลังจะแต่งงานกับฉันนะ!”
ในยุคที่ผู้คนยังค่อนข้างหัวโบราณ ปัญหาเรื่องศีลธรรมเป็นเรื่องใหญ่มาก
ไม่ต้องพูดถึงการนอกใจหรือมีชู้ แค่การหย่าร้างก็เป็นข่าวใหญ่ได้แล้ว
ดังนั้น เกาซูจึงได้ยินเสียงคนงานด้านหลังซุบซิบกันว่า “อะไรนะ? คุณเกาซูหย่ากับสามีแล้วเหรอ?”
“พวกเราไม่รู้เลย! สามีของเธอไม่ใช่ทหารหรอกเหรอ?”
“นั่นสิ ๆ ๆ จะว่าไป เมื่อวานเห็นเขามาหาเธอที่ห้องนี่นา ทำไมวันนี้กลับมีคนมาตามตัวกลับซะแล้วล่ะ? อย่าบอกนะว่า…”
“คุณเกาซูคบชู้กับเขา!!”
เกาซูได้ยินชาวบ้านนินทาไปต่าง ๆ นานาก็ไม่ได้หวั่นไหวอะไร เธอกระแอมเสียงเล็กน้อย ก่อนจะตอบโต้หญิงสาวที่หน้าด้านที่สุดเท่าที่เคยเจอมา “หย่าเหรอ? ฉันหย่ากับเขาแล้วเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ?”
เห็นท่าไม่ค่อยดี จางเซียวเหม่ยก็ยิ่งร้องไห้เสียงดัง แน่นอนว่าเธอตั้งใจให้ดังเพื่อให้ทุกคนได้ยินกันถ้วนทั่ว…
“เป็นเพราะพี่รังเกียจเขา พี่ทนความเหงาไม่ไหวเลยไปมีคนอื่น พวกพี่ถึงได้หย่ากันไม่ใช่เหรอ! ตอนนี้มีแค่ฉันที่รักและดูแลเขา เรากำลังจะแต่งงานกัน แต่พี่กลับมาตามรังควานเขาอีก ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้! ใช้ชีวิตไปเงียบ ๆ ไม่ได้เหรอ?”
เกาซูกอดอกถาม “จริงเหรอ? ฉันรังเกียจเขางั้นเหรอ? ฉันไปมีคนอื่นงั้นเหรอ? ใครบอกเธอล่ะ? มู่อวิ่นเฉิงบอกเธอเหรอ?”
“ใช่แล้ว! พี่เฉิงบอกฉัน! เขาน่าสงสารจริง ๆ! พี่อาจจะรังเกียจเขา แต่ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ!… ฉันมาขอร้องในฐานะผู้หญิงด้วยกัน เขาเป็นคนที่ใจดีมาก ถ้าพี่ยังตามรังควานเขาแบบนี้ แล้วเขาจะตัดใจจากพี่ได้ยังไง แต่ถึงยังไง… เราก็กำลังจะแต่งงานกันแล้ว ช่วยทำตามที่ฉันขอจะได้ไหม!” จางเซียวเหม่ยพูดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับอยากให้ทุกคนได้ยิน
ตอนนี้ทั้งโรงงานกำลังตกอยู่ในความโกลาหล
คนงานต่างพากันมามุงดู และตกตะลึงกับเผือกร้อนนี้กันเป็นอย่างมาก คนจากแผนกอื่น ๆ ในโรงงานเมื่อได้ยินข่าวลือก็รีบวิ่งมามุงดูเช่นกัน
จางเซียวเหม่ยเห็นคนมากันมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งพูดอย่างไม่ยั้งปาก “พี่เกาซู ฉันรู้ว่าพี่อาจจะอับอายชาวบ้านที่ตัวเองต้องมาหย่ากับพี่เฉิงแบบนี้ แต่พี่ไม่รักเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เขาไปล่ะ ช่วยปล่อยให้เขาได้มีชีวิตที่ดี และได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักไม่ได้เหรอ? ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใคร”
อะไรนะ? จะไม่บอกใครงั้นเหรอ? แล้วตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่? หากจะพูดให้ถูก ตอนนี้คนทั้งโลกเขารับรู้กันหมดแล้ว!
แต่ช่างเถอะ! ถึงอย่างไร เกาซูก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดชาวบ้านอยู่แล้ว เพราะความจริงทั้งหมดกำลังจะปรากฏให้ทุกคนได้เห็นเดี๋ยวนี้อย่างไรล่ะ!
เกาซูยิ้ม แล้วมองไปทางด้านหลังของจางเซียวเหม่ย จากนั้นก็ถามชายร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงนั้นว่า “เป็นไง?… เธอพูดถูกไหม… มู่อวิ่นเฉิง”
เพียงแค่ได้ยินคำว่า ‘มู่อวิ่นเฉิง’ สีหน้าของจางเซียวเหม่ยก็ซีดเผือดไปในทันที
เธอหันหลังกลับไปมองอย่างรวดเร็ว และก็เห็นมู่อวิ่นเฉิงยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหลัง พร้อมกับแสดงสีหน้าบึ้งตึง
ขาของจางเซียวเหม่ยอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่อยู่ เธอพูดติดอ่างขึ้นมาทันที “พี่… พี่เฉิง… ทำไม… ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่?”
มู่อวิ่นเฉิงค่อย ๆ เดินเข้ามา แล้วก็ผ่านจางเซียวเหม่ยไปอย่างเย็นชา จนมายืนข้าง ๆ เกาซูด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด
เขาไม่ลังเลที่อยู่ฝั่งเกาซูแม้แต่เสี้ยววินาที
สายตาอันคมกริบจ้องมองไปยังจางเซียวเหม่ย คำถามมากมายที่ส่งผ่านสายตาไปโดยไม่ได้เอ่ยเป็นคำพูดทำหญิงสาวยืนตัวเกร็งจนแทบจะกลายเป็นหุ่น
จางเซียวเหม่ยหน้าชาเป็นอย่างมาก เธอไม่นึกเลยว่า การมาเพื่อตัดกำลังคู่ต่อสู้จะกลายเป็นการตัดกำลังตัวเองแทน
มู่เยี่ยนฟางได้รับข่าวก็รีบวิ่งมาดู เธอตะโกนด่าไปทางด้านหลังของจางเซียวเหม่ยว่า “ผู้หญิงไร้ยางอายมาจากไหนกัน! น้องชายฉันกับน้องสะใภ้เขาก็ดี ๆ กันอยู่แท้ ๆ จะหย่าอะไรกันล่ะ!”
จากนั้นก็หันมาจับมือเกาซู “เสี่ยวซู เธอนี่ซวยซ้ำซวยซ้อนจริง ๆ นะ ไม่น่ามาเจอผู้หญิงขี้ตู่แบบนี้เลย”
ในฐานะพี่สาวที่คอยปกป้องน้องชายอย่างสุดชีวิต มู่เยี่ยนฟางรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของมู่อวิ่นเฉิงอย่างไร เธอจึงจำเป็นต้องชี้แจงกับคนในโรงงานให้เขา
“ผู้หญิงหน้าด้านคนนี้โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้! จู่ ๆ ก็มาทำลายชื่อเสียงน้องชายฉัน! เสี่ยวเฉิงเป็นทหารนะ! เขาดูแลความสงบที่ชายแดนมาตั้งหลายปี! ขนาดเมียตัวเองแท้ ๆ ยังแทบไม่ได้เจอ ถึงจะเจอกันนาน ๆ ครั้ง แต่พวกเขาก็รักกันดี แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงหน้าไม่อายแบบนี้! เหลวไหลทั้งเพ!” มู่เยี่ยนฟางพูดอย่างหนักแน่น พรรณนาความรักระหว่างมู่อวิ่นเฉิงกับเกาซูว่าหวานชื่นแค่ไหน
คนในโรงงานค่อย ๆ แยกย้ายกันไป ต่างพากันเข้าใจแล้วว่า ที่แท้ก็แค่คนสวยที่นิสัยเสียอยากได้สามีของคนอื่นจนปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้นเอง
ในเมื่อเจ้าตัวยืนกรานด้วยตนเองแล้ว ก็ไม่มีอะไรชวนให้ติดตามอีก ไม่นาน จากที่ทางเข้าเต็มด้วยกลุ่มคนรายล้อม ตอนนี้ทุกอย่างก็ได้กลับเข้าที่เข้าทางอันสงบสุขดังเดิมแล้ว
เกาซูเหลือบมองสามีแวบหนึ่งอย่างเงียบ ๆ “จะเอายังไงต่อล่ะ ตกลงแล้ว ผู้หญิงคนนั้นพูดจริงหรือเปล่า?”
ตอนนี้ มู่อวิ่นเฉิงเปลี่ยนมาโกรธเคืองเกาซูแทน เพราะความเชื่อใจที่เธอมีต่อเขามันช่างเปราะบางและไม่หนักแน่นเอาเสียเลย
ชายหนุ่มกำข้อมือของเกาซูเอาไว้ เขากัดฟันแน่นจนเห็นสันกรามชัดเจน แน่นอนว่าแรงบีบที่มือก็มีมากพอ ๆ กับความขุ่นเคือง
“คุณจะอะไร ฉันเจ็บนะ!”
“ฉันต้องถามเธอมากกว่า ว่าทำไมถึงได้ถามอะไรโง่ ๆ แบบนี้ออกมา”
“…”
เกาซูนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว เธอก็เพิ่งรู้ตัวเองว่า เมื่อครู่ตนเองได้เผลอพูดจาไม่สมควรออกไป
“เอ่อ…”
มู่อวิ่นเฉิงไม่รอฟังคำพูดจากภรรยา เขาหันกลับไปมองจางเซียวเหม่ย ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นออกไป
“กลับไปเถอะ หลังจากนี้เราคงไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว ที่พี่ไม่ดุด่าเธอ เพราะพี่ยังให้เกียรติตระกูลจางอยู่ เพราะฉะนั้น นับแต่นี้ไป เธอห้ามเข้าใกล้พี่หรือแต่งเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้น พี่จะเอาเรื่องวันนี้ไปบอกพ่อเธอ”
ได้ยินคำขู่ จางเซียวเหม่ยก็ร้อนรนจนแทบอยู่ไม่สุข
เธอปาดน้ำตาที่ไหลพรากจากความอัปยศ ก่อนจะวิ่งออกไปทั้งที่ขายังสั่นราวกับกวางแรกคลอด
มู่อวิ่นเฉิงยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเกาซู เขายังเคืองไม่หายจากคำถามที่ราวกับดูถูกกันเช่นนั้นของอีกฝ่าย
รอบ ๆ ข้างยังมีคนเดินไปมาอยู่เรื่อย ๆ และทุกคนต่างจ้องมองพวกเขาทั้งสองอย่างสนอกสนใจ
MANGA DISCUSSION